วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

ทนายโอ ชะอวด

เห็นรูปนี้ในเฟซบุ๊คของพี่ทนายโอ ผมถ่ายรูปนี้มาเมื่อปีที่แล้ว เห็นแล้วคิดถึงความหลัง


มาๆๆๆ จะเล่าความหลังให้ฟัง

วันนั้นผมเดินทางไปหาดใหญ่ จะเอากล้องไปส่งเข้าศูนย์แคนนอน ผมขับรถไปจอดไว้ที่สถานีรถไฟ แล้วเดินทางด้วยรถท้องถิ่นขบวนที่ 447 สุราษฎร์ธานี - สุไหงโกลก

รถขบวนนี้ออกจากสุราษฎร์ธานีตอน 06:20 น. กินกาแฟกับขนมปังที่ซื้อจากเซเว่นรองท้องไปก่อน ตั้งใจว่าเดี๋ยวค่อยไปหาข้าวกินบนรถไฟ

แต่วันนี้แปลก ไม่มีแม่ค้าขึ้นมาขายของเลย แม่ค้าเจ้าประจำที่ปกติจะขึ้นที่สถานีบ้านส้องก็ไม่ขาย ระยะทางก็อีกไกลกว่าจะถึงหาดใหญ่ "แล้วเราจะกินอะไร" คำถามนี้เริ่มเกิดขึ้นมาในสมอง

ลองติดต่อ พขร.พูลศักดิ์ ที่ชุมทางทุ่งสงดูว่าวันนี้อยู่แถวไหน ปรากฏว่าโชคยังเข้าข้าง วันนี้เข้าเวรสับเปลี่ยน เลื่อนรถในย่านสถานีพอดี เลยขอความช่วยเหลือเรื่องอาหารเที่ยง ได้ข้าวมาสองกล่องจากร้านหมี่จันดีที่มาเปิดขายอยู่ในตลาดทุ่งสง

ได้ข้าวมาก็อุ่นใจ นั่งรถชมวิวไปแบบสบายๆ พอถึงชุมทางเขาชุมทอง ก็เปิดกล่องข้าว ชิบหายแล้ว ... ไม่มีช้อน ทำไงละทีนี้ มันเป็นข้าวอะไรซักอย่างที่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นข้าวอะไร แต่ใช้วิธีตัดฝากล่องมาทำช้อนไม่ได้ กินกับมือก็ไม่ได้ ต้องใช้ช้อนอย่างเดียวเท่านั้น

นั่งคิดหาวิธีอยู่นาน แล้วก็คิดได้ว่ามีพี่ชายที่น่ารักอยู่ที่ชะอวด ร้านทองและตึกรังนกของพี่ทนายโอ อยู่ไม่ไกลจากสถานีชะอวด เลยติดต่อขอความช่วยเหลือ พี่โอรับปากว่าจะจัดการให้ เลยเบาใจนั่งสบายๆไปจนถึงสถานีชะอวด

ผมบอกแกว่าอยู่รถคันแรกติดรถจักร แกก็บอกว่า ไม่ต้องห่วง มารออยู่แล้ว รออยู่ตรงป้ายสถานี ปกติรถเร็วขบวนยาวๆจะจอดบริเวณนั้น แต่วันนี้ผมมารถท้องถิ่นที่สั้นกว่ารถเร็ว รถจอดไม่ถึงป้ายสถานี

พี่โอเห็นรถจอดไกล รีบวิ่งมาเต็มที่ (ชนิดที่ไม่เคยเห็นตอนที่แกเตะบอล 555 ) เอาช้อนกับขนมมาให้ ทำให้วันนั้นได้กินข้าวอิ่ม อร่อย โดยได้รับความช่วยเหลือไปตลอดทาง จาก พขร. พูลศักดิ์ที่ชุมทางทุ่งสง ทนายโอ ที่สถานีชะอวด

นอกจากนี้เมื่อรถมาถึงสถานีพัทลุง พี่แมว วันชัย รัตนมณี ที่เป็น พขร.ทำขบวนนี้จากชุมทางทุ่งสงถึงชุมทางหาดใหญ่ ลงจากรถจักร เดินมาถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า และระหว่างที่รอหลีกที่สถานีบ้านดินลาน น้องภูมิ ภาคภูมิ ช่างเครื่องลงมาทักทาย พูดคุยกันอีกพักใหญ่

รู้สึกอบอุ่นดี ที่ตลอดเส้นทางมีพี่ๆน้องๆ มาทักทายกัน ช่วยเหลือกัน พอเห็นภาพนี้แล้วคิดถึงความหลังเลยมาเล่าให้ฟัง ก่อนที่จะลืม ไปตามวัย ที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่นของผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น