สะพายเป้ท่องมาเลเซีย ตอนที่ 1
ผมอยากนั่งรถไปมาเลเซ๊ยอยุ่นานมากแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเลยซักครั้ง จนกระทั่งในช่วงนี้มีข่าวการเปิดเดินรถด่วนขบวนใหม่ ETS จากปาดังเบซาร์เข้ากัวลาลัมเปอร์ ทำให้ยิ่งอยากเดินทางไปมาเลเซียเข้าไปมากกว่าเดิม ดังนั้นจึงเริ่มวางแผนกับชาวคณะ เพื่อเดินทางเข้าไปชมบ้านชมเมืองของเขาดูซักหน่อย โดยเน้นการเดินทางด้วยรถไฟและประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ รายละเอียดแบบเจาะลึก เดี๋ยวจะมีสมาชิกมารีวิว ให้อ่านอย่างจุใจแน่นอน แต่ของผมจะเน้นเรื่องราวทั่วๆไป ไม่มีรายละเอียดแบบเจาะลึกมากมายนัก เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้จดจำอะไรได้มากนัก นอกจากเดินถ่ายภาพ
เราเริ่มต้นกันจากสุราษฎร์ธานีขับรถไปที่หาดใหญ่ เมื่อจัดการฝากรถไว้ที่บ้านเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มต้นการเดินทางกันเลย โดยมีคติว่า กองทัพเดินด้วยท้อง (ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลาน)เราจึงเริ่มรองท้องกันก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าในอนาคตเราจะได้กินอาหารรสชาติแบบไทยๆอีกเมื่อไหร่ โดยเรานั่งกินข้าวมื่อเที่ยงเกือบๆบ่ายกันที่ในตลาดหาดใหญ่
ร้านอ้า หาดใหญ่ อาหารรสชาติดี ราคาไม่แพงนัก ทำให้พอจะอยู่ได้ไปอีกหลายชั่วโมง
หน้าตาอาหาร ที่เราสั่งมารองท้องกันเบาๆก่อนออกเดินทาง
เมื่อกินรองท้องกันอิ่มดีแล้วก็ออกเดินทาง สะพายเป้ แบกสัมภาระเข้าสู่สถานีชุมทางหาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้ ถนนในหาดใหญ่ยังวุ่นวายเหมือนเดิม พวกเราพยายามหาซื้อซิมของมาเลเซีย แต่ก็หาไม่ได้ เลยต้องไปหาที่ในมาเลเซียเอาเอง ดังนั้นความหวังที่จะอัพโซเชียล ในขณะเดินเดินวันแรกก็หายไปในพริบตา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ... ไม่ตายหรอกน่าไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ค ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ขบวนรถที่เราเดินทางเป็นตู้โดยสารของมาเลเซีย มีสองตู้กับอีกหนึ่ง เพาเวอร์ คาร์ รวมเป็นสามคัน เป็นรถนั่งหนึ่งคัน รถนอนหนึ่งคัน ออกจากชุมทางหาดใหญ่ สี่โมงเย็น ทำให้พอมีเวลาอาบน้ำ อาบท่าเตรียมตัวกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะขึ้นไปผจญภัยบนขบวนรถ คนเฝ้าห้องน้ำบอกเราว่าให้รีบหน่อย เพราะรถของมาเลเซีย จะออกตรงเวลาเปีะๆ ไปมีช้าแบบรถไฟของเรา ไม่รอใครด้วย พูดถงเพาเวอร์ คาร์ หรือรถส่งกำลังไฟฟ้านี้ ประเทศไทยกำลังสั่งมาใช้อยู่เหมือนกัน เพราะการมีรถจ่ายไฟฟ้าให้กับทุกๆตู้โดยสารในขบวนจะทำให้ประหยัดกว่าการที่ติดเครื่องยนต์ไว้ทุกๆตู้โดยสารปรับอากาศอย่างทุกวันนี้ รถจะเบาลงทำให้รถจักรลากจูงได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้กำลังมากเหมือนในปัจจุบัน
ขบวนรถเที่ยวนี้เป็นเลขขบวน 953 จากชุมทางหาดใหญ่ เมื่อมาถึงสถานีปาดังเบซาร์แล้ว จะให้ ผ๔้โดยสารลงไปจัดการเรื่องหนังสือเดินทาง ในอาคารสถานี ขณะที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ทางสถานีก็นำชุดรถอีกหลายคันมาต่อพ่วงในขบวน จนยาวเหมือนรถเร็ว รถด่วน บ้านเราพร้อมทั้งตั้งขบวนเป็นขบวนที่ 21 และพร้อมจะออกเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ ตม. ของไทยทำงานเป็นกันเองมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส และช่วยเหลือให้คำแนะนำทุกอย่างดีมาก นี่เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดว่า คนไทย น่ารักที่สุดในโลกแล้วครับ
สภาพภายในขบวนรถ ดูไม่สวยงามมากนัก เบาะหมุนกลับไม่ได้ รถดดยสารของไทยในบางคันยังมีสภาพดีกว่านี้มาก แต่พวกเราก้ไม่มีปัยหา เพราะต้องการเดินทางแบบผจญภัยอยู่แล้ว แบบไหนก็ได้จัดมาได้เลย แต่ก็อดคิดถึงรถไฟไทยไม่ได้จริงๆ และผมมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อการรถไฟได้พัฒนาปรับปรุงจนแล้วเสร็จในทุกๆโครงการ การรถไฟแห่งประเทศไทยจะไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอนครับ
นั่งกันไปซักพักฟ้าเริ่มมืด เราก็เริ่มหิว เพราะเวลามันเริ่มดึก แต่อาจจะเป็นเพราะเราปรับเวลาไปใช้เวลาของมาเลเซียที่เร็วกว่าประเทสไทยอยู่หนึ่งชั่วโมง ทำให้ยังสับสนกันอยู่นิดหน่อย และผมก็เริ่มเดินเที่ยวภายในขบวนรถเพื่อถามหาตู้เสบียง ผมถามคนจีนที่เดินทางอยู่ในตู้ถัดไปว่ามีตู้เสบียงหรือเปล่าก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ดังนั้นเราจึงเดินหาด้วยตัวเอง จนมาพบเข้าจนได้ รถเสบียงมีอาหารสำเร็จรูปอยู่สองสามอย่าง มีโค้ก น้ำอัดลมประเภทต่างๆ เลยจัดมาลองชิม เพื่อจะได้กลับไปนอนพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนจะถึงกัวลาลัมเปอร์ในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้
อาหารรสชาติพอแหลกล่าย แต่แพงไปนิด แต่ที่แปลกคือน้ำแข็งแพงมาก แก้วละ 1 ริงกิต ในขณะที่ โค้กกระป๋องละ 2 ริงกิตนิดๆ เราจัดการกับอาหารอย่างรวดเร็ว แล้วกลับมานอนพักเอาแรง การกินอาหารบนรถไฟมาเลเซีย ทำให้ผมคิดถึงเมนูอาหารบนรถด่วนขบวน 85/86 ของไทยที่ผมใช้บริการเป็นประจำ อาหารดีกว่านี้มาก บรรยากาศดีกว่ามากๆด้วย
โชคดีที่ขบวนนี้คนไม่เต็ม ทำให้พอมีที่ว่างให้เลือกนอนกับตามสบาย
ผมนั่งหลับๆตื่นๆ ดูวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ มีคนขึ้นๆลงๆอยู่ทุกสถานี และที่สำคัญ รถไฟตรงเวลามาก แต่ละสถานีบอกเวลารถเข้าออกชัดเจน ในตัวอาคารสถานีเข้ามาได้เฉพาะผู้โดยสาร ญาติมิตรที่มาส่ง รออยู่ได้เฉพาะด้านนอกเท่านั้นทำให้ไม่วุ่นวาย และรักษาความสะอาดได้ดีเยี่ยม มีสถานี อิโปร์ ที่ผมสนใจอยู่นิดหน่อย ด้านหลังสถานีมีอาคารสวยๆอยู่หลายหลัง แอบคิดเอาไว้ในใจว่าถ้ามีเวลาว่างและมีความชำนาญในการเดินทางมากกว่านี้จะมาแวะพักที่เมืองนี้ซักคืน เพื่อถ่ายภาพตึกตอนกลางคืน น่าจะสวยงามอยู่มากทีเดียว
ตอนนี้เอาสรุปคร่าวๆแค่นี้ก่อนนะครับ เพราะการเดินทางในช่วงนี้ไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวตอนต่อไปจะมาเล่าเรื่องราวต่างๆที่ได้พบเห็นให้ได้อ่านเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอีก
พบกันตอนต่อไปนะครับ
นภดล มณีวัต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น