วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 1 เมษายน 2560

บันทึกของเมื่อวาน 1 เมษายน 2560

ผลพวงจากการนอนตีสี่ ตื่นมาแปดโมง รู้สึกว่าร่างกายไม่อยากทำอะไร อยากนอนต่อ พยายามเดินไปเดินมาก็ยังไม่หาย สุดท้ายหลับอีกงีบ ตื่นมาเที่ยงกว่าๆ

บ่ายโมงครึ่งมาส่งแม่ที่ท่าข้าม วันนี้เขามีงานที่สนามข้างโรงแรมวังใต้ มีเดินขบวนอะไรกันมากมาย แม่จะเข้าเมืองมากับรถของเทศบาลหรืออำเภอนี่แหละ ส่งแม่เสร็จพาพ่อมาส่งที่ร้านหมอนวดตาบอด ที่ในเมือง พ่อนวดครั้งละสองชั่วโมง พอมีเวลาให้กลับมาเซนทรัล จัดการเรื่องทรู จนเสร็จเรียบร้อย

ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย แวะไปสนามกีฬา ซื้อลูกชิ้นนั่งกินข้างๆสนามบอล วันนี้ทีมสุราษฎร์ธานี เอฟซี ลงเตะ แต่คนไม่มากนัก สี่โมงกลับออกมารับพ่อ ขับรถกลับทางในเมือง รถติดมากมาย อ้อมไปทางในลึก ออกทางวัดกลางใหม่ หนีรถติด แต่ก็ยังมีรถเยอะอยู่เหมือนกัน

พ่ออยากกินข้าวต้มปลา เลยจอดแวะร้านข้าวต้มปลาหน้าไดมอนด์ ยังไม่ขาย แม่ค้าบอกว่าขายหกโมงเย็น ขับผ่านบ้านไปตลาดท่าข้ามอีกครั้ง ได้ข้าวต้มปลามาคนละถุง แต่ยังไม่กิน

ยังรู้สึกง่วงนอน ยังเพลียๆจากการนอนเกือบเช้า หลับอีกรอบ ตื่นมาทุ่มกว่าๆ อยากกินอะไรหวานๆ ออกจากบ้านไปริมน้ำ กินขนมปังปิ้งกับชาเย็น

ในร้านมีคนเยอะพอสมควร มีเด็กๆ อายุประมาณ สี่ ห้าขวบ วิ่งเล่นไล่จับกัน พอให้ได้เป็นห่วงว่าจะตกน้ำ หันไปดูแม่เด็ก นั่งคุยกับเพื่อนอยู่อย่างสบายใจ ก็หมดห่วง ... แม่เขายังไม่ว่าอะไร แสดงว่าเด็กว่ายน้ำเป็น ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เราอย่าไปยุ่งเลยดีกว่า

นั่งกินชาเย็น นั่งดูรถไฟเข้าสถานี ขบวน 42 ขบวน 84 เข้ามาติดๆกัน ก็ว่าเดี๋ยวนี้รถไฟไม่ค่อยเสียเวลามากนัก รถดี ทางดี การโดยสารก็ดีตามไปด้วย

ขณะที่นั่งดูเด็กวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน โต๊ะข้างๆ มีคนมาเพิ่ม หิ้วเบียร์ช้างมาหนึ่งขวด กับน้ำแข็งหนึ่งแก้ว นั่งกินเบียร์ในร้านน้ำชา แล้วคุยกันเสียงดังพอสมควร

ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะครับ มันคือชีวิตจริงๆของคนจริงๆ ที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เหนื่อยจากงานก็ผ่อนคลาย ได้ระบายออกไปบ้าง กับการได้ดื่ม ได้คุย ถึงแม้ว่าจะหิ้วเบียร์มานั่งกินในร้านที่ขายกาแฟ น้ำชา ก็เถอะ

ผมนั่งแยกประสาทดูเด็ก ดูคน ดูรถไฟ หูก็ฟังโต๊ะนั้น โต๊ะนี้คุยกัน ไม่มีอะไรมากมาย นอกจากความอยากรู้เรื่องชาวบ้าน ของผมเอง ผมชอบจริงๆนะ มันเป็นชีวิตที่ดูจริงใจ ไม่ต้องเสริมเติมแต่งใดๆ

แม้จะต้องแลกมากับคำว่า "เสือกเรื่องชาวบ้าน" ก็เถอะ

ขณะที่กำลังได้อารมณ์ มีเสียงดังมาจากข้างๆ พี่ที่หิ้วเบียร์มากิน อ้วกลงในแม่น้ำข้างๆโต๊ะนี่เอง ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ผมรู้ได้ว่า ถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้ว

ขณะที่ลุกขึ้นเดินออกมาจ่ายตังค์ มีวัยรุ่นสองคน ท่าทางดูจะไม่ใช่เด็กในตลาด มาจอดมอเตอร์ไซค์หน้าร้าน

"มาทำไหรตรงนี้" คนซ้อนท้ายถามคนขับ หลังจากจอดรถแล้วเดินเข้ามาในร้านสวนกับผมพอดี

"หากาแฟกินซักแก้ว"

"แค่บ้านก้ามี ด่อเอ๊ย พักต้องมาถึงนี้เหอ"

"อืม ... จริงของมึง กูก็ไม่น่าออกมาเลย" อันนี้ผมคิดในใจนะ ไม่ได้พูด กลัวเด็กมันตบแว่นปลิว จ่ายเงินเสร็จ ขับรถออกมา เครื่องกั้นลงพอดี ขบวน 170 กำลังเข้า วันนี้เสียเวลาเกือบยี่สิบนาที

คงจะโดนรอทางขบวนก่อนหน้า ขับรถวนไปตียิม เก็บเหรียญโปเกม่อน อีกนิดหน่อยก่อนเข้าบ้าน ไหนๆก็ออกมาแล้ว

กลับถึงบ้าน อิ่มจัด บวกกับนอนกลางวันมากไปนิด พอถึงเวลาจะนอน กลับนอนไม่หลับอีก ลุ้นผลบอลจนครบทุกคู่กว่าจะหลับก็ตีสอง ... คืนนี้ทำเวลาดีกว่าเมื่อวาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น