วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

สะพายเป้ท่องมาเลเซีย ตอนที่ 6 เช้าวันที่ 2 ในมาเลเซีย

อย่างที่บอกไว้ในตอนก่อนหน้านี้ว่า พวกเราเหนื่อยกันมาก ดังนั้นเมื่อคืนจึงหลับสนิทจนเช้า เมื่อตื่นเช้า ผมคิดว่าจะลงไปเดินเล่นๆแถวๆหน้าโรงแรม แต่ก็เจอพี่ฝาตื่นเช้าด้วยเหมือนกันเลยชวนกันเดินไปยังเป้าหมายที่ไกลกว่าเดิม นั่นคือเดินไปสำรวจเส้นทางไปตึกแฝดที่เราวางแผนว่าจะมาถ่ายภาพในคืนนี้กัน ภาพแรกที่ผมได้เห็นที่หน้าโรงแรม คือภาพที่ทำให้ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เหมือนเมืองไทยมากๆ


วัสดุต่างกันแต่เป้าหมายเดียวกัน คือกันไม่ให้รถมาจอด

เราเดินออกมาตามถนนใหญ่ ตามเส้นทางของโมโนเรล เพื่อจะหาว่าสถานีไหนอยู่ใกล้ตึกแฝดที่สุด เพื่อที่คืนนี้เราจะได้ลงรถถูกไม่ต้องเดินไกล ที่นี่ขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบ มีป้ายบอกกำหนดการของรถ สายไหนจะเข้ามา เข้ามาเวลาเท่าไหร่ มีบอกไว้ชัดเจนทั้งหมด แม้กระทั่งป้ายรถเมล์


ถนนของมาเลเซียในยามเช้า รถจะมากซักหน่อย แต่ก็ไม่ติดขัดมากมายนัก ผมเดินถ่ายภาพตึกใหญ่ๆ พร้อมกับโมโนเรล ไว้หลายภาพ ผมจะชอบโมโนเรลมากเป็นพิเศษเพราะว่า ดูเล็กกระทัดรัดและคล่องตัว รวมทั้งเดาเอาเองว่าต้นทุนการก่อสร้างน่าจะถูกกว่ารถไฟฟ้า BTS บ้านเราเยอะมาก



บนถนนที่มีการจราจรรคับคั่งสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือ อุบัติเหตุ เช้านี้ผมได้เห็นอุบัติเหตุบนถนนของมาเลเซียด้วย แต่ก็แปลกที่พอลุกขึ้นได้ ตรวจดูว่าไม่เจ็บอะไรมากมาย ก็แยกย้ายต่างคนต่างไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


เมื่อเดินมาได้ซักระยะ เราก็เห็น KL Tower หอชมเมืองอยู่ทางด้านซ้าย เราจึงเปลี่ยนแผนลองเดินเข้าไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าตื่นเต้นบ้าง


ในซอยที่เราเดินเข้ามานั้น มีร้านขายอาหารอยู่หลายร้าน เป็นร้านริมข้างทาง ที่ขายคนทำงานเหมือนบ้านเรา ราคาไม่สูงและดูน่ากิน ทำให้พวกเราหายสงสัยไปเรื่องนึงว่า คนมาเลย์กินข้าวกันที่ไหน เพราะดูๆแล้ว มีแต่ร้านอาหารที่ราคาสูงๆทั้งนั้น พอมาเจอร้านอาหารในซอยนี้แล้วทำให้รู้ว่า ของดีราคาถูกยังมีอยู่ แต่ต้องใช้เวลาค้นหาซักหน่อย



เมื่อเราเดินมาถึงสี่แยกที่จะเข้า KL Tower ผมเหลือบไปเห็นตึกหลังนี้อยู่ไกลๆ มีภาพสะท้อนในกระจกหน้าต่างที่สวยดี เลยเดินเข้าไปถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก


เดี๋ยวจะว่าไม่มีสาระ เลยเอาประวัติคร่าวๆของ KL Tower มาฝากนิดนึงครับ

หอคอยกัวลาลัมเปอร์ (มาเลย์: Menara Kuala Lumpur) หรือ หอคอยเคแอล คือ หอคอยสูงที่ตั้งอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2538 มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสื่อสารและหอส่งสัญญาณสูงถึง 421 เมตร ภายในหอคอยมีภัตตาคารหมุนรอบ ซึ่งสามารถมองเห็นได้รอบกัวลาลัมเปอร์

หอคอยแห่งนี้ คือ มุมมองที่เป็นจุดสังเกตของเมืองเช่นเดียวกับเปโตรนาสทาวเวอร์ อย่างไรก็ตาม หอคอยแห่งนี้ปรากฏสูงกว่าเปโตรนาสทาวเวอร์ เพราะมันถูกสร้างอยู่บนเนินเขาใจกลางกัวลาลัมเปอร์ ในระดับความสูง 515 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้หอคอยนี้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในกัวลาลัมเปอร์




พวกเราไม่ได้เข้าไปชมภายในกัน เพราะมีเวลาน้อย ต้องไปสถานี KL Sentral เพื่อรับสมาชิกที่เดินทางมาจากกรุงเทพอีกหนึ่งคน แล้วเดินทางต่อไปมะละกา ดังนั้นจึงถ่ายภาพรอบนอกมาเป็นที่ระลึก รวมทั้งคำทักทาย สวัสดี และขอบคุณ ตามแบบประเทศต่างๆ


ผมเคยเล่าให้ฟังไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ถนนในมาเลเซีย จะมีทางเท้าที่ปลอดภัย ไม่มีรถ ไม่มีร้านขายของ ให้เกะกะ มีต้นไม้ร่มครึ้ม ทำให้เดินได้ทั้งวันโดยที่ไม่ร้อนและไม่เหนื่อยมากนัก ต้นไม้ที่นี่สามารถโตได้เต็มที่ โดยไม่ต้องถูกตัดยอด ตัดกิ่ง เพราะไม่มีสายไฟฟ้าอยู่ด้านบน ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ เป็นร่มเงาให้กับเมืองได้เป็นอย่างดี


ที่จอดรถแทีกซี่ จะจัดไว้เป็นสัดส่วน ไม่ต้องไปจอดแช่ขวางป้ายรถเมล์ ให้เสียช่องทางจราจรเหมือนบ้านเรา แต่จริงๆแล้วบ้านเราก็มีแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่า จอดได้คันเดียว หรือ สองคันในแต่ละจุด ทั้งๆที่รถแท๊กซี่เรามีมากมาย จนสุดท้ายเลยต้องมาจอดรอผู้โดยสารที่บนถนน



เมื่อเดินออกกำลังยามเช้า กันพอให้เสื้อเปียก เราก็เดินทางด้วยโมโนเรลเข้าไปยัง สถานีกลาง KL Sentral เพื่อหาอาหารเช้ากิน และเตรียมตัวเดินทางไปมะละกา รายละเอียดต่อจากนี้ขอยกไปตอนหน้าทีเดียวเลยนะครับ เนื่องจากเมื่อคืนอดนอนทั้งคืน วันนี้ก็เข้าสวนทั้งวัน รู้สึกเพลียๆ เลยต้องขอตัวแค่นี้ก่อนนะครับ เจอกันตอนต่อไปนะครับ

นภดล มณีวัต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น