ประวัติศาสตร์ในกะลาของผม
ผมป็นคนสุราษฎร์ธานีโดยกำเนิด โตที่นี่ เรียนที่นี่ และทำงานที่นี่ มาตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา จะมีห่างหายไปบ้างก็ตอนไปเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพ แต่ก็กลับบ้านอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเกิด และบางสิ่งบางอย่างที่ผมได้เห็นก็นำความประหลาดใจรวมทั้งสร้างความสงสัยให้ผมเป้นอย่างมากว่า บางเรื่องที่ผมได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้มันจริงหรือเปล่า..
ที่แน่ๆ ในตอนนี้ผมรู้แน่นอนแล้วว่า ผมโดนระบบการศึกษาของไทยในสมัยก่อน แหกตา และล้างสมองส่วนจินตนาการและความคิดของผมให้หายไปซะหลายปี กว่าที่จะได้มาหาความรู้และหาแนวคิด วิเคราะห์ในเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องที่ผมปวดใจมากที่สุดก็คือ "คนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต" จนป่านนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเทือกเขาอัลไตนี่มันอยู่ที่ไหน แล้วเราอพยพมาได้อย่างไร แถมครูที่สอนในสมัยนั้นยังบอกอีกว่า เราหนีมาจนติดทะเล ไปไหนไม่ได้อีก เลยปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่ ถ้าความคิดของครูที่สอนผมในสมัยที่ การศึกษาไทยเน้นให้จดจำมากกว่าใช้ความคิดเป็นจริง แล้วถ้าบังเอิญว่าแหลมทองของไทยตอนนี้ไม่มีช่องแคบมะละกา กั้นขวาง เป็นแผ่นดินยาวไปตลอด คนไทยคงจะต้องหนีไปตั้งหลักแหล่งถึงขั้วโลกใต้กันเลยหรืออย่างไร
เมื่อผมได้เริ่มศึกษา เริ่มหาหนังสือมาอ่านเกี่ยวกับความเป็นมาของเชื้อชาติและสัญชาติตัวเอง ผมก็เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ประวัติศาสตร์ที่เขียนมาเพราะการเมือง ทำให้บิดเบือนความเป็นจริงไปมากมาย โชคดีที่แผ่นดินไทยยังมีคนดีมีความสามารถมากมายที่ไม่ยอมก้มหัวให้ประวัติศาสตร์การเมือง ยอมทุ่มเท เสียสละ ค้นคว้าหาหลักฐานต่างๆมาวิเคราะห์หาข้อเท็จจริง ทำให้ได้รู้เรื่องราวต่างๆของผืนแผ่นดินนี้ได้มากขึ้น แบบที่ไม่ต้องรอให้ฝรั่งมาบังคับให้เรียน หรือ แหกตาเพื่อผลประโยชน์บางอย่างอีกต่อไป
เรื่องราวต่างๆที่ผมอยากจะนำมาเล่าให้ฟังหลังจากนี้ จะนำมาจากหนังสือต่างๆที่ผมอ่านและเก็บไว้ รวมทั้งนำเสนอแนวคิดในรูปแบบของผมซึ่งอาจจะไม่ถูกต้อง และมีส่วนผิดอยู่บ้างตั้งแต่เล็กน้อย จนถึงผิดทั้งหมด แต่การศึกษาแนววิเคราะห์ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆกัน เสนอแนวคิดที่แตกต่างกันเพื่อหาข้อสรุปที่ถูกต้องที่สุด เพราะแน่นอนว่า ทุกคนที่ได้อ่านตัวหนังสือที่ผมเขียนนี้ ไม่มีใครเกิดทันยุคนั้นสมัยนั้นแน่นนอน และ ถ้าเทือกเขาอัลไต เป็นเรื่องแหกตา ประวัติศาสตร์บางอย่างที่เรารู้กันตอนนี้ ก็อาจจะเป็นเรื่องเล่าหลอกเด็กเพื่อผลประโยชน์บางอย่างของคนเขียนก็เป็นได้
ประวัติศาสตร์ทางการเมือง เป็นประวัติศาสตร์ที่ผู้ชนะเขียนเพื่อสร้างความชอบให้ตนเอง บางครั้งอาจจะบิดเบือนไปทั้งหมดก็ได้ รวมทั้งการศึกษาที่มีความเป็นชาตินิยม อาจจะทำให้ที่มาที่ไปต่างๆผิดไปจากความเป็นจริง ดังนั้นกบในกะลาอย่างผม ที่ไม่ได้เรียน จบมาจากสถาบันใดๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ จะลองขุดๆๆๆหาข้อมูลต่างๆที่ผมได้รับรู้มาเขียนเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันและได้เข้าใจว่า ผมคิดแบบนี้ และคิดแบบนี้เพราะอะไร หรือแม้แต่นำเอาแนวความคิดที่แตกต่างกันมาเปรียบเทียบให้ดูว่าใครคิดแบบไหน แล้วเราค่อยมาช่วยกันตัดสินใจกันว่า เราจะเชื่อแนวคิดของใคร
แนวทางที่ผมจะเขียนหลังจากนี้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ จะใช้คำจำกัดความในแนวทางนี้ว่า "ประวัติศาสตร์ในกะลาของผม" หมายถึงการที่ผมจะนั่งอยู่ในกะลาหรือโลกส่วนตัวของผมเอง จะเปิดกะลาก็ต่อเมื่อ ออกไปหาหนังสือของท่านผู้รู้มาอ่าน ออกไปถ่ายภาพหรือไปดูสถานที่ต่างๆที่อยากไปดู แต่ความคิดต่างๆจะเป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในความรู้สึกของผมเพียงคนเดียว หรือที่หลายๆท่านเรียกว่า เป็นเพียงกบอยู่ในกะลา เท่านั้น แต่ผมยังคงพอใจที่จะอยู่ในกะลาใบนี้ของผมต่อไป ผมคิดว่าถ้าเราไม่รู้เรื่องบ้านเราให้ได้มากเท่าที่ควรจะเป็น เราก็ไม่ต้องไปศึกษาเรื่องราวของบ้านอื่นเมืองอื่นหรอกครับ
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และภาคใต้บ้านผมมีเรื่องราวมากมายที่ให้ค้นหา ยังมีเรื่องราวมากมายที่หลาบคนยังไม่รู้ วันนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้วครับที่ผมจะเริ่มเขียนเรื่องราวในทำนองนี้ออกมา ถึงแม้ว่าจะมาๆหายๆ แบบว่ามาไม่ปกติ แต่ก็จะพยายามเขียนมาให้มากที่สุด เรียบเรียงความรู้สึกออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะนำเสนอความคิดของผมเองที่มีต่อเรื่องราวเหล่านี้ครับ
ด้วยความเคารพ
นภดล
24/6/2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น