วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กวนบ้านเมืองจนขุ่น กวนโอ๊ย...กวนส้นตีน

ทุกวันนี้ผมติดตามข่าวสารบ้านเมืองน้อยลงไปทุกที จากที่เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ในแต่ละวันผมแทบจะบริโภคข่าวสารแทนข้าวกันเลยทีเดียว ตื่นเช้ามาก่อนจะทำอะไรก็ต้องเปิดทีวี เปิดดูความเคลื่อนไหวต่างๆของผู้ชุมนุม ก่อนนอนก็ต้องดูสรุปข่าวรอบวัน บางครั้งนอนสะดุ้งตื่นมาตีสองตีสามก็ต้องเปิดทีวีดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งช่วงหลังๆช่องข่าว สปริงนิวส์ ที่มีเจ๊วรวีร์ วูวนิช ไปทำงานนั่นละครับ มีการติดกล้องไว้ที่บนสะพานลอย ดูความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมได้ 24 ชั่วโมง ทำให้ผมต้องเลื่อนมาดูช่องข่าวน้องใหม่ช่องนี้อยู่บ่อยๆ มันเหมือนดู เรียลลิตี้ หรือ หมีแพนด้า ยังไงก็ไม่รู้ แต่ตอนนั้นผมมีสภาพเหมือน ผีดิบเลยครับ ร่างกายอ่อนเพลีย เวลาทำงานชอบแอบงีบหลับเป็นประจำ และคาดว่าอีกไม่นานสภาพแบบนั้นจะกลับมาเยือนผมอีกครั้งในช่วงบอลโลก

เมืองไทยเป็นเมืองที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ ไม่ว่าชนชาติไหนหรือที่ใครในโลกใบนี้จะเข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี การใช้ชีวิต ที่ในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ดังนั้นในช่วงที่มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรานั้น จะเห็นได้ว่า สื่อต่างๆ ก็จะออกมาเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าไม่อคติหรือมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ผมว่า สื่อบ้านเรามีทางเลือกให้กับประชาชนมากมายกว่าที่ใดๆในโลกเลยนะครับ ใครชอบด้านไหนก็ดูสื่อของด้านนั้น ใครเกลียดรัฐบาลก็ดูช่องที่เสนอข่าวด้านลบ ใครรักนายกก็ดูสื่อของรัฐ อันนี้ก็เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆที่ไม่มีชาติใดในโลกมาเลียนแบบได้

คราวนี้เรื่องที่ผมสงสัยอีกเรื่องก็คือ รายการแบบที่เรียกว่า วิเคราะห์ เจาะประเด็น ฟันธง ทำนาย คาดว่า ต่างๆที่ผุดออกมาในจอทีวีรวมทั้งคอลัมนิสต์ ที่มาวิเคราะห์ต่างๆทางหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีมากมายในทุกวันนี้ มันคือรายการแนวไหนกันแน่ จัดรายการวิเคราะห์ เจาะลึก เกี่ยวกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ ทำนายทายทักบ้านเมืองไปแนวทางที่ตัวเองอยากให้เป็น.. แช่งชักหักกระดูกคนที่ตนเองไม่ชอบ แก้ตัว ตามน้ำ หรือมาออกทีวีเพราะอยากดัง.. อันนี้ก็ให้ไปวิเคราะห์ เจาะประเด็นกันเอาเองนะครับ

" ถ้านายกไม่ไปอุ้มหมีที่เชียงใหม่ รับรองว่า ปลาพะยูนที่ตรังจะแอบไปเป็นชู้กับจรเข้ที่พิจิตรแน่นอน ไม่เชื่อคอยดู"

"จริงเหรอคะท่าน" แล้วพิธีกรหญิงหน้าตาเอ๋อเหรอ ก็จะถามคำถามโง่ๆแบบนี้ออกมา ( ทุกครั้ง )

"จริงสิ จากประสบการณ์ของผม ที่เคยทำงานให้กับกองทัพ (งูเห่า ) ผมรู้ดีกว่าการอุ้มหมีคือการแสดงความรักต่อสัตว์โลก เมื่อเรารักหมีความสามัคคีมันจะตามมา และนำมาซึ่งความสามัคคีปรองดอง"

"เหรอคะท่าน" แล้วพิธีกรหญิงก็จะ ทำหน้าตกใจ (กล้องซูมเข้าไปให้เห็นแววตาประทับใจในความสามารถของผู้ร่วมรายการ)

"ท่านเก่งจริงๆเลยคะ โอกาสหน้าขอเรียนเชิญท่านมาวิเคราะห์ปัญหาบ้านเมืองกับเราอีกนะคะ ท่านเก่งจริงๆเลยคะ"

ถ้าไม่เชื่อผมลองเปิดทีวีตอนเย็นๆได้เลยครับ มีแทบทุกช่อง บางครั้งยังแอบคิดคนเดียวเลยครับว่า "มึงจะเชิญใครมาออกทีวี กูไม่ว่า แต่ขอให้คิดถึงกูบ้าง" เอาที่มันรู้จริง น่าเชื่อถือจริง มาออกเถอะครับ แล้วก็อย่าทื่อเป็นสากกระเบือที่ว่า สื่อต้องเป็นกลาง ต้องเสนอข่าวสองด้าน ถ้าเสนอข่าวแล้วทำรายการกันแบบนี้คงอีกไม่นานเราคงจะเห็นผู้ก่อการร้ายแถวๆ ยะลา ปัตตานี มาออกทีวี ให้พิธีกรสาว(หรือเปล่า) ผมสั้นๆ หน้าตาเอ๋อเหรอ สัมภาษณ์ ออกฟรีทีวี บ้านเราแน่นอน รายการวิเคราะห์ประเด็นหรือรายการ "บ่างช่างยุ" กันแน่ เอาคนมาเถียงกันออกทีวี แล้วโชว์ว่าตัวเองเก๋า "เอาอยู่คะ" แล้วก็นั่งดูคนทะเลาะกันต่อหน้าต่อตาอย่างสะใจ

เมื่อถึงเวลาแบบนี้เพลงของคาราบาวที่พวกเราจะนึกได้ก็คือเพลง "หำเฮี้ยน" เพลงนี้ของคาราบาว ไม่ต้องฟังเนื้อหา แค่ดูชื่อเพลง ก็โดนแบนแล้วครับ ไม่ให้ออกอากาศแน่นอน นี่ถ้าเอาประเด็น หำเฮี้ยน โดนแบน ไปให้พิธีกรสาวคนนั้นถกประเด็นออกทีวีคงจะออกมาในแนวประมาณนี้...

ถ้าคุยกับน้าแอ๊ดผู้แต่งเพลง

"ชื่อหำเฮี้ยน ไม่น่าโดนแบนนะคะ"

"หำนี่มันก็น่ารักดี ดิชั้นยังชอบเลยคะ"..


(กล้องซูมเข้าไปให้เห็นแววตามั่นใจของพิธีกร)

ถ้าคุยกับ กบว..

"น่าเกลียดนะคะ สังคมไทยมีอารยะธรรม เป็นคนมีการศึกษา จะเอาหำมาเป็นชื่อเพลงได้ยังไง" "แบบนี้เรียกว่าใช้หำผิดประเภทใช่มั๊ยคะท่าน"

(กล้องซูม 75%เพื่อให้เห็นเต็มใบหน้าของพิธีกรที่มีทีท่าขยะแขยงกับหำ )

หนังสือพิมพ์ก็เหมือนกัน ฉบับไหนเชียร์ใคร ลองเปิดอ่านพวกหัวข้อประเด็นเหล่านี้ดูก็รู้แล้วครับ ข้อความไม่กี่บรรทัดสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้กับคนที่อ่านได้มากมายมหาศาล เดี๋ยวนี้ไม่ต้องอ่านข้างในก็รู้แล้วครับว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหนเชียร์ใคร ดูจากพาดหัวตัวใหญ่ก็รู้แล้ว เรื่องเดียวกันยังพาดหัวไปคนละแนวเลยครับ

"มาร์คยึดหลักคุณธรรม ลูกหมีต้องคืนจีนเพราะไม่ใช่ของเรา "

"มาร์คใจดำ ไม่สนใจหมี ทั้งๆที่เกิดในไทย"

ก็ว่ากันไป ตีความกันไป หากินกันไป เราก็เสียเงินซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านกันไป แล้วก็เอาประเด็นที่นักข่าวเขียนมาทะเลาะกันไป มีความสุขดีครับ เพราะที่นี่คือ ประเทศไทยครับ วันนี้เลยนำเพลงของคาราบาวที่เข้ากับสถานะการณ์นี้มาฝากกันครับ

เพลงหำเฮี้ยน คาราบาว

....ชาวนาคือผู้ทำนาปลูกข้าว
เลี้ยงเรามาจนเป็นหนุ่มสาวยันจนเราเฒ่าแก่ชรา
แต่เหตุไฉน ชาวนาไทยอับจนเรื่อยมา
เผชิญดินน้ำลมฟ้า เผชิญปัญหาชะตากรรม
ถามคุณพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเรา
ลองกระซิบถามท่านเบาๆท่านโตด้วยข้าวมือใคร
ตอนเราเป็นเด็ก เราได้ดื่มน้ำนมมากมาย
นมจากเต้าเอามาจากไหน ใช่หรือไม่เหงื่อไคลชาวนา

วิงวอนฝากมา ถึงรัฐสภาจากชาวนาไทย
คุณนั่งห้องแอร์มันคงสบาย
กลิ่นโคนสาปควายยังนองน้ำตา
ร่างนโยบายซื้อขายข้าวเปลือก
ประกันราคา เกษตรกรเขานอนผวา
รายได้ต่ำกว่าราคาลงทุน

ดีชั่วตัวคุณเขาสนับหนุนคุณเป็นผู้แทน
เลือกเอาไปเป็นขาเป็นแขน
อย่าปล่อยแฟนๆ ทิ้งไร่ทิ้งนา
หายหัวกระบาล จนชาวบ้านเขาเอื้อมระอา
เลือกตั้งครั้งสมัยหน้า ใครเขาจะกล้าไปลงคะแนน

การเมืองเป็นรงเป็นเรื่องของผลประโยชน์
ผมพูดความจริงขอจงอย่าโกรธ
ภาษาที่ใช้คำไทยโดดๆ
ขอโทษทีครับแบนหำทำไม
หำคนทำกินใช่อันธพาลประเทศไทย
หำคำเดียวจำง่าย ชื่อจริงชื่อนาย หำเทียม

นักเขียนนักข่าว หำขอร้องกล่าวปรับความเข้าใจ
อย่านึกว่าเป็นนักเขียนมันง่าย
เขียนสุ่มกันไปรับเงินลูกเดียว
งานจับปากกาก็เหมือนชาวนาเขากำด้ามเคียว
ขีดเขียนเก็บเกี่ยว ไม่ต่างกันตรงที่ความจริงใจ

เพลงหำคร่ำครวญ ชักชวนให้คุณเห็นความเป็นไทย
อย่าเอาหนังสือพิมพ์บ่อนทำลาย
คว่ำกระจาดตลาดลงทุน
อย่ายอมรับใช้เขียนซ้ายเลียขวาจนวุ่น
กวนบ้านเมืองจนขุ่น กวนโอ๊ยกวนส้นตีน

ยังมีอีกมากที่ลากออกมาพอเป็นกระษัย
แต่หำต้องขอทิ้งท้ายศิลปินไทยฟังหำหน่อยสิ
อย่าร้องอย่ารำอย่านำทางมั่วโลกีย์
สร้างตัวอย่างไม่ดี ให้ลูกให้หลานให้เยาวชน

ใช่ร้องใช่รำทำด้วยแรงขนมปัง
จะร้องจะเล่นเห็นความจริงบ้าง
ชาวนาเคว้งคว้างขัดสน แหกปากเข้าไป
เอาแต่จะได้ประโยชน์ใส่ตน
ถึงหำจะแบนว่าสัปดน ยังดีกว่าคนที่เนรคุณ.......


ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกว่ามันชัดเจนและไม่ต้องแปล ไม่ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและไวยากรณ์ มานั่งอ่านแล้วอธิบาย ถ้ามีเพลงแบบนี้มากๆ ยายพิธีกรสาว เอ๋อเหรอ ของผมคงจะตกงานแน่นอน เพราะไม่รู้จะเชิญใครมานั่งออกทีวีให้ถามว่า "จริงเหรอคะ" แล้วอีกอย่างก็คือ เพลงแบบนี้คงจะไม่มีอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีวงไหน นักร้องคนไหน หรือแม้แต่คาราบาวเอง ก็คงจะทำเพลงแบบนี้ออกมาอีกไม่ได้แล้ว เพราะทั้งภาษา อารมณ์ในตอนนี้มัน คนละความรู้สึกกันกับตอนนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่จะทำได้ในตอนนี้ก็คือ ด่ามันไปตรงๆเลยครับ ไม่ต้องใช้สัมผัส ไม่ต้องมีทำนอง

เพลงหำเฮี้ยน เพลงนี้จึงเป็นเพลงประวัติศาสตร์เพลงหนึ่งของคาราบาวที่ผมอยากให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ

นภดล 30/5/2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น