เรื่องของ " นายพันโท จมื่นฤทธิ์รณจักรกราบถวายบังคมทูลลาตาย"
ที่มา https://www.facebook.com/payapenad?fref=nf
เหตุการณ์ตอนปลายรัชกาล วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2468 พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปพระราชทานน้ำสรงพระศพ ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัว ร.6 ประทับอยู่ ณ พระที่นั่งอุดรฯซึ่งมีเฉลียงทั้งบนและล่าง เชื่อมต่อกับพระที่นั่งอัมพรสถาน มีอัฒจันทร์(บันได)หินอ่อน ทอดลงไปที่ถนนสำหรับรถยนต์พระที่นั่งเข้าเทียบ หากมีพระราชประสงค์จะเสด็จขึ้นลง จากตรงนั้นก็ทรงทำได้ แต่ปกติแล้วรถจะเทียบหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน บรรดาราชองครักษ์และมหาดเล็กตามเสด็จ ก็จะไปรอรับเสด็จที่พระที่นั่งอัมพรสถาน
วันนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จจากพระที่นั่งอุดรฯ ตรงไปที่พระที่นั่งอัมพรสถานเพื่อจะประทับรถพระที่นั่งจากตรงนั้น ระหว่างเสด็จมาตามลำพังพระองค์เดียว เพราะผู้คนไปรอที่อัฒจันทร์ด้านพระที่นั่งอัมพรกันหมด พอเลี้ยวจากอัฒจันทร์ชั้นบนจะลงมาที่ชั้นล่าง ก็ทอดพระเนตรเห็น นายพันโทจมื่นฤทธิ์รณจักร(กรับ โฆษะโยธิน) ผู้บังคับการทหารรักษาวัง และราชองครักษ์เวร มายืนเฝ้าถวายการเคารพอยู่ริมถนนเชิงอัฒจันทร์
พระเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่านไป ทรงรับความเคารพ ด้วยความแปลกพระทัยที่องครักษ์เวรมายืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ตามลำพังแทนที่จะไปรอเฝ้าที่หน้าพระที่นั่งอัมพรอย่างที่ควรทำ แต่ก็ทรงนึกว่าหรือราชองครักษ์จะรอเฝ้าเพราะมีเรื่องกราบบังคมทูลเป็นส่วนตัว แต่ท่าทีเขาก็ไม่เห็นจะถวายหนังสือ หรือมีเรื่องกราบบังคมทูล และที่แปลกพระทัยอีกอย่างคือ แทนที่จะแต่งเต็มยศขาวตามหมายกำหนดการ จมื่นฤทธิ์ฯกลับแต่งเต็มยศใหญ่ จะทรงทักว่าแต่งผิดก็เกรงว่า จมื่นฤทธิ์ฯ จะตกใจ จึงเสด็จผ่านไปเฉยๆ
จนกระทั่งเสด็จกลับจากงานพระศพ กลับมาที่พระที่นั่งอุดร ทรงลืมเรื่องของจมื่นฤทธิ์ฯไปแล้ว ทอดพระเนตรเห็นพานดอกไม้ธูปเทียนกราบถวายบังคมทูลลาตาย วางอยู่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็น จึงทรงหยิบหนังสือขึ้นทอดพระเนตร มีข้อความว่า
" ...ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า นายพันโท พระฤทธิรณจักร (กรับ โฆษะโยธิน) ขอพระราชทานกราบบังคมลาถึงแก่กรรม ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ".....
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ก็ทรงระลึกได้ทันทีว่าบ่ายนี้ที่จมื่นฤทธิ์ฯ มาเฝ้าในเครื่องแต่งกายเต็มยศใหญ่ ก็คงเป็นเพราะประสงค์ จะมาถวายบังคมลาตายด้วยตัวเอง นั่นเอง
เมื่อความได้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเช่นนั้น พระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัยและเสียดายจมื่นฤทธิ์รณจักร เป็นอย่างมาก ถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า "จมื่นฤทธิ์รณจักร แกรักฉัน อุตส่าห์นำวิญญาณในเครื่องแบบเต็มยศมาลาฉัน"
ปล. เป็นระเบียบของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชสำนักจะต้องมีญาติ พี่น้องทำหนังสือกราบบังคมทูลในนามผู้ตาย ถวายบังคมลาตาย ส่งไปที่กระทรวงวัง พร้อมดอกไม้ธูปเทียนใส่พานไปด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงวัง จะได้นำพานและหนังสือ ทูลเกล้าฯถวาย เพื่อทราบใต้ฝ่าละอองฯ หลังจากนั้นสำนักพระราชวัง ก็จะจัดน้ำหลวงอาบศพ และเครื่องประกอบเกียรติยศส่งไปให้ผู้ถึงแก่กรรม
ค่ำวันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว ได้รับสั่งให้มหาดเล็กห้องบรรทม โทรศัพท์ไปเชิญ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวังให้มาร่วมโต้ะเสวย และทรงเล่าเรื่องวิญญาณของนายทหารมหาดเล็กที่มาเข้าเฝ้าให้ฟัง เรื่องนี้จึงเป็นที่แพร่กระจายในราชสำนักยุคนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น