วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในเฟซบุ๊ก

สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในเฟซบุ๊ก คือเวลาที่เราอ่านเรื่องราวที่มีประโยชน์ ที่เรากำลังค้นหาข้อมูล แล้วมีการนำเสนอข้อมูลมาหักล้างกัน แบบมีเหตุผล เพื่อหาคำตอบและสิ่งที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด เหตุการณ์กำลังเข้มข้น มีคนที่มีความรู้หลายๆท่าน นำเอกสาร หลักฐาน ข้อมูลมานำเสนอต่อๆกันไปอย่างน่าติดตามอ่าน ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ สิ่งที่อยากรู้มานาน ได้เห็นภาพถ่ายเก่าตั้งแต่เรายังไม่เกิด ภาพหายากจากต่างประเทศ การแปลบันทึกจากชนชาติต่างๆ ที่กล่าวถึงบ้านเรา

แล้วในเวลาแบบนั้นจะต้องมี ไอ้ อี บางพวกที่เข้ามา ประชดประชัน อวดรู้ทั้งๆที่ดูยังไงก็โง่ เขาคุยกันเรื่องนี้ ต้องยกเรื่องนั้นมาอ้าง คุยกันคนละเรื่องกับเขา ลากการเมืองห่าเหวอะไรมาก็ไม่รู้ มาปนกันมั่วไปหมด

เขาคุยเรื่องจริงจัง เอามุกควายๆมาเล่น เขาเตือนก็บอกว่ามาคลายเครียด ด่าเขาอีกว่าโลกสวย โลกเขาไม่ได้สวยหรอก แต่โลกของเขาก็คงไม่อัปปรีย์เท่าโลกที่พวกมึงอยู่กัน

ตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่ครูบาอาจารย์เคยพูดคำว่า กาละเทศะให้ได้ยินบ้างหรือเปล่า

"เกิดไม่ทัน มึงรู้ได้ไงว่าจริง"

หนึ่งในคำถามส้นตีน ที่เจอประจำ เขามีวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี เรียนกันมาตั้งแต่พ่อกับแม่มึงยังไม่ได้กันด้วยซ้ำ บันทึก จารึก ตั้งแต่สมัยโบราณ มีให้ศึกษากันมากมาย

"ปล่อยวางเถอะ อดีต ผ่านมาแล้วจะไปรู้มันทำไม"

อีกหนึ่งแนวที่มากันเยอะ เสือกเป็นโพธิสัตว์อวตารมาเลยทีเดียว อดีตมีความสำคัญ ถ้าไม่มีที่มา รากเหง้าตัวเอง จะพัฒนาคน พัฒนาชาติได้อย่างไร

ที่มาของบรรพบุรุษ คือสิ่งที่เราต้องรู้ มึงเกิดมาเพราะช้างลากแม่มึงไปผสมพันธุ์หรือไง ... สัส

เหมือนกับว่าชีวิตพวกมึงมีกันอยู่แค่นี้ สุดท้ายก็เสียอารมณ์กันไปจนต้องเลิกคุยกันในคอมเมนท์สาธารณะ ต้องไปแอดไปคุยกันส่วนตัว ทำให้มิติในการขยายองค์ความรู้หายไป เพราะมุมมองมันจะแคบ ถ้าคุยกันแค่สองคน

ให้ไปเปิดกลุ่มคุยกันก็ไม่ใช่เรื่อง ที่จะต้องไปทำอะไรวุ่นวายเพิ่มขึ้นในชีวิตเพราะพวกห่านั่นไม่กี่ตัว

คนอย่างพวกมึงไม่น่าออกมามีสังคมเลย น่าจะเกิดมา นอนเขี่ยโทรศัพท์ เล่นเกมส์แล้วตายห่าไปเงียบๆ เสียยังดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น