วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา หรือ ปางแสดงธรรมจักร



ที่มา พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล วัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ขวายกขึ้นจีบนิ้วพระหัตถ์เป็นรูปวงกลม เป็นกิริยาแสดงธรรม พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นประคอง ลางแห่งทำแบบวางพระหัตถ์ซ้ายบนพระเพลาบ้าง ยกขึ้นถือชายจีวรบ้าง ลางแห่งทำแบบนั่งห้อยพระบาทก็มี

“พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้” ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงมั่นพระทัยในอันจะแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์แล้ว ก็ทรงรำพึงพิจารณาหาบุคคลผู้สมควรที่พระองค์จะทรงแสดงธรรมโปรดในชั้นต้นทรงมุ่งหาเฉพาะผู้ที่มีอินทรีย์แก่กล้า ควรจะรับพระธรรมเทศนาเท่านั้น ฉะนั้นจึงทรงเลือกสรรในหมู่บรรพชิตก่อน เพราะอนาคาริยบุคคล คือผู้สละเคหสถานตลอดทรัพย์สมบัติออกมาบำเพ็ญพรตอยู่แล้ว เป็นผู้มีกายวิเวก และมีจิตวิเวกเป็นสมุฏฐานอยู่ ควรจะสดับธรรมเพื่อผลเบื้องสูงขึ้นไป จึงทรงระลึกถึง อาฬารดาบสกาลามโคตร และอุทกดาบสรามบุตร ซึ่งพระองค์เคยเสด็จไปทรงศึกษาสมาบัติอยู่ในสำนักของท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยทรงเห็นว่ามีอุปนิสัยดีสมควรจะได้ธรรมพิเศษ แต่แล้วก็ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ดาบสทั้งสองได้สิ้นชีวิตเสียแล้วเมื่อก่อน ๗ วันนี้

ต่อจากนั้นจึงทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ รูป คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ที่เคยปฏิบัติบำรุงพระองค์เมื่อครั้งทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ ครั้นพระองค์ทรงเลิกทุกกรกิริยา ด้วยทรงเห็นว่ามิใช่ทางตรัสรู้ ทรงปฏิบัติในทางจิตตามมัชฌิมาปฏิปทา จึงภิกษุทั้ง ๕ นี้ ไม่เลื่อมใส เห็นว่าพระองค์คลายความเพียร เวียนมาเป็นคนมักมากแล้วไม่มีทางสำเร็จได้จึงได้ชวนกันทอดทิ้งพระองค์ และหนีไปอยู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทรงเห็นว่าปัญจวัคคีย์มีอินทรีย์แก่กล้าสมควรจะได้ธรรมวิเศษแล้ว จึงทรงพระมหากรุณาเสด็จดำเนินจากโพธิมณฑล ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นที่อยู่ของปัญจวัคคีย์ภิกษุในเวลาเย็นของวันขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๘ ก็เสด็จถึงที่อยู่ของปัญจวัคคีย์ดังพระพุทธประสงค์

ในระยะแรกปัญจวัคคีย์ไม่ยอมเชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ถึงแก่ใช้วาจาไม่สมควรแย้งพระผู้มีพระภาคว่า เมื่อพระองค์คลายความเพียรเวียนมาเป็นผู้มักมากแล้ว อย่างไรพระองค์จะได้ตรัสรู้ เพราะพระปัญจวัคคีย์ถือมั่นอยู่ในความรู้ความเห็นของตนว่า ทุกกรกิริยาเท่านั้นที่เป็นทางจะให้ผู้ปฏิบัติตรัสรู้ธรรมวิเศษได้

พระพุทธเจ้าจึงตรัสเตือนปัญจวัคคีย์ ให้หวนระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งอยู่ปฏิบัติบำรุงพระองค์อยู่เป็นเวลานานว่า “ปัญจวัคคีย์ เคยได้ยินวาจาที่รับสั่งว่า ได้ตรัสรู้แล้วอยู่บ้างหรือ? แม้วาจาอื่นใดอันไม่เป็นความจริงที่เคยรับสั่งเล่น ยังเคยได้ยินอยู่บ้างหรือ?” เมื่อปัญจวัคคีย์ได้พิจารณาตามพระกระแสรับสั่งเตือน จึงได้เห็นจริงตามพระวาจา และปลงใจเชื่อว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่ แล้วพร้อมกันถวายความเคารพ คอยสดับพระโอวาทอยู่ตลอดเวลา

ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เพ็ญเดือน ๘ พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดง "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" อันเป็น "ปฐมเทศนา" โปรดปัญจวัคคีย์ภิกษุประกาศความตรัสรู้ของพระองค์ว่า "กามสุขขัลลิกานุโยค คือการประกอบตนให้พัวพันด้วยความสุขในกาม ๑ อัตตกิลมถานุโยค การประกอบความทุกข์ยากให้เกิดแก่ผู้ประกอบ ๑ ทั้งสองนี้ ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ทางตรัสรู้ บรรพชิตไม่ควรเสพ ส่วนมัชฌิมาปฏิปทาข้อปฏิบัติเป็นทางกลาง ที่เราตรัสรู้แล้ว เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อนิพพาน คือสิ้นตัณหาเครื่องรัดรึง เป็นธรรมที่บรรพชิตควรดำเนิน ด้วยเป็นทางทำผู้ดำเนินให้เป็นพระอริยะ"

“ทางสายกลาง” มัชฌิมาปฏิปทานั้น ได้แก่ทางมีองค์ ๘ คือ สัมมาทิฎฐิ ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ สัมมาสังกัปโป ความดำริชอบ ๑ สัมมาวาจา วาจาชอบ ๑ สัมมากัมมันตะ การงานชอบ ๑ สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ ๑ สัมมาวายามะ ความชอบ ๑ สัมมาสติ ระลึกชอบ ๑ สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ ๑ .. มัชฌิมาปฏิปทานี้แล เราได้ตรัสรู้แล้ว ทำให้เกิดดวงตา คือ ปรีชาญาณ เห็นแจ้งแทงตลอดซึ่งเญยยธรรมทั้งปวงเป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อนิพพาน พร้อมกับทรงประกาศสัจจธรรมทั้ง ๔ ประการ คือ ทุกขสัจจะ สมุทยสัจจะ นิโรธสัจจะ และมัคคสัจจะ โดยทรงจำแนกยถาภูตทัศนญานด้วยอาการ ๑๒ บรรจบครบบริบูรณ์ เมื่อจบปฐมเทศนา ท่านโกณฑัญญะ ได้ธรรมจักษุ บรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระสาวกชั้นพระอริยบุคคลองค์แรกในพระพุทธศาสนา.

พระพุทธจริยา ที่พระองค์ทรงพระมหากรุณาแสดงปฐมเทศนาครั้งนี้ เท่ากับประกาศความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้โลกรู้แจ้งชัด ด้วยพระปรีชาญานอันหาผู้เสมอมิได้ ได้พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสักขีพยานในการตรัสรู้ของพระองค์เป็นนิมิตรอันดี ในการที่พระองค์จะประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองในโลกสืบไป ข้อนี้เป็นเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้เรียกว่า "ปางปฐมเทศนา" หรือ "ปางแสดงธรรมจักร"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น