วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

สะพายเป้ท่องมาเลเซีย ตอนที่ 5 คืนแรกในมาเลเซีย

หลังจากนั่งทำใจกันอยู่พอสมควรที่โรงแรม เราจึงเริ่มเดินออกมาอีกครั้ง เพื่อรอเวลาบ่ายสองโมง เราเดินออกไปทางสถานีรถไฟฟ้า Bukit Bintang เพื่อสำรวจเส้นทางและแวะชมเมืองไปเรื่อย สถานี Bukit Bintang แห่งนี้ในป้ายบอกเส้นทางของ โมโนเรลจะมีคำว่า Air Asia กำกับอยู่ในแผนที่เดินทาง คงจะเป็นเพราะแถวนี้มีโรงแรมของแอร์เอเซีย และเป็นออฟฟิศ และด้วยความที่เป็นสายการบินยักษ์ใหญ่ชองมาเลเซีย การจะทำป้ายใหญ่ๆมาติดที่บันไดทางลงและการโฆษณาในป้ายประชาสัมพันธ์ภายในประเทศจึงเป็นเรื่องที่ดูจะง่ายไปเสียหมด




บรรยากาศของสองข้างทางบริเวณนี้ดูคึกคักกว่าด้านที่เราเดินเข้ามามาก มีผู้คนเดินไปมามากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทางมาเลเซียกำลังสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานี Bukit Bintang ที่มีสถานีร่วมกันกับ โมโนเรล เพื่อรองรับการใช้งานในบริเวณนี้ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ขนาดว่ามีการปิดถนนเพื่อสร้างรถไฟฟ้า แต่รถกลับไม่ติดเหมือนบ้านเรา อาจจะเป็นเพราะระบบการขนส่งมวลชนของเขาครอบคลุม และสะดวกสบาย มีราคาไม่แพง จนแทบจะไม่ต้องใช้รถส่วนตัวในชีวิตประจำวัน


เราเดินกันเรื่อยๆถ่ายภาพมาก็เยอะ แต่ในนี้มีข้อจำกัดหลายอย่างเลยเอามาให้ดูกันนิดๆหน่อยๆ มีรถตุ๊ก ตุ๊ก ของไทยที่กำลังดัง ไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพอยู่ที่ริมถนนอีกด้วย


เส้นทางเดินของพวกเราสามารถเดินได้สะดวก ไม่มีรถเข็นขายของ ไม่มียานพาหนะขับขี่บนฟุตบาท ทางเดินเป็นทางเดินจริงๆ ทำให้ไม่น่าเบื่อในการเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ


คราวนี้จะข้ามไปจนถึงช่วงเย็นเลยก็แล้วกัน หลังจากเราหาของกินกันเรียบร้อย เราก็กลับมาเช็คอิน ที่โรงแรม พักผ่อนกันเล็กน้อย ก่อนที่จะออกเดินทางออกไปชมเมืองกัวลาลัมเปอร์อีกครั้งในช่วงเย็นๆ เรามีเป้าหมายอยู่ที่สถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์เก่า ที่มีตึกเก่าๆอยู่หลายที่ สามารถมองเห็นได้ตอนที่นั่งรถไฟเข้ามา และคิดว่าถ้าได้ไปชมตอนกลางคืนคงจะสวยงามอยู่มาก

เราตั้งต้นจากสถานี Imbi เพราะในตอนนี้เรารู้แล้วว่าจากที่พักของเราจะไปทางไหนก็ใช้เวลาพอๆกัน ช่วงเย็นๆของมาเลเซีย มีรถติดอยู่บ้างพอสมควร แต่สามารถไหลไปได้เรื่อยๆ พอๆกับโมโนเรลที่มีคนใช้บริการมากมายเช่นกัน ทำให้ขบวนที่มีสองคัน เต็มจนเราต้องรอขบวนหลังที่พ่วงสี่คัน ถึงจะได้เดินทาง




เราเดินทางกับโมโนเรล เข้าสถานี KL Sentral ซื้อตั๋วรถ Komuter ไปลง KL แล้วเดินออกไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังตึกเก่าๆด้านซ้ายมือ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้าง...รู้แต่ว่าสวย



บรรยากาศในบริเวณนี้ถ้าคนที่ชอบถ่ายภาพกลางคืนต้องชอบมากเป็นพิเศษ ผมเองก็พยายามถ่ายถาพให้ออกมาดูดีที่สุด แต่เป็นเพราะเป็นเวลากลางคืน นอนน้อย มือสั่น ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง ภาพเลยออกมาแปลกๆ แต่ก็ยังพอดูได้ ที่สำคัญคือในมาเลเซีย ไฟฟ้าริมถนนสว่างมาก เดินไปมาได้อย่างสบายใจ รู้สึกปลอดภัย ทางลอดใต้ถนนสะอาด มีไฟสว่าง ไม่มีกลิ่นเยี่ยวแบบบ้านเรา 555



พวกเราเดินถ่ายภาพริมถนนด้านนี้กันอยู่นานพอสมควร หลังจากนั้นก็เดินย้อนกลับไปทางเก่า มุ่งหน้าสู่ย่านคนจีน ที่มีตลาดกลางคืนเพื่อดูว่าแตกต่างกับบ้านเรามากน้อยแค่ไหน ที่น่าชมอีกอย่างที่ต้องพูดถึงบ่อยๆคือการเชื่อมต่อกันของระบบขนส่งมวลชน มีทางเดิน ทั้งระดับพื้นราบ ระดับสูง ที่ทำให้สามารถเดินทางได้ต่อเนื่องกัน ลงรถไฟฟ้า เดินไปขึ้นรถบัส หรือ ลงไปต่อรถใต้ดินได้อย่างไม่ขาดตอน ไม่ต้องพึ่งวินมอเตอร์ไซค์หรือแท๊กซี่อย่างบ้านเรา เดี๋ยวด้านล่างจะเอาภาพที่ถ่ายตึกแถวนี้มาให้ชมกันก่อนนะครับ





ในะหว่างทางที่เราเดินไป ไชน่า ทาวน์ เราจะมองเห็น KL Tower ประดับไฟสวยงาม และผ่านสถานีขนส่งด้านล่างที่ต่อเนื่องกัน



ย่านไชน่า ทาวน์บริเวณนี้ ไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก เป็นร้านขายของเสียมากกว่า และของแบบนี้ที่บ้านเราสามารถหาได้ในราคาที่ถูกกว่าตรงนี้สองเท่า แต่ก็ยังมีมุมสวยๆให้ได้เก็บภาพมาเป็นที่ระลึกอยู่บ้าง และถ้ามีเวลาเหลือพอ น่าจะลองมาเดินตอนกลางวันอีกซักครั้ง


หลังจากเดินไป เดินมา จนเหนื่อยเราแวะชิมน้ำลำไย ที่ร้านนี้ เพราะเห็นว่าขายดีมากๆ รสชาติเหมือนบ้านเรา แต่ราคาแพงกว่า


เราเดินย้อนกลับมาที่สถานี KL เพื่อกลับเข้า KL Sentral อีกครั้ง คราวนี้เราซื้อตั๋วที่บริเวณสถานีเก่า ก่อนลงไปขึ้นรถด้านล่าง บรรยากาศคลาสสิคดีเหลือเกิน


หลังจากนั้นเราก็ต่อรถโมโนเรล กลับมายังที่พัก เพื่อหาอาหารมื้อค่ำกินก่อนจะพักผ่อน ในรถโมโนเรลหรือขนส่งสาธารณะจะมีป้ายให้เอื้อเฟื้อและสำรองที่นั่งให้กับบุคคลตามป้ายที่ติดไว้ ในภาพผมสามารถนั่งตรงนี้ได้โดยใช้สิทธิ์ ชราภาพ ครับ


เมื่อเรากลับมาถึงที่พัก ด้านหน้าจะเป็นร้านอาหารอยู่มากมาย เราเลือกกินร้านที่เป็นคนไทย สั่งกะเพราหมู ไข่ดาวมากินกัน รสชาติดีทีเดียว แต่ป็อก บอกว่ามันเป็นใบโหระพา ไม่ใช่กะเพรา แต่ก็ดีกว่ากินอย่างอื่น เจ้าของร้านผู้หญิงเป็นคนไทย มาขายของที่นี่อยู่หลายปีแล้ว เราสั่งเบียร์มากินด้วย ขวดละ 22 ริงกิตหรือประมาณเกือบๆ 200 บาท กินพอคลายกล้ามเนื้อ เพราะถ้ากินมากกว่านี้คงจะจนไปนานเลยทีเดียว

บริเวณร้านอาหารแถวนี้จะมีนักดนตรีมาเล่น แล้วเดินขอรับบริจาคไปตามโต๊ะต่างๆ ฝีมือดีเลยทีเดียวอาจจะเป็นเพราะเรื่องภาษาที่เขาถนัดและเป็นเครื่องดนตรีที่พวกเขาคุ้นเคย ผมจึงคิดว่าเขาเล่นและร้องได้ดีกว่าวงดนตรีในร้านใหญ่ๆบ้านผมหลายๆร้านเลยทีเดียว



กินกันอิ่มแล้วเราก็แยกย้ายกันพักผ่อน สิ่งที่ประทับใจในวันแรกที่มาเลเซีย คือระบบขนส่งมวลชน ที่เข้าถึงทุกรูปแบบการใช้ชีวิตจริงๆ โดยเฉพาะโมโนเรล ที่เมืองใหญ่ๆในบ้านเราน่าจะนำมาใช้ อย่าง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น อุดรธานี พัทยา เพราะผมว่ามันสะดวกและน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปชมเมืองมาเลเซียกันต่อ คืนนี้ขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ

นภดล มณีวัต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น