วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

รำพึงรำพันฝันเพ้อ

รำพึงรำพันฝันเพ้อ

ถ้าเรารู้จักใครสักคนแล้วจุดเทียนไว้หนึ่งเล่ม คนหนึ่งคนต่อเทียนหนึ่งเล่ม ยิ่งรู้จักคนมากขึ้นเท่าไหร่ เทียนก็จะมากขึ้นเท่านั้น เมื่อมีเทียนมาก แสงสว่างก็มาก ความอบอุ่นก็เพิ่มขึ้น จนเมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะรู้เองว่า มันมากเกินไป เริ่มที่จะร้อน เริ่มที่จะแสบตากับความจ้าของแสงไฟ เริ่มที่จะไม่มีพื้นที่ให้วางเทียนลงได้อีก แต่เราก็ยังจุดเทียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่ยอมหยุด

เทียนแต่ละเล่มมีเปลวไฟของมันเอง เทียนแต่ละเล่มมีระยะเวลาของมันเช่นกัน เทียนบางเล่มดับไปเพราะไฟไหม้จนหมด บางเล่มดับเพราะลมพัด บางเล่มดับเพราะฝนตก มีน้ำหยดใส่ คนที่เรารู้จักจากเราไป เหมือนเทียนเหล่านั้น ด้วยความชรา อุบัติเหตุ โรคภัย ที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า เทียนเล่มไหนจะดับก่อนกัน

คนที่เรารู้จักเป็นเหมือนเทียนที่เราจุดแล้ววางไว้ ถ้าเราวางมันชิดกัน เทียนที่วางใกล้กันเกินไป เทียนอยู่ชิดติดกันจะทำให้เปลวไฟรวมกัน ลุกขึ้นเป็นเปลวเพลิง ทำอันตรายแก่ตัวเราและทรัพย์สินของเรา ดังนั้นการคบใคร ต้องรู้จักการวางระยะ รักษาระยะห่าง วางตำแหน่ง เหมือนกับการวางเทียนเหล่านั้น

สังคมที่มีมากคน เทียนก็มากเล่ม เราจะจัดระเบียบอย่างไรไม่ให้เป็นอันตรายต่อตัวเรา เราจะจัดการอย่างไร ให้พอดีกับความต้องการของตัวเรา เราจะดูแลเทียนมากมายเหล่านั้นอย่างไรให้ทุกเล่มอยู่ได้ยืนยาวจนมอดดับไปเพราะหมดเชื้อ ไม่ดับไปเสียก่อนเวลาอันสมควร

ในความเป็นจริง เราดูแลเทียนทุกเล่มไม่ได้ เราเลือกดูแลได้แค่บางเล่มเท่านั้น จะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการและความพอดี ของแต่ละคน การหาร่มเพื่อกันฝน หาวัสดุป้องกันลม ดูแลไม่ให้เทียนล้ม ทำได้แค่ไม่กี่เล่มเท่านั้น

คนที่เรารู้จักก็เช่นกัน ในความเป็นจริง เราไม่สามารถดูแลคนได้ทุกคน เราเลือกดูแลได้แค่บางคนเท่านั้น เช่นบิดา มารดา บุตร ธิดา ญาติพี่น้อง และเพื่อนดีๆที่เป็นกัลยาณมิตรอีกไม่กี่คน

บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชา ดูแล สงเคราะห์ตามคำสอนในมงคล ๓๘ ประการ ส่วนที่เหลือก็คงต้องวางลง ปล่อยให้เทียนดับไป ไม่จุดเพิ่ม ห่างเหิน เงียบหายกันไปตามกาลเวลา ปล่อยให้เวรและกรรมเป็นเครื่องนำทางกับพวกเขาเอง

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น