วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตต้องการอะไร...?

เคยตั้งคำถามกับตัวเองกันบ้างหรือเปล่าว่าในชีวิตต้องการอะไร..

สำหรับคำถามนี้มันช่างเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากสำหรับใครหลายๆคน ต้องการนั่นต้องการนี่ ต้องการไม่รู้จักจบจักสิ้น และที่สำคัญ ต้องการไม่เหมือนกันซักราย ในชีวิตที่ถูกสังคมบางส่วนบังคับให้เลือกข้าง บังคับให้เลือกสี บังคับให้ใช้ชีวิต บังคับ มากมายก่ายกอง บังคับด้วยกฏหมาย บังคับด้วย ศิลธรรม บังคับด้วยประเพณี และในยุคนี้ ต้องเพิ่มการบังคับด้วยกฏหมู่เข้าไปอีกอย่างนึงด้วย แล้วเราเคยคิดกันกันหรือเปล่าว่า เราจะอยู่กันได้อย่างไรในเมื่อมีแต่กฏระเบียบมากมายขนาดนั้น

ในค่ำคืนที่เงียบสงัดของซอกมุมเล็กๆในต่างจังหวัด คืนนี้ดาวสวยเหลือเกินสวยจนอยากให้คนทุกคนในโลกได้เห็นเหมือนที่เราเห็น แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น บางมุมของเมืองใหญ่โดนแสงไฟกลบแสงดาวไปหมด มองฟ้าก็เห็นแต่หมอกควัน จะหาดาวสักดวงก็ไม่เจอ ทั้งๆที่มันก็อยู่ตรงนั้น อยู่ที่เดิมที่มันควรจะอยู่ แต่ด้วยภาระหน้าที่ด้านปากท้องทำให้คนอีกมากมายต้องทิ้งถิ่นฐานเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่จนอดชมความงามของดวงดาวในคืนนี้

ถ้าบังเอิญว่ามีเวทย์มนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ สามารถเสกให้คนทุกคนเห็นดาวพร้อมๆกันได้ก้น่าจะดี แต่...ถ้าทำไปแล้วเกิดมีคนไม่พอใจ " ชั้นไม่ชอบดูดาวหรอกย่ะ ชั้นชอบพระจันทร์มากกว่า" "ดาวมันเยอะมองไม่หมด สู้มองดวงจันทร์ก็ไม่ได้ มองดวงเดียว สบายตากว่าเยอะ" แล้วจะทำไงดี ใช่สิ พระจันทร์ที่สวยย่อมไม่มีทางที่จะอยู่เคียงข้างกับดาวที่เต็มท้องฟ้า แสงของดวงจันทร์จะกลบแสงดาวบางส่วนไปทำให้มองไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากมองดาวเต็มฟ้าก็ต้องไล่พระจันทร์ออกไปเช่นกัน และที่สำคัญ คนเราก็ชอบไม่เหมือนกันต้องการไม่เหมือนกันเสียด้วย..

เช่นเดียวกันกับการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ถ้าอยากให้ท้องอิ่ม มันก็ต้องเดินทางพลัดบ้านไกลเมืองเช่นกัน แล้วแบบนี้เรายังจะคิดว่าชีวิตเป็นของเราจริงๆอยู่อีกหรือ แล้วจริงๆแล้วชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ เฮ้อ..

ท่ามกลางความพลุกพล่านกลางเมืองหลวงผู้คนนับร้อยนับพันกำลังสวมบทบาทที่แตกต่างกัน บางคนเล่นเป็นพ่อค้าแม่ค้า บางคนเล่นเป็นคนขับรถรับจ้าง บางคนเล่นเป็นตัวประกอบเดินไปมาในย่านการค้าเก่าแก่ ย่านการค้าในยามค่ำคืนบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หลายๆคนมาที่นี่เพื่อซื้อของ แต่อีกหลายคนมาเพื่อเป็น ฆาตกร.. ฆาตกรที่ฆ่าเวลาอย่างเลือดเย็นก่อนที่จะกลับบ้าน แต่จะมีอีกกี่คนที่จะรู้ว่าที่ด้านบนสะพานใกล้ๆกันนั้น มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนที่รวมตัวกันในมุมมืด ทำกิจกรรมที่ไม่ควรจะมีในบ้านเมืองที่เจริญทางด้านจิตใจมากกว่าวัตถุ (แน่นอนว่าไม่ใช่เมืองนี้)

"กาว"เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ประสานวัสดุเข้าด้วยกัน แต่ในค่ำคืนนี้ เด็กๆเหล่านี้กำลังทำงานวิจัยในเชิงวิทยาศาสตร์อยู่บนสะพานแห่งนี้ พวกเขาใช้กาวแยกความรู้สึกออกจากร่างกาย ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่รู้ ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งผิดกฏหมายจะทำกันได้ง่ายๆในกลางเมืองหลวงเช่นนี้ เมื่อเสร็จการทดลองอันน่าตื่นเต้นชิ้นนั้นแล้ว พวกเขาก็แยกย้าย ตัวใครตัวมัน ใครที่ไปไหนไม่ไหวก็นอนหลับกันบนสะพานนั่นละครับ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจดีจริงๆ สำหรับเด็กๆกลุ่มนี้คงไม่ต้องถามว่า ชีวิตนี้ต้องการอะไร อนาคต คืออะไร ไม่ใช่แค่อนาคตของพวกเขาหรอกครับถ้าเด็กๆเป็นแบบนี้แล้วอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร ถ้าบังเอิญว่า วันดีคืนดี เทรนผู้มีอิทธิพล นักเลงหัวไม้ กลับมาเป็นที่นิยมของคนไทยขึ้นมาอีกรอบ แล้วเด็กพวกนี้โตขึ้นมาแล้วได้พรรคการเมืองบางพรรคหนุนให้เป็น ส ส แล้ววันนั้นประเทศไทยจะเป็นอย่างไรกันหนอ...และนั่นก็คืออีกหลายชีวิตบนสะพานกลางเมืองหลวง

คิดไกลเกินไปหรือเปล่า.. ไม่หรอกครับจะไกลได้อย่างไรในเมื่อ เรื่องดวงดาวกับพระจันทร์ ผมยังคิดได้แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้

แล้วแบบนี้เด็กต่างจังหวัดจะยอมแพ้เด็กเมืองหลวงได้อย่างไร ก็ตอนนี้การสื่อสารมันพัฒนารวดเร็วฉับไว เมืองนอกมีอะไรเมืองไทยก็มีอย่างนั้น เมืองหลวงมีอะไร ต่างจังหวัดก็มีเช่นกัน ดังนั้นไม่แปลกที่แถวๆบ้านผมก็มีแบบนั้นเช่นกันเพียงแต่ ความละอายมันคงจะยังมีมากกว่าคนเมืองหลวง หรือไม่แน่ว่าเจ้าหน้าที่ แถวนี้ควบคุมเข้มแข็งกว่า ก็ไม่ทราบได้เลยต้องไปหาที่ลับๆตาคนทำกิจกรรมอย่างว่ากัน เคยได้พูดคุยกับ สมาชิกแก๊งค์ 3K ที่อายุรุ่นๆเดียวกันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ( กาวนี่ไม่เคยเสื่อมความนิยมเลย) ว่าดมไปทำไม ก็ได้คำตอบว่า " แค่อยากทำอะไรที่มันหลุดโลกไปบ้างแค่นั้น" ตอนนั้น คำว่าหลุดโลกนี่ฮิตเหลือเกิน ทำอะไรแผลงๆหน่อยก็ว่าหลุดโลกกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทุกวันนี้ผมยังเห็นคนเหล่านี้เดินไปเดินมาอยู่แถวๆนี้ เหมือนเดิม แต่พัฒนาเป็นเบียร์ช้าง สองสามขวดตอนเย็นๆทุกวัน พอเมาก็เอะอะโวยวาย คงจะหาทางหลุดโลกเหมือนสมัยวัยรุ่นเหมือนเดิม แล้วพวกนี้เคยมีคำถามหรือเปล่าว่าชีวิตต้องการอะไร

แต่บางครั้งผมก็แอบอิจฉาพวกเด็กๆเหล่านี้อยู่บ้างเหมือนกันนะครับเพราะบางครั้งบางทีผมเองยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยว่า ชีวิตผมต้องการอะไร แต่เจ้าเด็กพวกนี้มันรู้ครับว่าชีวิตของพวกเขาต้องการอะไร.... "กาว"เป็นคำตอบสุดท้ายและคำตอบเดียว (สุดยอดนะ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น