วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ปลากระทิงตัวนั้น

เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ผมเป็นคนที่ชอบตกปลามากๆ มีอุปกรณ์ตกปลาครบชุด หลายๆชุด เวลาว่างจะหาโอกาสตกปลาอยู่เสมอ หมายไหนเด็ดต้องไปลอง สะพานจุลจอมเกล้า ท่าน้ำ ทรส. สะพานแทบทุกที่ บึงน้ำหลายแห่ง ผมเคยไปมาเกือบทุกที่

ปลาได้มาก็กินบ้าง แจกบ้าง บางครั้งก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ค่าเหยื่อแพงกว่าค่าปลาเสียอีก แต่ก็มีความสุขที่ได้เห็นเบ็ดลงน้ำ ได้นั่งเฝ้าคันเบ็ด ดังนั้นแทบทุกคืน หลังเลิกงานผมจะไปหาที่ตกปลาอยู่เสมอ

ช่วงหนึ่งผมไปตกปลาแถวๆลีเล็ด อำเภอพุนพิน เวลากลางคืน พวกปลากระทิงกินเบ็ดดีเหลือเกิน แต่เวลามันกินเบ็ด มันจะกลืนเบ็ดเข้าไปเลย ต้องตัดสายเบ็ด ผูกเบ็ดตาใหม่ แล้วมาผ่าออกที่บ้านตอนทำปลา ดังนั้นจึงต้องมีตาเบ็ดสำรองอยู่มากพอสมควร

คืนหนึ่ง ผมนั่งตกปลาเหมือนเดิม ได้ปลากระทิงมาเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือตาเบ็ดผมหมดแล้ว ผมยังอยากตกปลาต่อ เลยพยายามเอาเบ็ดออกจากท้องปลากระทิงตัวนั้น แต่ทำอย่างไรก็เอาออกไม่ได้

ในที่สุดผมตัดสินใจกระชากมันออกมา จนเบ็ดหลุดออกมาจนได้ ปลาตัวนั้นดิ้นๆอยู่แป๊บนึงก็ตาย ผมก็ตกปลาต่อ ได้ปลาแขยงบ้าง ปลาเล็กปลาน้อยบ้างตามเรื่องตามราว จนเลิก เก็บของกลับบ้าน

ปลาตัวนั้นที่ใส่ถังไว้ มันตาย พี่ที่ไปด้วยกันบอกว่าอย่าเอาไปเลยกว่าจะได้ทำปลา ก็พรุ่งนี้เช้า ตัวมันพองๆแล้ว กินไม่ได้หรอก ทิ้งไปเถอะ ผมก็ทิ้งไป ไม่ได้เอากลับบ้านมาด้วย

ในใจตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรเลย นอกจากสนุกสนาน นั่งกินเบียร์ กินเหล้าเฝ้าคันเบ็ด จนกระทั่งผมต้องทำงานต่างจังหวัดไกลๆ เลยห่างหายจากการตกปลา นานๆจะได้ตกซักที แต่หลังจากนั้นประมาณสองปี มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมคิดถึงเจ้าปลาตัวนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ลืมไปนานแล้ว

หลังจากที่ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัดทุกสัปดาห์ ช่วงนั้นจำได้ว่า ประจำอยู่ที่กระบี่ ผมก็ไม่ค่อยได้ตกปลามากนัก นานๆถึงจะตามเพื่อนๆ พี่ๆ ไปนั่งกินเบียร์ดูเขาตกปลากันซักครั้ง

คืนวันหนึ่ง ผมกลับมาจากทำงาน นอนเล่นๆอยู่ที่บ้าน ยังไม่ทันหลับ เริ่มรู้สึกปวดท้อง เสียดๆในท้อง แต่ยังไม่มากนัก จนกระทั่งห้าทุ่ม เริ่มรู้สึกว่าหนักขึ้น เริ่มทนไม่ไหว ตัดสินใจขับรถไปโรงพยาบาลเอกชนในเมืองสุราษฎร์ธานี ที่บริษัททำบัตรประกันสุขภาพไว้ให้

ผมนอนรอหมออยู่ไม่นาน หมอที่ตรวจยังเป็นหนุ่มเหมือนเพิ่งจะจบ เพราะยังดูเด็กกว่าผมมาก หมอเอามือกดๆที่ท้อง ถามอะไรๆนิดหน่อย แล้วสั่งยา บอกให้ผมกลับบ้าน

ผมยังรู้สึกปวดมากๆ และอาการยังไม่ดีขึ้น แต่ก็กินยาที่หมอให้มาแล้วขับรถไปออฟฟิศ ที่อยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาล ที่ออฟฟิศมีชุมสายที่มีคนเข้าเวรตลอด 24 ชั่วโมง ผมเลยไปขออาศัยนอนที่นั้นก่อน

ให้ขับกลับบ้านคงไม่ไหวระยะทางห่างกันประมาณสิบกว่ากิโล กลัวจะมาไม่ถึงบ้าน หลังจากผมกินยาผมก็หลับไป ตื่นมาอีกทีประมาณตีสี่ ปวดท้องจนแทบจะทนไม่ไหว ปวดมากกว่าตอนออกจากบ้านมาเสียอีก ผมกลับไปโรงพยาบาลอีกรอบ

เจอหมอคนเดิม ผมยืนยันที่จะนอนที่นี่จนกว่าจะหาย ระหว่างที่ผมนอนอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉิน ผมได้ยินหมอถามพยาบาลว่า "คนไข้ใช้บัตรอะไร" พยาบาลก็บอกไป แล้วหมอก็ให้ผมนอนที่โรงพยาบาลได้

เจ้าหน้าที่พาผมมาส่งที่ห้องพัก ผมกินยาที่หมอให้อีกรอบ แล้วก็หลับไปอีกครั้ง ตื่นมาตอนเจ็ดโมงกว่าๆ อาการยังปวดอยู่ แต่ดีขึ้นนิดหน่อย ยังไม่มีใครมาดูอาการผม จนเกือบๆเก้าโมงเช้า มีคุณหมออีกคนเข้ามาดูอาการของผมในห้อง

หมอตรวจร่างกาย ถามอาการแล้วสั่งยา ผมบอกว่าผมมียามาแล้ว หมอถามว่าเอามาจากไหน ผมบอกว่าที่นี่แหละ เมื่อคืนนี้เอง หมอเอายาของผมไปดูแล้วสั่งยกเลิกยาชุดนั้น ให้กินยาใหม่ที่หมอสั่งให้วันนี้แทน

ผมนอนโรงพยาบาลอยู่สองวัน อาการดีขึ้นแต่ไม่หายขาด คุณหมอบอกผมว่าต้องส่องกล้องดูแล้วว่าในท้องเป็นอะไรกันแน่ ดังนั้นในตอนเช้าอีกวันก็มีคนมาพาผมไปห้องตรวจอีกห้องหนึ่งเพื่อส่องกล้องลงในท้อง

พยาบาลเอาอะไรบางอย่างใส่ปากผม เวลากัดลงมาแล้วมันไม่สุดจะมีช่องอยู่ เขาเอายาอะไรไม่รู้ฉีดเข้าไปในคอ แล้วเอากล้องที่คล้ายๆท่อยาง ใส่ลงไปในคอ ไหลลงไปเรื่อยๆ ผมจะอ้วกจะคายก็ทำไม่ได้ มีคนจับแขนไว้ น้ำตาไหลพราก ทรมานมากจริงๆ

วินาทีนั้นผมคิดถึงปลากระทิงตัวนั้น คิดถึงได้อย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ลืมไปนานแล้ว เวลาผ่านมานานแล้ว และไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลย แต่วันนี้กลับคิดถึงมันขึ้นมา

เสร็จจากการโดนเอากล้องแหย่ลำคอลงไปในท้อง ผมกลับมานอนที่ห้องพักอีกครั้ง นอนคิดทบทวนเรื่องราว ผมเชื่อเลยครับว่ากรรมมีจริง ผมทำกับปลากระทิงตัวนั้นอย่างไร ตอนมันโดนกระชากเบ็ดออกจากท้อง มันคงทรมานไม่ต่างจากตอนที่ผมโดนกล้องใส่เข้าไปในลำคอ

ตอนมันโดนทิ้งให้เจ็บจนตายไม่มีใครดูแล มันคงจะเป็นเหมือนตอนที่ผมต้องมานอนปวดท้องเพื่อรอคอยคนมาดูแลตั้งหลายชั่วโมง ผมยกมือไหว้ขออโหสิกรรม และจะทำบุญให้ปลากระทิงตัวนั้น แล้วนอนพักผ่อน

แต่สิ่งที่แปลกคือ ในวันนั้นอาการผมดีขึ้นจนเป็นปกติ เช้าอีกวันหมอเข้ามาดูอาการบอกว่า จากที่ส่องกล้องผลการตรวจไม่พบอะไร ผมจึงขอกลับบ้านวันนั้นเลย หมอก็อนุญาต

ผมจัดการเรื่องเอกสารเสร็จตอนบ่ายโมง ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ประกันที่ทางบริษัททำไว้ให้จัดการเรียบร้อยหมดทุกอย่าง ออกจากโรงพยาบาล ผมขับรถวนกลับมาหน้าออฟฟิศ ฝั่งตรงข้ามออฟฟิศเป็นวัด

ผมเข้าไปทำบุญให้ปลากระทิงตัวนั้น แล้วกลับบ้าน หลังจากนั้นอุปกรณ์ตกปลาของผมก็ให้คนอื่นไปจนหมดไม่เก็บไว้อีกเลย ... คิดเสียว่าเป็นนิทานนะครับ ผมอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น