วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 29 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 29 มกราคม 2560

เมื่อคืนหลับตอนตีสี่กว่าๆ วันนี้ตื่นมาเกือบเที่ยง สภาพร่างกายอ่อนเพลีย ตื่นแล้วก็หิว เดินเข้าครัว จัดมาม่าไป 2 ซอง แล้วกลับมานอนต่อ

ตื่นมาบ่ายสอง เดินเข้าไปในครัว มีสามชั้นทอดน้ำปลา วางอยู่พร้อมน้ำจิ้ม กินข้าว ... กลับมานอนต่อ

สี่โมงเย็น ออกไปซื้อกับข้าว เอาของไปคืนพี่ตาร์ ซื้อขนมจีนมาจากตลาดด้วย ขนมจีนหนึ่งกิโล จัดไปคนเดียว กินเสร็จ นอนอืดเหมือนเดิม ไม่อยากทำอะไร

วันนี้ดูข่าวแล้วก็สงสัย ข้าราชการ เจ้าพนักงานของรัฐ เมื่อกระทำความผิด ถ้ารับเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง สวัสดิการตามปกติอยู่ จะอ้างว่าเคยทำความดีทำคุณประโยชน์มาก่อน เพื่อขอยกเว้นโทษ ลดโทษคงไม่ได้ เพราะถือเป็นการรับจ้าง และรับค่าจ้างเหมือนกับงานทั่วไป

แต่ถ้ามาทำงานแบบไม่รับเงินเดือน ใช้ทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชน ก็ว่าไปอีกอย่าง พอจะเห็นใจและขอความเห็นใจจากสังคมได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ผิดหรือยกเว้นโทษ กฏหมายต้องศักดิ์สิทธิ์และบังคับใช้ได้จริง

ถ้ารับเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง สวัสดิการ แล้วทำผิดจริง ทำให้เสียชื่อเสียงจริง น่าจะต้องลงโทษเป็นสองเท่าเมื่อเทียบประชาชนทั่วไป ถือว่ากระทำการเนรคุณต่อแผ่นดิน

และถ้าเอามาตรฐานนี้มาอ้าง แบบนี้เวลาพระล่อสีกา ก็ไม่ต้องสึกสิ เพราะเคยทำความดีมาก่อน ขอลดโทษจากปาราชิก มาเป็นแค่ปลงอาบัติได้มั๊ย ก็สวดมนต์อยู่ทุกวัน ผิดครั้งเดียวจะมาจับสึกได้ไง ... เนอะ

ห้าทุ่ม ลุกขึ้นมาแช่ง ... เชียร์แมนยู ผลชนะไป 4:0 เอฟเอคัพปีนี้ ทีมใหญ่ๆ ยิงกันมากจริงๆ 4:0 / 5:0 ทั้งนั้น

หลับไปตอนเที่ยงคืนกว่าๆ วันนี้ทั้งวันไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ร่างกายต้องการพักผ่อน อ่อนเพลียสะสมกันมาเป็นเดือนแล้ว พรุ่งนี้คงจะดีขึ้น

บันทึกของเมื่อวาน 28 มกราคม 2560

ตื่นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ตีสี่ครึ่งอีกแล้ว ขอเวลาอีกหน่อยเพิ่งหลับไปสองชั่วโมงเอง ขออีกงีบละกัน ว่าแล้วก็หลับต่อ สะดุ้งมาอีกทีเกือบหกโมงเช้า รีบออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทุ่งสง เป็นงานแต่งงานลูกชายของพี่บ่าว รถไฟ ว่าจะไปช่วยถ่ายภาพ

งานนี้ชวนปุยจากชุมพรมาถ่ายด้วย เพราะรู้ว่าการนอนน้อยและเดินทางไกล จะทำให้ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพลดลง กลัวจะทำให้งานเขาเสีย

และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มือสั่นๆ หัวมึนๆ แต่ก็ยังดีที่มีมืออาชีพมาช่วยอีกสองคน เลยไม่ต้องเครียดมาก งานเลี้ยงจัดที่บ้านพักรถไฟทุ่งสง ได้เจอพี่ๆน้องๆหลายคน

บ่ายสาม ออกจากงานเลี้ยง รับหลวงเปี๊ยกที่ซอยยุทธศาสตร์ ไปส่งที่วัดเก่าเจริญธรรม กระโสม พังงา ถึงวัดประมาณเกือบทุ่ม เดินทางกลับสุราษฎร์ธานี ถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม ว่าจะทำรูปเลย แตร่างกายไม่ไหวแล้ว

นอนพัก เห็นโปรแกรมถ่ายทอดบอล อาร์เซนอลเตะเที่ยงคืนครึ่ง เลยรอดู คิดว่าจะดูซักครึ่งเดียวแล้วนอน ปรากฏว่าเล่นกันดีมาก ชนะไป 5:0 ดูจนจบ เข้าไปอ่านในเพจอาร์เซนอล อีกพักใหญ่ ดูเวลาอีกที ตีสี่อีกแล้ว

สวดมนต์ย่อๆ รีบนอน ค่อยว่ากันอีกทีพรุ่งนี้

บันทึกของเมื่อวาน 27 มกราคม 2560

ตื่นเช้า ตีสี่กว่าๆ เตรียมของไหว้บรรพบุรุษ บ้านผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ก๋งเป็นคนจีน แซ่โค้ว มาเปลี่ยนเป็น มณีวัต ตอนได้รับพระราชทานนามสกุลจากรัชกาลที่ 6 ในเวลาใกล้เคียงกันกับที่เปลี่ยนชื่อจังหวัดไชยา เป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปลี่ยนชื่อแม่น้ำหลวงเป็นแม่น้ำตาปี

ตั้งแต่เด็กมาก็เห็นย่า ไหว้มาทุกปี เมื่อก่อนวันตรุษจีนจะต้องเตรียมของ ทำขนมกันล่วงหน้าหลายวัน แต่เดี๋ยวนี้เตรียมเงินไว้อย่างเดียว ของทุกอย่างมีขาย ถึงราคาจะสูงกว่าปกติ แต่ก็สะดวกกว่าเมื่อก่อน

จัดเตรียมโต๊ะ ของไหว้ ทำพิธีไหว้เสร็จก็ถึงเวลาของลูกหลาน กินของไหว้แล้วหลับไปพักใหญ่ๆ ตื่นมาแวะไปบ้านเพื่อน กินของไหว้ บ้านละนิดละหน่อย ทักทายเพื่อนฝูง ไหว้ญาติผู้ใหญ่ แล้วกลับบ้านเพื่อพักผ่อน

รีบกลับมานอน เพราะวันที่ 28 มีงานต้องเดินทางไปที่ทุ่งสง แต่คงจะเพราะนอนกลางวันเยอะไปกว่าจะหลับได้ก็เกือบๆตีสอง

บันทึกของเมื่อวาน 26 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 26 มกราคม 2560

ตื่นเช้ามาก ตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ตื่นโดยที่ไม่รู้ว่าจะตื่นมาทำไม นั่งเล่นนอนเล่น กินกาแฟ อ่านหนังสือจนสายๆ ออกไปหาของไหว้เจ้า ไหว้ตรุษจีน ตั้งแต่เด็กมา การไหว้วันตรุษจีนที่บ้านจะเรียก ไหว้ก๋ง

สถานที่ซื้อของ ไม่พ้นโลตัสข้างบ้าน แวะที่เดียวได้ครบ ส่วนพวกของกิน ของสด แม่เตรียมไว้แล้ว ปีนี้เลยซื้อเองไม่กี่อย่าง แต่ขนาดไม่กี่อย่างก็หลายเงินอยู่เหมือนกัน

กลับบ้านดูข่าวลุงตู่มาเยี่ยมพี่น้องแถวๆบ้าน จะไปทักทายเหมือนกันแต่กลัวแกจำไม่ได้ เลยนอนต่ออีกรอบ ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทั้งลม ทั้งฝน ฟ้าร้องน่ากลัว สงสัยมาต้อนรับลุงตู่แน่ๆ

นอนหลับไปจนเย็น ตื่นมาเก็บน้อยโหน่งกับถอนต้นเล็กๆไปให้พี่เจน ขับรถเข้าเมืองมีฝนตกเล็กน้อย รถติดมหาวินาศ แยกบางใหญ่กำลังทำสะพานข้ามแยก รถต้องเบี่ยงหลบกัน แถมเจอพวกมาเลนพิเศษเพื่อมาปาดหน้าเข้าตรงไฟแดงอีก กว่าจะพ้นแยกไปได้เกือบๆชั่วโมง

เอาปลาทองที่บ้านพี่เจนมาเลี้ยงด้วย เป็นลูกปลาทอง น่ารักดี ก่อนกลับบ้านจอดรถ กินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันคนละชาม โต๊ะข้างๆนั่งคุยกันเสียงดังพอสมควร ทำให้เราได้ความรู้และความเป็นไปในที่ทำงานของเขา นิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงานอย่างละเอียด ภายในเวลาไม่กี่นาที

กลับบ้าน สวดมนต์ รีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นมาไหว้ก๋งตั้งแต่เช้า วันนี้นอกจากนอนแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย

บันทึกของเมื่อวาน 25 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 25 มกราคม 2560

ตื่นนอนเช้านี้ ท้องฟ้ายังไม่สดใส แต่ฝนก็ไม่ตก นั่งจิบกาแฟรอเวลาลงตัดหญ้า ไม่ได้ถือฤกษ์ยามใดๆ แต่ว่ายังขี้เกียจอยู่ ทำบ้างหยุดบ้าง ร่างกายยังไม่อยู่ตัว

แต่พอจะลงทำงานจริงๆ ฝนตกลงมาเล็กน้อย เลยมานั่งเล่นเกมส์รอเวลา เห็นมีมังกรไคริวโผล่มาในแจ้งเตือน ที่เสาใกล้บ้าน ฝนก็ตก อยากได้ก็อยากได้ เลยชวนคนข้างๆขับรถยนต์ออกไป ยูเทิร์น 2 ครั้ง จับเสร็จกลับเข้าบ้าน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ... นี่คือข้อดีของการชวนเมียให้เล่นเกมส์เดียวกัน 555

กลับเข้าบ้านฝนยังไม่หยุด นอนเล่น พลิกไปพลิกมาทำท่าจะหลับ พ่อมาที่บ้านคุยเรื่องเตรียมของไหว้ตรุษจีน ของที่จะไหว้ยังขาดอีกสามอย่างเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปจัดมาให้

ช่วงบ่ายๆฝนหยุด ตัดสินใจลงไปตัดหญ้าต่อ คิดไว้ว่าจะให้เสร็จ สวยงามก่อนไหว้เจ้าตรุษจีน ตัดจนเสร็จตามที่ตั้งใจไว้ ฝนก็เริ่มตกลงมาพอดี

ห้าโมงเย็น เอาของไปให้พี่เจน ลืมเก็บน้อยโหน่งไปให้ เลยนัดว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปอีกที จะเอาปลาทองมาเลี้ยงด้วย เสร็จจากบ้านพี่เจน ขับรถเข้าเมืองว่าจะไปกินลูกชิ้นทอดหน้าเทศบาลเมือง ร้านเก่า กับรสชาติที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ตอนแรกจะยืนกินที่รถขายเลย เพื่อรำลึกความหลัง แต่ดูสภาพอากาศที่มืดครึ้มแล้ว ซื้อไปกินที่บ้านดีกว่า

ซื้อลูกชิ้นเสร็จ ขับรถจะกลับบ้าน คนข้างๆบอกว่าบอลแดงที่ใช้จับโปเกม่อนหมดแล้ว เลยเปลี่ยนแผน เลี้ยวไปสวนสาธารณะริมแม่น้ำตาปี กินลูกชิ้น ปั่นเสา เก็บบอล จนสามทุ่มกว่าๆ ได้บอลมาร้อยกว่าลูกแล้วกลับบ้าน

แวะปั๊ม ปตท. ซื้อน้ำมัน พอจอดรถเจอยิมเลเวล 10 อยู่หน้ารถพอดี ไหนๆก็มาแล้ว ตีลงซะเลย ตายไปหกสิบกว่าตัว แต่สะใจดี

กลับบ้าน สวดมนต์ย่อ แล้วนอน ช่วงนี้เริ่มนอนเร็วอีกแล้ว ร่างกายเริ่มจะปกติตามประสาวัยรุ่น นอนเร็ว ตื่นเร็ว กินของขม ชมเด็กสาว 555

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัดตาก

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัดตาก





บันทึกของเมื่อวาน 24 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 24 มกราคม 2560

ตื่นเช้ามา ฟ้ามีแดด ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี จัดการมื้อเช้าเป็น ผัดถั่วงอกแล้วลงตัดหญ้าเลย ดินยังชื้นๆ มีน้ำซึมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ตัดจนเสร็จตามพื้นที่ ที่ตั้งใจไว้

หญ้าที่ไม่ได้ตัดมาหลายเดือนสูงถึงเอว ต้องตัดสองครั้ง ฟันด้านบนก่อนแล้วตัดรวบด้านล่าง เอียงใบตัดเพื่อไม่ให้หญ้าพันใบมีด เหนื่อยกว่าตัดหญ้าเรียบๆ แต่สนุกดี ... งานทุกแบบมันมีความสนุกเฉพาะตัวของมัน

ช่วงบ่าย ออกไปธุระที่เซนทรัล แวะไปรษณีย์ส่งของไปกรุงเทพ ปกติเซนทรัลในช่วงบ่ายๆวันอังคารจะมีคนไม่เยอะมาก แต่วันนี้มีนักเรียนมา สี่คันรถบัส เลยดูคึกคักขึ้นมามากกว่าปกติ

กลับมานอนพัก นั่งเล่นไปเรื่อยๆก่อนจะออกไปสนามบิน รับหลวงเปี๊ยกและทีมงาน ไปส่งที่วัดเก่าเจริญธรรม จังหวัดพังงา สนามบินกำลังทำลานจอดรถ ส่วนถนนด้านนอกกำลังปรับปรุง รถติดอย่างหนัก

สภาพการจราจร จากด้านนอกจนถึงด้านใน เต็มไปด้วยรังสีของความเห็นแก่ตัว การแย่งกันไปข้างหน้า การแย่งกันจอดรถ รวมถึงการจอดรถในที่ห้ามจอด กลายเป็นเรื่องปกติ การได้เอาเปรียบคนอื่น แม้แต่เพียงเล็กน้อย จะทำให้เขารู้สึกดี

แต่ก็ช่างเถอะ บางครั้งเราก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน ถือว่าเจ๊ากันไป เคยถามเพื่อนว่า ทำไมมึงจอดตรงนี้ เขาห้ามจอด มันตอบว่า

"ใครๆก็ทำกัน" ... สาธุ

รับหลวงแล้วออกเดินทาง แวะกินกาแฟดาว หนึ่งกระป๋อง หลังรถเป็นข้าวสาร อาหารแห้งที่ทางวัดห้วยสิงห์ จากแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝากลงมาแบ่งปันให้ทางใต้ หลายกระสอบ

คิดไม่ออกว่าจะเอาไปไหน แถวบ้านน้ำก็ไม่ท่วม บริเวณที่ท่วมก็มีหน่วยงานเข้าช่วยเหลือหมดแล้ว อีกอย่างที่ขนมาเป็นข้าวสารที่สีใหม่ๆใส่กระสอบ ไม่สะดวกจะเอาไปแจกอยู่ดี

เลยคุยกันว่าขนเอาลงไว้ที่โรงครัววัดเก่าเสียเลยดีกว่า ที่นี่จะมีงานปริวาสกรรมในต้นเดือนหน้า จะได้เอาไว้ทำอาหารเลี้ยงพระและผู้ที่มาปฏิบัติธรรม ... บุญทำที่ไหนก็เป็นบุญ

กลับออกมาจากวัดเก่าสามทุ่ม รถเบาลงมาก วิ่งทำความเร็วได้ดี ถนนสายนี้ยังปรับปรุงไม่เสร็จ เห็นมีติดตั้งเสาไฟเพิ่มด้วย แต่ยังไม่เปิดใช้งาน ต่อไปถนนสายนี้คงจะสบายกว่านี้มาก

ก่อนเข้าบ้านแวะเข้าตลาดพุนพิน จัดเส้นหมี่น้ำมากินก่อนนอน สวดมนต์ย่อๆ แล้วหลับยาว

บันทึกของเมื่อวาน 23 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 23 มกราคม 2560

เช้านี้ตื่นมาด้วยความสดชื่น ได้นอนเต็มที่มาสองวัน ชงกาแฟนั่งดูข่าว กินข้าวเตรียมตัวทำงาน เปิดประตูออกมา อ้าว ... ฝนตก

กลับเข้าบ้าน เอาหินมานั่งฝึกขัดผิว แต่งมุม ลองหินหลายแบบทั้งหยาบและละเอียด ฝึกความนิ่งของมือ ลองสร้างเหลี่ยม สร้างมุมตามความคิดของตัวเอง เป็นการฝึกสมาธิไปในตัว

ทำไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่พอเลิก ฝุ่นเต็มทั้งตัว ได้ชิ้นงานแปลกๆมาชิ้นนึง จะกลมก็ไม่กลม จะเหลี่ยมก็ไม่เหลี่ยม ... มันคืองานศิลปะ

เก็บหิน เตรียมตัวออกไปตัดหญ้า ฝนตกอีกแล้ว อยากทำงานแต่เหมือนฟ้าจะไม่เข้าใจ พ่อเดินมานั่งคุยเรื่องเตรียมของไหว้ตรุษจีน คุยไปแป๊บๆหันไปดู ... หลับ

จดรายการของไหว้เตรียมไว้ให้พ่อ จองตั๋วเครื่องบินให้หลวง จะเดินทางพรุ่งนี้มาลงที่สุราษฎร์ธานีแล้วจะเดินทางต่อไปพังงา เสร็จแล้วนอนอ่านหนังสือ รอฝนหยุดตก เกือบจะหลับอีกรอบ

ฝนหยุดตก พ่อกลับบ้าน ความขี้เกียจก็เข้ามาแทน อาบน้ำออกไปตลาด หาของกิน ได้หอยทอดกับข้าวเหนียวมะม่วงมาเป็นมื้อเย็น ข้าวเหนียวแข็งไปนิด กะทิน้อยไปหน่อย มะม่วงจืดๆสองชิ้น ... อาหารการกินสมัยนี้สีสันได้ รูปทรงได้ แต่รสชาติไม่ได้

กินมื้อเย็นเสร็จ นั่งทำรูปไปเรื่อยๆจนดึก หิวอีกรอบ เดินไปดูในครัวเหลือไก่ผัดขิงอยู่นิดหน่อย กับลาบหมูของคนข้างๆ จัดการเอาทั้งหมดมารวมกัน ออกมานั่งกิน

แมวตื่น เดินมานั่งจ้องหน้า เสียสละไก่ให้ไปครึ่งชิ้น พอตั้งให้ก็ไม่กิน ของยิ่งมีน้อยๆอยู่ด้วย น่าจะกลับไปบอกแม่ค้าจริงๆ ... ไก่ร้านพี่ แมวยังไม่แหลก

ไหว้พระ นอน พรุ่งนี้มีภาระกิจมากมาย ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ค่าใช้จ่าย รออยู่เป็นปึก จัดการเสร็จจะไปรับหลวง แล้วเอาข้าวสารจากบนดอยไปให้ที่วัดเก่า จังหวัดพังงา

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 22 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 22 มกราคม 2560

ตื่นนอนมาแบบเพลียๆ ยังไม่ฟื้นจากการเดินทาง พลิกไปพลิกมา กัดฟันลุกขึ้น ตั้งใจว่าจะลงรูปต่อให้เสร็จ ทำไปได้ไม่มากก็หิว มองๆไปในครัวไม่มีอะไรมากนัก มีอาหารสามัญประจำบ้านอยู่นิดหน่อย

อาหารที่มีก็คือปลากระป๋องกับมาม่า แต่ก็เลือกมาม่า เพราะขี้เกียจหุงข้าว ซัดมาม่าไปสองซอง กาแฟหนึ่งแก้ว แล้วมานั่งทำรูป ร่างกายยังต้องการการพักผ่อน ยังไม่มีความสดชื่น เลยกลับมานอนต่ออีกรอบ

ตื่นมาเกือบๆเย็น ออกไปบ้านเฮียเก่งที่บ้านริมน้ำ แวะซื้อ ลาบ ส้มตำ คอหมูย่างเข้าไปด้วย ว่าจะเข้าไปหาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องขัดหิน เจอพี่ฝากับพี่กรุง กับแชมป์นั่งอยู่ก่อนแล้ว คุยกันเล่นๆจนเกือบสองทุ่ม กลับบ้านมานั่งขัดหิน นั่งทำรูปต่อและที่สำคัญ มาดูว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกเตะกับเบิร์นลี่

กลับมาถึงบ้านลองนั่งขัดหิน ใบมันยังหยาบไม่พอ ขาดใบขัดอีกใบทำให้หินยังไม่แวววาว เลิกขัดหิน อาบน้ำอีกรอบ เศษฝุ่นหินติดเต็มตัวเลย

กลับไปนอนดูบอล คู่อาร์เซนอลกับเบิร์นลี่ ลุ้นจนนาทีสุดท้าย นำก่อน 1:0 ซาก้ามาโดนไล่ออก ทดเวลาเจ็บ 7 นาที โดนจุดโทษ นาทีที่ 93 เวนเกอร์โดนไล่ออกจากสนามข้อหาโวยวายตอนโดนจุดโทษ

แต่ในนาทีที่ 97 กลับมาได้จุดโทษ อเล็กซิส ยิงเข้าไป ชนะ 2:1 แบบเหนื่อยทั้งผู้เล่นและกองเชียร์

ระหว่างพักครึ่ง หิวอีกรอบ คราวนี้กินปลากระป๋อง ลืมไปว่ามีข้าวเหลืออยู่นิดหน่อย อิ่มแล้วลงรูปอีกชุด สวดมนต์ นอน พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะลงทำงานข้างบ้านเสียที หายไปเกือบๆอาทิตย์ ไม่ได้ทำอะไรเลย

ได้ยินเสียงฝนตก เปิดดูเรดาห์เห็นมีกลุ่มฝนใกล้เข้ามา ขอให้พรุ่งนี้อย่าตกเลย ... จะทำงาน

บันทึกของเมื่อวาน 21 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 21 มกราคม 2560

ตื่นนอนแบบแปลกๆ นอนในรถจอดในปั๊ม รอให้ฟ้าสว่างก่อนค่อยออกเดินทาง ถนนมีทางเบี่ยงหลายแห่งเลยไม่อยากขับตอนมืดๆ จอดนอนตอนตีสี่กว่าๆ ตื่นมาล้างหน้าแล้วเดินทางต่อเลย

มีรถกู้ภัยขนของลงใต้แซงไปหลายขบวน มาจากหลายที่ รวมทั้งมีขบวนที่เดินทางกลับสวนขึ้นไปหลายขบวนเช่นกัน ฟ้าครึ้มตลอดทางแต่ไม่มีฝนตก

แวะซื้อแกง คิดไว้ว่ากลับมาถึงบ้านจะหุงข้าวกินก่อน แต่ไม่ไหว หลับยาวจนถึงเย็น ตื่นมากินข้าว แต่ยังเพลียๆอยู่ กินกาแฟแล้วเริ่มเปิดรูป .. วินโดวส์ อัพเดท รอพักใหญ่ๆ แต่ก็เป็นข้อดีของการใช้ซอฟแวร์ลิขสิทธิ์ที่ถูกต้อง

เชียร์ลิเวอร์พูลไปพลาง ลงรูปไปพลาง ลงรูปชุดที่เลี้ยงอาหารเย็นนักเรียนที่โรงเรียนห้วยสิงห์เสร็จ บอลก็จบพอดี ลิเวอร์พูลเล่นได้ตามมาตรฐาน แพ้คาบ้านไป 2:3

นั่งดูรูปที่ถ่ายมา รู้ว่าได้ว่าไม่อยู่ในมาตรฐานของตัวเอง ถ่ายมาได้ไม่มากนัก เหมือนมีอะไรอยู่ในใจหลายอย่าง แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วในช่วงเวลานั้น

ดูเด็กๆชาวเขาพวกนี้ รับรู้ได้ถึงความเป็นเด็ก ใสซื่อ สมวัย ไม่เหมือนเด็กที่มีอายุไล่เลี่ยกันที่อยู่ในเมืองใหญ่ เด็กที่นี่มารยาทดี การพูดจาเรียบร้อย ทั้งต่อหน้าและลับหลังครู (ผมแอบสังเกตมาหลายครั้งแล้ว)

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ครู ที่ดูแลเอาใจใส่เด็กได้ดี เป็นครูที่เหมือนพ่อแม่อีกคนของนักเรียน ให้ทั้งความรู้และความอบอุ่น สมกับคำว่าครูจริงๆ

วันนี้ร่างกายกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว ทั้งเรื่องกิน นอน ทำงาน เลยดูเรื่อยๆ เฉื่อยๆ สี่ทุ่มกว่าๆ ไหว้พระย่อ นอนพักผ่อน คิดไว้ว่าพรุ่งนี้จะลงรูปให้เสร็จ จะได้ลุยงานในสวนอย่างจริงจังเสียที

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 20 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 20 มกราคม 2560

ตื่นนอนแปดโมงกว่าๆ เมื่อคืนได้นอนเต็มที่ วันนี้เลยดูมีเรี่ยวแรงมากขึ้น ออกเดินทางจากลำปางเก้าโมงกว่าๆ กินมื้อเช้าแถวๆที่พัก มุ่งหน้าทางจังหวัดตาก

เจอด่านตรวจเป็นระยะ จนสุดเขตจังหวัดตาก ก็ไม่เจออีก จนถึงถนนพระรามสอง มีด่านตำรวจตรวจความปลอดภัยอยู่หนึ่งแห่ง

จากลำปางขับมาไม่เร็วนัก แวะมาเรื่อยๆ จอดซื้อของข้างทางหลายอย่าง จนถึงกรุงเทพ กินข้าวบ้านปิง พักผ่อนเล็กน้อยแล้วออกเดินทางต่อ ... ออกจากกรุงเทพเกือบๆสี่ทุ่ม

ระหว่างทางเห็นอุบัติเหตุอยู่หลายที่ มีฝนตกช่วงห้วยมงคลแล้วหยุดยาวมาจนถึงบางสะพาน จอดนอนพักเอาแรงอีกหน่อย เพราะดูสภาพถนนยังไม่น่าไว้ใจมากนัก กลัวว่าถ้าเจอฝนระหว่างทางจะลำบาก

ระหว่างเส้นทางกลับบ้าน เจอรถที่ลงมาแจกของ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่หลายขบวน ... ดีใจที่คนไทยไม่ทิ้งกัน

สวดมนต์ไหว้พระในรถ จอดนอนในปั๊ม ค่อยเดินทางกันต่อ ตื่นตอนไหนก็ไปตอนนั้น คิดถึงบ้าน คิดถึงแมว

บันทึกของเมื่อวาน 19 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 19 มกราคม 2560

ตื่นตั้งแต่ตีสามกว่าๆ เตรียมตัวเดินทางไปบนดอย ออกจากโรงแรมในเมืองแม่สะเรียงไปที่วัดห้วยสิงห์ ถึงวัดตีสี่กว่า เจ้าแสงชงกาแฟให้ กำลังจะกิน แต่ต้องไปรับคณะจากกรุงเทพที่นอนในโรงเรียนก่อน

กลับมาลืมกินกาแฟ มาเห็นอีกทีเย็นหมดแล้วเลยซดรวดเดียวหมดแก้ว แล้วต่อด้วยข้าวต้ม ข้าวต้มเช้านี้พี่ตู่ อดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทำมาให้ แกบอกว่าโยมแม่ทำเอง

พี่ตู่จะเรียกภรรยาของแกว่าโยมแม่ ตอนมาแรกๆก็ยังคิดว่าเป็นแม่ของแกจริงๆ แต่พอเจอกันเมื่อครั้งก่อนถึงได้รู้ว่า เป็น โยมแม่ทูลหัวของแกนี่เอง

มีลูกๆนักเรียนจากโรงเรียนห้วยสิงห์มาตักข้าวให้ มาเก็บจานล้างจานให้ด้วย น่ารักมากและนักเรียนทั้งหกคนนี้จะขึ้นไปบนดอยกับเราด้วย

พี่เล็ก พี่นก พี่ฉัตร พี่มิตร น้องพรามและทีมงานที่เดินทางมาจากกรุงเทพ มาถึงก็ขนของลง จัดของอีกที กินข้าวต้มแล้วออกเดินทางกันเลย นั่งคุยกันไปกับพรามหลังรถ แวะจุดชมวิว ขึ้นไปแจกของที่ดอยปู่ทา แล้วกลับลงมาที่กลอเซโล

เจอคณะครูที่กลอเซโล ครูเชษฐ ครูพิมพ์ ครูสมนึก ครูส้ม และอีกสอง สามคน ที่จำชื่อไม่ได้ เอาของฝากครูสมนึกไปกลมนึง แล้วมานั่งคุยกับเด็กๆ ช่วยกันขนของไปเก็บในห้องเก็บของ ... ที่นี่เหมือนบ้านของเราอีกแห่งนึงไปแล้ว

ครูสมนึกดูจะภูมิใจกับโรงครัวแห่งใหม่มาก ชวนผมลงไปดูอีกรอบ แว่วๆว่า หลวงเบนซ์ มอบเงินซื้อกระเบื้องปูพื้นให้อีก

โรงครัวแห่งนี้ พระอาจารย์นิวัฒน์ วัดม่อนฤาษี สนับสนุนแผ่นเมทัลชีท มุงหลังคา ส่วนค่าก่อสร้างได้จากเงินบริจาคผ่านทางหลวงเปี๊ยก หรือพระอาจารย์วาโย ที่จ่ายค่าวัสดุก่อสร้างไปแล้ว 40000 บาท

วันนี้คณะที่ขึ้นมาจะนอนกันที่นี่ ส่วนพวกผมและเด็กๆจากห้วยสิงห์อีกสามคนจะลงกลับไปด้านล่าง ผมเดินทางกลับก่อน เพราะมีภาระกิจมากมายรออยู่ทางบ้าน

เจ้าแสงไม่ได้ลงมาด้วย หลวงเปี๊ยกขอให้อยู่ช่วยงานด้านบนก่อน แล้วจะไปบอกครูบาเสรีให้เอง พวกเราเลยลงกันมาก่อนกับรถที่ลงมาขนของ เพื่อขึ้นไปดอยแม่ตอละในวันพรุ่งนี้

ออกจากแม่สะเรียง ฮอด แวะกินมื้อเย็นที่ลำพูน ตอนแรกที่ผ่านร้านนี้ว่าจะแวะเข้าไปดูเฉยๆ เพราะร้านอยู่ลึกเข้าไปด้านใน แต่มีป้ายติดว่าห้ามกลับรถ เลยขับตรงเข้าไป กลายเป็นร้านหมูกระทะ ... จัดไปครั้งที่สองในรอบสามวัน

เข้ามานอนที่ลำปาง เป็นโรงแรมเดิมที่เคยพักมาก่อนหน้านี้ อยู่ติดถนน ราคาคืนละ 450 บาท ห้องดีมาก นอนสบายดี สวดมนต์ ไหว้พระ นอน นัดกันไว้ว่าคืนนี้จะนอนยาวๆ พรุ่งนี้เจอกันตอนเก้าโมงทีเดียวเลย

ติดค้างรายละเอียดของวันนี้ไว้อีกนิด เพราะมีเริ่องราวมากมายเหลือเกิน ที่จะแยกออกมาบันทึกไว้ เอาไว้วันว่างจะเล่าให้ฟัง

พิธีกรรม เปลือกของศาสนา

ทับหลัง สลักรูปพระพุทธเจ้าปางแสดงธรรม ปราสาทพิมาย จังหวัดนครราชสีมา


เรารู้กันแล้วว่า ในสมัยโบราณมีการเปลี่ยนแปลงศาสนสถาน เปลี่ยนแปลงเทพเจ้าที่เคารพ จากบูชาสรรเสริญพระศิวะ พระนารายณ์ มาเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า เปลี่ยนศาสนา เปลี่ยนเทพเจ้า แล้ววิธีการบูชาเทพเจ้าเราใช้วิธีไหน ... ?

การเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาแค่เพียงข้ามชั่วอายุคน วิธีการการบูชาจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ในช่วงระยะเวลานั้น

เดาเอาเองว่า คงจะยังใช้วิธีการเช่นเดิม เคยถวายบูชาด้วยไฟ ของหอม กำยาน เครื่องไหว้ คงจะใช้มาเช่นเดิม คือเคารพสูงสุด แต่ก็คงจะไม่เปลี่ยนวิธีบูชาไปจากเดิมมากนัก

การลดขั้นตอน การลดเครื่องบูชา อาจจะถูกมองถึงการลดระดับความศรัทธา การบูชาเทพเจ้าองค์ใหม่ ต้องอยู่ในระดับที่เท่าเทียม หรือยิ่งใหญ่กว่า เพื่อยกย่องเป็นเทพเจ้าสูงสุด

การสร้างรูปเคารพ การถวายของบูชา การท่องบ่น ภาวนา ระลึกถึงพระนามของเทพเจ้าที่ตนนับถือ มีการปฎิบัติสืบต่อมาหลายยุค หลายสมัย

การสร้างรูปเคารพไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว การจัดพิธีกรรมบูชาเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับมนุษย์ที่กำลังใจยังไม่เข้มแข็งมากนัก ให้น้อมนำเข้าสู่แนวทางปฏิบัติ เป็นสัญลักษณ์ทางการเผยแผ่และยอมรับในเทพเจ้า

ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกมองว่าเป็นแค่เปลือกนอกแต่ก็มีความสำคัญมาก ผลไม้ถ้าไม่มีเปลือกจะเก็บไว้ได้ไม่นาน ต้นไม้ถ้าไม่มีเปลือก ก็ไม่สามารถยืนต้นอยู่ได้จนให้ร่มเงา

ศาสนาก็เช่นกัน

เพราะว่าพี่เหี้ยพอ

วันนี้ขึ้นดอยปู่ทาและกลอเซโลแต่ผมลงมาก่อน เพราะมีภาระกิจอื่นอีกมากมาย ไม่สามารถนอนชมดาวอยู่บนนั้นได้

ตอนขึ้นไป ต้องนั่งหลังรถกระบะ นั่งไปบนกองสิ่งของที่ขนขึ้นไป คันที่ผมไปมีนั่งหลังรถไปกันสามคน มีผม พราม และปิง

ปิงเป็นคนจีนที่พูดและเข้าใจภาษาไทยได้ดีมาก อยากจะขึ้นดอยกับผมหลายรอบแล้ว แต่ไม่ว่างซักทีจนเพิ่งได้มีโอกาสขึ้นไปครั้งนี้เป็นครั้งแรก

พวกเรานั่งคุยกันหลายเรื่อง จนถึงเรื่องขึ้นดอย พรามบอกว่ามีหลายคนอยากมาด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้มา จนบางครั้ง ลูกพี่ถามพวกที่อยากมาบางคนว่า "มึงจะขึ้นดอยไปกับกู มึงเหี้ยพอหรือยัง"

อาจจะเป็นเพราะพวกเราในอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งอนาคต ไม่ได้เป็นคนดีอะไรกับเขามากนักหรอก ออกจะไปในเส้นทางที่คนดีๆจะเรียกพวกเราว่า "พวกเหี้ยนั่น" อยู่บ่อยๆ

เราทำเรื่องเกี่ยวกับคนบนดอย เพราะหลวงเปี๊ยกชวนมา ทำให้ได้มาเห็นความลำบากของพวกเขา และเป็นเพราะพวกเราอยากทำ ใครจะว่าอะไรก็ไม่ได้ใส่ใจ และไม่ค่อยจะสนใจใคร ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ หรือมีข้อแม้มากนักก็จะไม่ได้มาด้วยกัน

วันนี้ตั้งแต่เช้าจนเย็น เดินทางผ่านเส้นทางขึ้นดอยจนลงมาด้านล่าง ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องที่คุยกันแล้ว แต่ปิงที่กลับมาด้วยกันกับผม พูดขึ้นมาในตอนที่ลงมาถึงอำเถอฮอดว่า

"ผมสงสัยอยู่ตั้งนาน แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่ถึงขึ้นดอยได้ตั้งหลายหน ... เพราะว่าพี่เหี้ยพอนี่เอง"

พยายามคิดอยู่พักใหญ่ๆว่ามันพูดจริงๆหรือพูดเล่น แต่ยังไม่ได้คำตอบ ว่าเป็นเพราะมันเป็นคนจีน พูดแล้วไม่ชัด หรือมันเข้าใจอะไรผิด หรือเพราะเจ้าพรามพูดไม่ชัดเจน

หรือว่า ผมเหี้ยถึงระดับจริงๆ 5555

บันทึกของเมื่อวาน 18 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 18 มกราคม 2560

เมื่อคืนนอนหลับไปแล้ว มาสะดุ้งตื่นเพราะมีแขกฝรั่งเข้ามาพักที่โรงแรม เสียงดังมาก ตื่นมาตอนตีหนึ่งกว่าๆ คราวนี้กว่าจะหลับอีกทีก็เกือบตีสาม

ตื่นนอน ออกเดินทาง กราบพระธาตุจอมทองเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วเดินทางต่อ แวะกินข้าวเช้าที่ออบหลวง เดินเที่ยวแป๊บนึง แวะถ่ายรูปมาเรื่อยๆ ที่สวนสนบ่อแก้ว กับจุดชมวิวสบเมย ห้วยกุ้ง แม่เหาะ

มาถึงวัดห้วยสิงห์ตอนบ่ายนิดๆ ขนของลง นั่งคุยกันกับหลวงเปี๊ยก แล้วไปรับแสงที่บ้านแม่เหาะ ไปถึงวัดป่าธรรมนิมิตร เห็นพระกับโยมช่วยกันทำแบบ เทปูน สร้างศาลากันอยู่ ... กฐินที่ผ่านมาร่วมกับหลวงเปี๊ยก ช่วยทางวัดมา 100 ซอง เห็นแล้วมีปิติ ปลื้มใจมาก

ที่นี่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ต้นไม้เยอะมาก ท่านเจ้าอาวาส ครูบาเสรี เป็นพระที่มีเมตตา ใจดี พูดน้อย ร่วมกันถวายปัจจัยช่วยสร้างศาลา แล้วรับแสงออกมาด้วย บอกท่านว่าพรุ่งนี้จะพาไปส่ง

กลับมาที่วัดห้วยสิงห์อีกรอบ กินข้าว แล้วจัดเตรียมของ ไปเลี้ยงอาหารเด็กที่โรงเรียนวัดห้วยสิงห์ เด็กที่นี่เป็นเด็กชาวเขาที่ลงมาเรียนหนังสือ ได้ค่าอาหารต่อหัว ต่อวันไม่มากนัก แต่ละวันมีกินแค่พออิ่ม เวลาพวกเรามาจะทำอาหารพิเศษ รวมทั้งมีขนมมาเลี้ยงเด็กๆเสมอ

เสร็จแล้วรีบเข้ามาในเมืองแม่สะเรียง เตรียมอุปกรณ์เดินทาง หาข้าวกินแล้วรีบเข้าที่พัก พรุ่งนี้นัดเจอกันที่วัดห้วยสิงห์ตอนตีสี่ครึ่ง เพื่อขึ้นไปบนดอย กลอเซโล และดอยปู่ทา

วันนี้ได้ข่าวแปลกๆ เรื่องพระบนดอย ที่มีเรื่องราวแชร์กันอยู่ตอนนี้ ผมเคยเจอกันกับพระรูปนี้เมื่อปีที่แล้ว สอง สามครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก "ความจริงมีเพียงสิ่งเดียว" นักสืบโคนัน ได้กล่าวเอาไว้

นอนพักที่โรงแรมเดิมที่เคยนอนประจำ ราคา 450 บาท นอนได้สบายๆ สภาพพอๆกับห้องราคา 750 บาทที่ภูเก็ต สวดมนต์ไหว้พระ แล้วหลับยาวเลย

บันทึกของเมื่อวาน 17 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 17 มกราคม 2560

ตื่นตั้งแต่ 07:00 แต่นอนบิดไปบิดมาอยู่บนที่นอน ไม่อยากตื่น อากาศเย็นกำลังดี 8:00 ตัดใจลุกขึ้นเตรียมตัวออกเดินทาง แวะไปชมแม่น้ำปิงที่สวนสาธารณะ เมืองตาก

แม่น้ำปิงบริเวณนี้ไหลแรง แต่สะอาด สภาพแวดล้อมดีมาก แต่สวนหย่อมที่ตกแต่งไว้เริ่มทรุดโทรม แต่ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปของบ้านเรา ที่งบจัดซื้อ งบสร้าง จะหาง่ายและมีมากกว่า งบซ่อมกับงบดูแลรักษา ที่นี่มีพื้นทีกว้าง และยาวตลอดริมแม่น้ำหลายกิโลเมตร ทำได้ขนาดนี้ ผมว่าเก่งมากๆแล้วครับ

ลงไปถ่ายภาพแม่น้ำปิงกับสะพานแขวน เก็บไว้เป็นที่ระลึก ชอบบรรยากาศที่นี่ ดูเป็นธรรมชาติดี ยังไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามามากนัก

แต่ก็แอบคิดในใจว่า ถ้าที่บ้านมีแบบนี้ คือมีสะพานแขวน ใช้สำหรับจักรยานและคนเดินข้ามไปเกาะลำพู คงจะสะดวกมากขึ้น มีจุดที่น่าสนใจ ที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่แบบเดิมก็ดีอยู่ ไม่ได้มีอะไรเสียหาย จะมีหรือไม่มีก็ได้ มันมีเสน่ห์กันคนละแบบ

เสร็จจากถ่ายภาพริมแม่น้ำปิง ดินทางต่อไปกราบพระเจ้าตากสินมหาราชที่ศาลกลางเมือง เปิดประตูรถลงไป ได้ยินเสียงเพลงนักสู้ภูดอย ของครูซัน ครูดอยคนเมืองตาก ดังมาทางเสียงตามสาย รู้สึกดีมากๆ เดินฟังเพลงชมบรรยากาศ เพลินไปเลยทีเดียว

กราบท่านแล้วออกเดินทางกันต่อ หาข้าวเช้ากินริมถนนแถวๆนั้น กินกัน สี่คน เป็นข้าวราดผัดกะเพราเครื่องในหมู คนละจาน ขนมจีนอีกสามจาน อิ่มกันทุกคนในราคา ร้อยกว่าบาท เป็นราคาที่ไม่มีทางหากินได้แถวบ้าน

ราคานี้ถึงพอหาได้ แต่ปริมาณอาหารไม่ได้แน่นอน ควายๆอย่างผมยังอิ่มถึงเย็น

ออกจากตาก แวะที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง หาดูแก้วโป่งข่าม เจอที่ถูกใจอยู่หลายชิ้น ใช้เวลาพอสมควร เลยเปลี่ยนแผนที่ตอนแรกจะไปทางอำเภอลี้ แวะกราบพระที่ห้วยต้มก่อนเข้าจอมทอง เปลี่ยนมาเป็นเข้าทางลำปาง แยกดอยติ ป่าซาง ดอยหล่อ จอมทองแทน

ถนนจากเถินมาลำปาง ไม่ค่อยดีนัก มีปิดทางซ่อมอยู่หลายจุด แต่ก็ยังทำเวลาได้ตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ต้องขับเร็วมากนัก ช่วงนี้ขับรถเร็วไม่ค่อยไหวเสียแล้ว สายตาไม่ค่อยดีเหมือนก่อน

มาถึงตลาดจอมทอง เข้าที่พักที่เคยมาพักประจำ ห้องสภาพดี ราคา 350 บาท แต่สภาพดีกว่าที่เพชรบุรี กับที่ ตาก ... ยิ่งมาไกลค่าห้องยิ่งถูกและดีขึ้นเรื่อยๆ 555

เย็นๆออกไปกินหมูกระทะกัน ร้านนี้เคยมากินตอนมาขึ้นดอยครั้งที่แล้ว อาหารสดมากๆ โดยเฉพาะผัก คล้ายๆกับเก็บมาแล้วกินเลย รสชาติใช้ได้ คาดว่าจะมีครั้งที่สามอีกแน่ๆสำหรับร้านนี้

แวะเซเว่น ซื้อมาม่ามาเป็นเสบียงตอนค่ำ คิดไว้ว่าถ้าหิวก็กิน ไม่หิวก็เก็บไว้ แต่สุดท้าย มาม่าคัพกระป๋องนี้ก็ต้องพลีชีพไปตอนสี่ทุ่ม ไม่รอดจนถึงเช้า

สวดมนต์ ไหว้พระ นอนพักผ่อน เตรียมตัวไปแม่สะเรียงในวันพรุ่งนี้ วางแผนจะแวะออบหลวง บ่อแก้ว สบเมย ก่อนจะไปวัดห้วยสิงห์ แต่จะได้ตามแผนหรือเปล่าค่อยว่ากันอีกที

บันทึกของเมื่อวาน 16 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 16 มกราคม 2560

ตื่นนอน หกโมง ออกจากที่พัก เดินทางเข้ากรุงเทพ แวะเอาต้นไม้ไปฝากปู่นง ที่นาเกลือหน้าวัดนาโคก สมุทรสาคร นั่งกินกาแฟที่ต้มน้ำร้อนจากกาน้ำร้อนแบบเก่า พูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวเดินทางต่อ รอบนี้ไม่ได้เอาเกลือขึ้นไปด้วย เนื่องจากรถเต็มพอดี คราวหน้าจะเอาขึ้นไปใหม่

ขับมาตามเส้นพระรามสอง ธนบุรี - ปากท่อ สมัยที่ผมมาอยู่ในซอยวัดกำแพง ปีนั้นถนนสายนี้กำลังขยาย บิ๊กซีกำลังสร้าง รถยังไม่มากนัก วินมอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อ "ศิษย์วัดกำแพง" กันทั้งวิน เคยได้นั่งเข้าไปกราบรูปเหมือนหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพงอยู่บ่อยๆ

รวมทั้งได้อาศัยดูหนังกลางแปลง ที่ฉายแก้บนบริเวณศาลเจ้าแม่งูจงอางและลูกด้วย แต่ตอนนี้มองหาไม่เห็นแล้ว สงสัยจะมีอาคารสร้างใหม่มาบัง วันไหนว่างจะไปกราบท่านอีกที

ขึ้นทางด่วน รถติดช่วงก่อนข้ามสะพานพระรามเก้า และมาติดยาวๆอีกทีตอนจะเข้าคลองสาม ... ตำรวจตั้งด่าน ตรวจตราความเรียบร้อย จนมาถึงบ้านอาปิง เกือบๆเที่ยง

ออกมาหาข้าวกิน แล้วออกเดินทาง รถแอร์ไม่เย็น แวะซ่อมแถวๆอยุธยา ก่อนจะขับยาวมาถึงจังหวัดตาก ถนนช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ชำรุดมาก แต่ก็ทำให้คิดถึงถนนช่วงกุยบุรี ในสมัยปีสองปีที่แล้ว ... บัดซบพอๆกันเลย

ถึงจังหวัดตาก ตอนประมาณหนึ่งทุ่ม ไปเดินเล่นริมแม่น้ำปิง กินข้าว แล้วออกมาหาที่พัก ได้ที่พักราคา 400 บาท สภาพดีกว่าที่เพชรบุรีเมื่อคืนมาก ก่อนเข้าที่พัก ขับรถวนไปยกมือไหว้ศาลพระเจ้าตากสินก่อน แต่ยังไม่ได้ลงไปในศาล ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะเข้าไปอีกที และจะไปถ่ายภาพแม่น้ำปิง ที่จังหวัดตากมาด้วย

ริมแม่น้ำปิง ทาง อบจ.ตาก ทำเป็นเชื่อน ทางเดินริมน้ำ สวนสาธารณะ ที่ดูสวยงาม แต่ผมมาถึงมืดแล้ว เลยยังดูไม่ชัดเท่าไหร่ ขอไปเก็บภาพอีกครั้งในตอนเช้าดีกว่า ขับรถผ่านจังหวัดตากหลายครั้งแล้ว แวะไปเที่ยวหลายที่ แต่ริมแม่น้ำปิงในเมืองตาก ยังไม่เคยชมแบบเต็มๆตาซักที

ก่อนนอนไหว้พระ สวดมนต์ ระลึกถึงองค์พระเจ้าตากสินมหาราช และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ท่านเคยมาชนช้าง ทำยุทธหัตถีที่นี่ คิดว่าถ้ามีเวลาพอ จะไปกราบเจดีย์ยุทธหัตถี ที่บ้านตากอีกซักครั้ง แต่ถ้าไม่ทันก็ไม่เป็นไร ค่อยมาใหม่รอบหน้า

บันทึกของเมื่อวาน 15 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 15 มกราคม 2560

ตื่นนอน เช้ากว่าปกติ จัดเตรียมของขึ้นท้ายรถ มีของบริจาคของพี่หมู สัญญา หรือที่ตอนนี้แกเปลี่ยนชื่อเป็น ณัฐกฤตแล้ว ออกเดินทางไปจังหวัดกระบี่ รับของบริจาคจากพี่เฉียบ อีกชุดใหญ่ ก่อนเดินทางกลับออกมาสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง

แวะดูระดับน้ำแถวๆอำเภอเคียนซา น้ำขึ้นสูงพอสมควร และในบางพื้นที่ น้ำเริ่มท่วมบ้านเรือน ออกมาตั้งหลักกันใหม่บนถนนสาย 41 มุ่งหน้าสู่กรุงเทพ รถติดแถวๆหน้าสนามบินเกือบครึ่งชั่วโมง แถวๆหน้าทางหลวงท่าฉางอีกพักใหญ่ สาเหตุจากการทำถนน และอุบัติเหตุ

กินข้าวแถวๆท่าชนะ ถนนบริเวณนี้รถสามารถวิ่งผ่านได้ตามปกติแล้ว ส่วนบริเวณบางสะพาน ยังมีบางจุดที่ถนนยังเสียหาย ขับรถขึ้นมาเรื่อยๆ เจอขบวนรถที่ลงมาช่วยน้ำท่วมภาคใต้ สวนลงไปเป็นระยะ รวมทั้งที่เดินทางกลับก็มาก

วันนี้ตั้งใจว่าจะพักที่เพชรบุรี ก่อนหาที่พักก็แวะไปกราบรัชกาลที่ 4 ที่เขาวัง ซึ่งผมถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการเดินทาง ไปที่ไหนก็จะเข้าไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสถานที่สำคัญของที่นั่นก่อน

ไม่ได้ไปขอโชคลาภ แต่ไปเหมือนกับว่า เด็กไปกราบผู้ใหญ่ ฝากเนื้อฝากตัว ไปลามาไหว้ มีความสุข สบายใจ ตลอดการเดินทาง

เข้าไปเปิดห้องพัก แถวๆนอกเมือง คืนละ ห้าร้อย สภาพพอนอนได้อยู่ เพราะพอไหว้พระเสร็จ ตั้งท่านอนก็หลับรวดเดียวถึงเช้าเลย

บันทึกของเมื่อวาน 14 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 14 มกราคม 2560

วันนี้เป็นวันเด็ก วันที่ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน ตื่นเช้าสบายๆ กินกาแฟ นั่งเล่นหน้าบ้าน กะว่าซักสิบโมงจะออกไปกองบิน 7 ไปถ่ายภาพเครื่องบิน เหมือนทุกๆปี

เก้าโมงกว่าๆได้ข่าวร้าย กริฟเพ่น ตกที่หาดใหญ่ ปีที่แล้วผมยังถ่ายภาพอยู่เลย ใจหาย ไม่อยากจะออกไปดู ขนาดผมเป็นแค่ผู้ชม เป็นประชาชน ยังใจหาย แล้วพวกนักบินที่เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ของนักบินที่เสียชีวิตจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน

ต่อมา ทางกองทัพขอความร่วมมือ งดแชร์ภาพ เหตุการณ์เพื่อไม่ให้กระทบจิตใจของญาติผู้เสียชีวิต แต่ก็มี หลายคนออกมาแสดงความเก๋า บอกว่าทำไม กลัวอะไร แบบนี้สิต้องแชร์ให้ได้รู้กัน จะช่วยกันปิดความผิดเหรอ และอีกมากมาย

เห็นต่าง ได้เถียง ได้ค้าน แล้วเท่ ... ว่างั้นเถอะ

ผมไม่รู้ว่าทั่วประเทศ มีนักบินที่กำลังจะบินขึ้นโชว์ อีกกี่ลำ มีงานวันเด็ก ที่จัดอยู่กี่แห่ง ความฝันของเด็ก ความสุขของเด็ก ความรู้สึกของคนที่กำลังทำงานให้ความสุข ให้ความฝันของเด็ก ต้องสะดุดลง กับ คลิป ภาพ วนไป วนมา ตอกย้ำ ไปเรื่อยๆ

แล้วถ้าเขาเป็นกังวล จิตใจไม่สงบ มีแต่ข่าวพวกนี้ วนไปวนมา แล้วเขาจะมีความสุขอยู่ได้อย่างไร แล้วเขาจะมอบความสุขให้เด็กได้อย่างไร "ไม่อยากดูก็อย่าเปิดสิ ทำงานอย่าใช้มือถือสิ" สารพัดเหตุผล ที่เอามาอ้าง

ฟรวย ... ประเทศไทย ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้
ทำไม ... ใครๆก็ทำกัน

โชคดีที่เพื่อนในเฟซผม ไม่มีแบบนั้น หรือมีแต่อาจจะไม่เห็น เคยมีหลายครั้งที่เจอแบบนี้ ผมบล็อกไปแล้ว เข้ามาเขียนคอมเมนท์ แบบกวนตีน ไอ้นั่นเลว กูเก่ง สุดท้ายผมก็บล็อกแม่ง ที่สำคัญคือ ... ไอ้นั่นเป็นพระ

เปลี่ยนแผน กินข้าว พ่อมานอนเล่นที่บ้าน พี่เขียวมาเยี่ยมพ่อ นั่งคุยพักใหญ่ ตอนแรกว่าจะตัดหญ้าต่อ แต่เปลี่ยนใจ มาขุดทางน้ำอีกครั้ง ถึงฝนจะหยุดตกมาหลายวันแต่น้ำในดินยังมากอยู่ ต้องเร่งระบายน้ำเก่า เพราะเห็นว่า น้ำใหม่จะมาอีกแล้ว

ขุดดินวันนี้ รู้สึกได้ว่าแดดร้อนมาก ร้อนจนแสบหน้า เสร็จแล้ว นอนพัก ตื่นมาเกือบๆห้าโมงเย็น ออกไปรับของบริจาคให้คนบนดอย ที่บ้านพี่หมู สัญญา ในตัวเมืองบ้านดอน นั่งคุยกัน เดินชมสวน ชมต้นไม้ อยู่นานมาก ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ออกมาแวะซื้อข้าว กลับมานอนดูอาร์เซนอล ไหว้พระ นอนหลับยาวเลย

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2560

ประติมากรรมรูปเหมือนของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

ประติมากรรมรูปเหมือนของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (จำลอง)


ที่ปราสาทหินพิมาย กษัตริย์ขอมที่เปลี่ยนปราสาทหิน จากไศวนิกาย บูชาพระศิวะ มาเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน

โบราณวัตถุชิ้นนี้เป็นประติมากรรมรูปเคารพ ที่เป็นรูปบุคคล มีลักษณะเป็นศิลปะขอมแบบบายน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นหลักฐานและมีคุณค่าเป็นพิเศษทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ในประเทศไทยพบเพียงองค์เดียว

ปัจจุบันองค์จริง เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย จังหวัดนครราชสีมา

บันทึกของเมื่อวาน 13 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 13 มกราคม 2560

ตื่นนอน อาการปวดข้อมือดีขึ้นมาก ไปตลาด เอาเครื่องตัดหญ้าไปกลับใบมีด ดูระดับน้ำ ซื้อน้ำเต้าหู้ กลับมาให้พ่อ เตรียมตัวตัดหญ้าหลังบ้าน

อาหารเช้ามีผัดผักรวม ... คือผักกะหล่ำผัดรวมกับหมู กินข้าวเสร็จแล้วลงทำงานเลย หญ้าที่ข้างบ้านไม่ได้ตัดมาหลายเดือน ฝนตกบ้าง ติดงานอื่นบ้าง ขี้เกียจบ้าง ปล่อยไว้จนมันยาวเกือบถึงหน้าอก ทำให้ตัดเหนื่อยกว่าปกติ

เวลาตัดหญ้าแบบนี้ ต้องฟันด้านบนลงก่อน แล้วตัดด้านล่างอีกครั้ง ยิ่งเป็นพวกหญ้าคา และหญ้าที่เป็นเถาๆ ที่มันแห้งแล้ว ทับกันไปมา จนมันหนามาก เหนื่อยเกือบตาย

ลืมไปว่าแก่แล้ว ... 555

อาจจะมีใครสักคนถามว่า ทำไมไม่ฉีดยาฆ่าหญ้า ผมไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า เกลียดมาก เพราะเมื่อปีที่แล้ว มีคนใช้ยาฆ่าหญ้า ในที่ดินแปลงใกล้ๆกัน นก หนอน ตั๊กแตน ตายห่าหมด นกบินหลา บินเซไปเซมา หัวทิ่ม สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร นอกจากดินแข็งๆ กับความแห้งแล้ง

นกที่เคยเป็น นายแบบ นางแบบ ให้ผมถ่ายรูปทั้งปี หนี หายไปหมด นกธรรมชาติที่บางครั้งผมจะให้ทิ้งกล้วยไว้กิน ไม่ตัดลงมาจากต้น หายไป รอบบ้าน เงียบกริบ เสียงนก เสียงกา เสียงธรรมชาติหายไป เงียบจนได้ยินเสียงของความจัญไรในจิตใจคน

ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเวลาตัดหญ้า ก็จะปล่อยให้รกอยู่อย่างนั้น ไม่ทำอะไรกับมัน ถ้าจะฉีดยาฆ่าหญ้า ปล่อยไว้ให้รก ให้งูเหลือมมานอนเล่นยังดีเสียกว่า

เที่ยงกว่าๆ สายรายงานว่า รถไฟขบวนพิเศษ ออกจากทุ่งสงมาแล้ว ผมยังสองจิต สองใจว่าจะออกไปถ่ายรูปดีหรือเปล่า เพิ่งตัดหญ้ามา เหมือนจะยังเหนื่อยๆ แต่ก็ออกไป เพราะไม่ได้เจอพี่บ่าว ที่เป็น พขร. ทำขบวนนี้มาพักใหญ่ๆแล้ว ... คิดถึงว่างั้นเถอะ

เสร็จจากทักทาย พี่ๆ น้องๆ ผมแวะไปดูเรือผลักดันน้ำ ที่สะพานจุลจอมเกล้า แล้วกลับเข้าบ้าน พักอีกหน่อย ก่อนจะไปสนามกีฬา เดินออกกำลังกาย (จริงๆแล้วเดินฟักไข่โปเกม่อน )เดินไปสามกิโล แล้วก็กลับออกมานั่งกิน ปิ้ง ย่าง ทะเลเผา ร้านเมาเลหน้าสนามกีฬา วันนี้วันเกิดเพื่อน เลยมานั่งคุยกัน

กลับบ้าน แวะซื้อแตงโมร้านหน้าเซฟมาลูกนึง ผมชอบซื้อร้านนี้ ผมว่าคนขายซื่อสัตย์ดี ผลไม้สด ไม่เคยเสีย บางครั้งผมจะซื้อ แต่พ่อค้าบอกว่า อย่าเอาไปเลย มันงอมแล้ว ดูมันไม่ค่อยดีแล้ว เดี๋ยวจะไม่อร่อย

เทียบกับแผงที่ในซอย ถนนคนเดินแถวบ้าน ที่เคยเอาส้มเสียปนกับส้มดีๆ เคยเอาแตงโมอ่อนขายให้ผมมาแล้วนั้น ทำให้การขับรถสิบกว่ากิโล มาซื้อตรงนี้ คุ้มค่ากว่ามาก

ถึงบ้านห้าทุ่มกว่าๆ อิ่มจนจุก ขนาดไม่ได้กินมากนัก พักหลังๆ ผมกินน้อยลง คงจะเป็นไปตามวัย คนเราพออายุ ร่างกายย่างเข้าวัยรุ่น ก็จะรักษารูปร่าง เลยกินน้อยลง นอนน้อยลง ... จริง จริ๊งงงง

คืนนี้ยังไม่ลืมที่จะสวดมนต์ก่อนนอน

ปราสาทหินพนมรุ้ง กับ ปราสาทหินพิมาย

ปราสาทหินพนมรุ้ง กับ ปราสาทหินพิมาย


ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ลองไปหาข้อมูลมา ได้ความว่า พนมรุ้ง มาจากคำว่า วนำรุง แปลว่าภูเขาใหญ่ เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ไศวนิกาย ที่บูชาพระศิวะ และ ศิวลึงค์มาก่อน สร้างมาตั้งแต่ พุทธศตวรรษที่15 จนพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้เปลี่ยนเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา


ปราสาทหินพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มีลักษณะที่แตกต่างจากปราสาทหินทั่วไปคือ จะหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทขอมส่วนใหญ่ที่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก คำว่าพิมาย มาจากคำว่า วิมายปุระ ปรากฏอยู่ในจารึกขอมบนกรอบประตูด้านหน้าของปราสาท ปัจจุบัน จารึกชุดนี้ทางกรมศิลปากร ได้ทำแผ่นพลาสติก มาปิดทับเพื่อรักษาสภาพไว้ เดี๋ยวจะเอารูปมาให้ชมอีกที

ปราสาทหินพิมาย สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16 สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 รูปแบบของศิลปะที่เห็นในปัจจุบันเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะแบบนครวัด ซึ่งหมายถึงปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

เมื่อหมดสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และอาณาจักรสุโขทัยขึ้นมามีอำนาจเมืองพิมายก็หายไปในที่สุด เนื่องไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับเมืองพิมายเลยในสมัยสุโขทัย จนแอบคิดว่า ขอมที่ชาวสุโขทัย ขับไล่ออกไปแล้วประกาศตนเป็นไท นั้น คงจะเป็นขอมที่อยู่แถวๆ พิมายหรือพนมรุ้งหรือเปล่า หรืออาจจะไม่ใช่เลยก็ได้ ... ผมเดาเอาเอง 555


ปราสาทหินพนมรุ้ง กับ ปราสาทหินพิมาย มีส่วนที่เหมือนกันหลายอย่าง และที่น่าสนใจคือ พลับพลา หรือ พลับพลาเปลื้องเครื่องในสมัยปัจจุบัน พลับพลา จะอยู่บริเวณด้านนอก ก่อนจะข้ามสะพานนาคราช เข้าไปด้านใน ใช้สำหรับเป็นที่พักเตรียมตัว ผลัดเปลี่ยนชุด ของกษัตริย์หรือผู้ที่มาสักการะเทพเจ้า

สมัยนั้นการจะเดินเข้าไปสู่ปราสาทดินแดนของเทพเจ้านั้น คงเป็นไปด้วยความเคารพยำเกรง แม้แต่ผู้ที่มีอำนาจ ยังต้องวางอาวุธ ถอดยศ เครื่องประดับ จัดแต่งกายให้เหมาะสมก่อนที่จะเข้าไป

ในปัจจุบันที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอารามและพระพุทธรูป มีไว้สำหรับถ่ายภาพ ผมได้เห็นคนใส่กางเกงขาสั้น เดินขึ้นไปบนเขา ได้เห็นคนมากระโดดถ่ายภาพ ในบริเวณปราสาทหิน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นสมัยก่อน มาทำบ้าๆแบบนี้ ถ้าไม่โดนเฆี่ยนหลังลาย ก็ คงจะโดนตัดหัวไปแล้ว

โชคดีที่เกิดช้าไปเกือบๆพันปี

บันทึกของเมื่อวาน 12 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 12 มกราคม 2560

ตื่นนอนมาชงกาแฟ กาแฟคาราบาวแดงหมด ใช้อย่างอื่นแทนไปก่อน ตั้งใจว่าตอนบ่ายๆค่อยออกไปซื้อ แต่ก็เปลี่ยนใจออกไปตลาดเลยดีกว่า จะได้แวะดูน้ำแล้วซื้อกาแฟมาเลย

ออกไปหน้าบ้านเจอพ่อเดินอยู่พอดี เลยชวนไปท่าข้ามด้วย แวะดูระดับน้ำ ซื้อซาลาเปา ขนมจีบ ปาท่องโก๋ กลับมากินที่บ้าน ... ลืมซื้อกาแฟ 555

เช้านี้มีแนวโน้มว่าจะขยัน รื้อโครงเหล็กหน้าบ้านพ่อ ว่าจะเอามาทำคอกเลี้ยงไก่หลังบ้าน ยกเครื่องตัดหญ้ามาจะกลับใบมีด ใช้ประแจบล็อก ใส่เข้าไป หมุน เสียงดังก็อก เบาๆ ไม่ใช่เสียงน็อต ไม่ใช่เสียงใบมีด ... เสียงนิ้วมือซ้น 555 ปวดนิดหน่อย เลยตัดหญ้าทั้งใบเก่าๆ ใช้ด้านที่ไม่คมไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับใบ (อีกแล้ว)

ตัดหญ้าหลังบ้าน เลอะไปทั้งตัว น้ำยังมีอยู่ในดิน เวลาโดนใบมีดกระเด็นขึ้นมา ติดแว่น มองไม่ค่อยเห็น แต่ก็ตัดไปเรื่อยๆ ตัดไปได้ซักพัก ก็หยุดเพื่อเก็บหญ้า ทางมะพร้าว ปรากฏว่านิ้วมือที่ตอนแรกไม่มีอาการมากนัก มันเจ็บจี๊ดขึ้นมา เลยหยุดพัก

หยุด พักเที่ยง กินข้าว กินยา พอตัวขยันหยุดพัก ตัวขี้เกียจก็ทำงาน หลับยาวเลย ตื่นมาเย็นๆ ไปตลาดอีกรอบ กะว่าจะไปถ่ายรูปรถไฟ เตรียมกล้องไปเรียบร้อย แต่ลืมใส่เมม .. แก่แล้วจริงๆ

โชคดีที่มีตัวเล็กอยู่ในรถอีกตัว เลยได้ภาพมานิดหน่อย วันนี้วันพระ เลยซื้อดอกไม้กลับมาไหว้พระด้วย

กลับบ้าน กินข้าว กินยา นอน แต่ไม่หลับ นั่งเล่นไปเรื่อยๆ วันนี้ไม่มีความคืบหน้าในการไล่ล่าโปเกม่อน ไข่ก็ไม่ได้ระยะทางมากนัก เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลุยต่อ

วันนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้น เป็นอัน ปวดข้อนิ้ว แต่ก๋ไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก ทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุด พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

หิรัญม้วนแผ่นดิน

ภาพแกะสลักโคนเสาที่ปราสาทหินพนมรุ้ง หรือปราสาทหินพิมาย ไม่แน่ใจ แก่แล้ว ... ลืม 555


ผมถ่ายมาเมื่อปีที่แล้ว ภาพสลักบอกเล่าเรื่องราวของนารายณ์อวตาร ปางวราหาวตาร ที่ลงมาเกิดเป็นหมูป่ามีเขี้ยวเพชร ชื่อ เศวตวราหะ เพื่อลงไปสังหารยักษ์หิรัณยากษะ

หิรันตยักษ์ (อ่านว่า หิ -รัน-ยัก) หรือ หิรัณยากษะ (อ่านว่า หิ -รัน-ยาก-สะ) แปลว่า อสูรผู้มีนัยน์ตาสีทอง

ยักษ์ตนนี้ได้พรจากพระอิศวร จึงได้ใจเที่ยวข่มขู่เขาไปทั่ว ม้วนแผ่นดิน ๓ ทวีปคือชมพูทวีป อุตรกุรุทวีป (อ่านว่า อุด-ตะ -ระ-กุ -รุ-ทะ -วีบ) และอมรโคยานทวีป (อ่านว่า อะ -มอ-ระ -โค-ยาน-ทะ -วีบ) ลงไปถึงเมืองบาดาล

เศวตวราหะ นารายณ์อวตาร จึงต้องลงไปในบาดาล สังหาร หิรัณยากษะแล้วใช้เขี้ยวดุนโลกให้พ้นน้ำ งัดแผ่นโลกให้แผ่ออกดังเดิม

เรื่องราวของ รามเกียรติ์ มีอยู่ทั่วไปใน ภาพแกะสลักของปราสาทหินสมัยขอม และเป็นที่แพร่หลายมานาน มีเรื่องราวมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับ รามเกียรติ์ตอนนี้

หิรัญม้วนแผ่นดิน ท่าแม่ไม้มวยไทย ที่ใช้แก้ทางมวยโดยใช้การเดินเท้าเข้าหาเท้าที่เตะ หรือต่อยมา แล้วพลิกตัวใช้ศอกหลัง เหวี่ยงเข้าใบหน้าคู่ต่อสู้ ... ไปหาภาพคลิปในยูทูป มีให้ดูครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องท่ามวย

หิรัญม้วนแผ่นดิน ใช้เรียกชื่อพระคาถา เวลาม้วนทำตะกรุด แต่ก็มี คาถานารายณ์พลิกแผ่นดิน ใช้แก้ทางด้วยเช่นกัน เอาไว้ค่อยหารายละเอียด ผมไม่ถนัดเรื่องนี้เหมือนกัน ... 555

บันทึกของเมื่อวาน 11 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 11 มกราคม 2560

ตื่นเช้ามาแบบงงๆ หมุนไปหมุนมา นี่เราอยู่ที่ไหน อ่อ ...นอนอยู่ที่ภูเก็ตนี่เอง เปิดประตูออกไป เห็นพ่อตื่นมานั่งดูปลาอยู่แล้ว พ่อบอกว่าเดี๋ยวกินอาหารเช้าแล้วเรากลับบ้านกัน

ออกมากินข้าวร้านแถวๆวัดฉลอง กินก๋วยจั๊บใส่หูหมูครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่ได้กินหูหมู เพราะไม่ชอบส่วนที่เป็นหัวหมู อาจจะเพราะเห็นมันบ่อยๆในถาด เวลาเขาไหว้แก้บน เลยไม่กล้ากิน 555

กินเสร็จ เข้าไปกราบลาหลวงพ่อแช่ม ในตอนเช้าวัดฉลองดูสงบ เงียบ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้า ดูไม่วุ่นวาย กราบหลวงพ่อเสร็จก็เดินทางกันต่อเลย

ผมเลือกเส้นทาง โคกกลอย เขาหลัก ตะกั่วป่า เพื่อชมวิวทะเล รำลึกความหลัง ขับมาเรื่อยๆจนถึงตะกั่วป่า เห็นวัดย่านยาว ก็คิดถึงสมัยสึนามิ หมอพรทิพย์ และอีกหลายเรื่องราวในตอนนั้น

วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ตอนจะเที่ยงคืน ผมกับพี่หมูเดินทางจากตะกั่วป่าไปจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขระบบให้ใช้งานได้ ตอนนั้นเครือข่ายที่ผมทำงานอยู่สามารถใช้งานได้ดี จนหมอพรทิพย์เอ่ยปากชม ผ่านรายการของสรยุทธ ทำให้เรามีกำลังใจทำงานได้มากทีเดียว

เราแวะหาอะไรกินรองท้องที่ เซเว่นหน้าวัดย่านยาว ตอนนั้นบริเวณตลาดตะกั่วป่า จะมีกลิ่นจากศพผู้เสียชีวิตอยู่ทั้งเมือง สรยุทธใช้คำว่า "กลิ่นของความสูญเสีย" เราจอดรถหน้าเซเว่น พี่หมูเป็นคนขับ จอดแล้วหันมาถามผมว่าจะเอาอะไรบ้าง ผมก็ว่าแล้วแต่พี่เลย มีอะไรก็กินทั้งนั้น

แกเปิดประตูรถเดินออกไป มีกลิ่นแปลกปลอมเข้ามาในรถ แกเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็วิ่งกลับมาที่รถ หน้าแดง ... "ดอเอ๊ย..!" แกพูดแค่นั้นแล้วเอาเสื้อในรถปิดจมูกวิ่งกลับไปอีกครั้ง

ระหว่างรอ ผมมองไปข้างๆรถ มีรถส่งขนมของบริษัท "ฟามเหา" จอดอยู่ข้างๆ ผู้หญิงบนรถเอาแขนเสื้อปิดจมูก ลากลังขนมส่งให้ผู้ชายด้านล่าง แบกเข้าไปในเซเว่น พอผู้ชายขนเข้าไปผู้หญิงบนรถก็อ้วกออกมา

พี่หมูกลับเข้ามาในรถอีกครั้ง พร้อมน้ำเปล่าและขนมปังยี่ห้อนั้นแหละ แกบอกว่า ไม่มีอะไรกินเลย ในชั้นวางของว่างเกือบหมด คงจะมาส่งของไม่ได้ หรือคนซื้อกันไปจนหมด

ผมดื่มน้ำอย่างเดียว ขนมปังถุงนั้นผมไม่ได้กิน เมื่อแยกกันกับพี่หมู ผมเก็บขนมถุงนั้นไว้ที่หน้ารถคันที่ผมใช้ จนหมดอายุ และทิ้งไปตอนเหตุการณ์สึนามิคลี่คลายลง

มันคงจะคล้ายๆกันกับที่ผมไม่กินหูหมู ช่วงนั้นพอเห็นขนมปังยี่ห้อนี้ จะเห็นภาพผู้หญิงที่อ้วกข้างรถลอยมาทุกที แต่ตอนนี้กินได้ตามปกติ

เมื่อวานแวะกินข้าวมันไก่ กับซื้อบะหมี่แห้งกลับมาจากตะกั่วป่า ก่อนเข้าบ้านแวะไปถ่ายรูปแม่น้ำตาปีที่ท่าข้ามเพื่อดูระดับน้ำ แล้วกลับบ้าน นอนยาวๆ แต่ไม่หลับ พี่ที่ทำงานเก่าโทรมาคุยกันชั่วโมงกว่า คุยเรื่องต้นไม้ และฝากของไปบริจาคเด็กบนดอย

นอนบิดไปบิดมา อ่านนั่น อ่านนี่ ดูเวลาอีกที ตีสองอีกแล้ว สวดมนต์ ไหว้พระย่อ แล้วหลับยาวๆจนเช้า

พ่อตาเชี่ยว

พระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปทวารวดี จากเมืองไชยา ผมถ่ายมาจากพิพิธภัณฑ์องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เมื่อหลายปีมาแล้ว


ท่านพุทธทาสได้บันทึกไว้ว่า ในสมัยที่พระองค์นี้อยู่ที่ไชยา ชาวบ้านเรียกกันว่า "พ่อตาเชี่ยว" เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของนักเลงไก่ชน เวลาจะชนไก่ก็จะมาบนบาน แล้วถ้าสำเร็จ ไก่ชนชนะ ก็จะมาถวายของแก้บน เป็นตุ๊กตาดินเผารูปเด็กอุ้มไก่

จนวันหนึ่ง มีคนที่มาบนบานแล้วผิดหวัง เกิดโมโหทุบทำลายองค์พระจนชำรุดเสียหาย กรมศิลปากร ขนย้ายไปเมื่อไหร่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงจะนานมากแล้ว เพราะยังใช้คำว่าจังหวัดไชยา ส่วนร่องรอยความชำรุดเสียหาย ร่องรอยการซ่อมแซมยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ในหนังสือบันทึกของท่านพุทธทาส ไม่ได้บอกว่า ขนย้ายไปไว้ที่ไหน คล้ายๆกับโบราณวัตถุอื่นๆอีกหลายชิ้น ที่รู้แค่ว่ากรมศิลป์เอาไปเก็บ แต่ก็ไม่รู้ ไม่บอกว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหน อยู่จังหวัดอะไร หรืออยู่ที่บ้านใคร

แล้วผมก็ไปเจอท่านโดยบังเอิญ ในวันที่ไปเดินเล่นที่องค์พระปฐมเจดีย์ เลยได้ถ่ายภาพเก็บไว้

ถ้าเป็นคน ชีวิตท่านคงอาภัพน่าดู เคยอยู่ในสมัยที่รุ่งเรือง จนถึงยุคที่ถูกมองว่า เป็นแค่เครื่องบนบานเรื่องชนไก่ ถูกทำร้าย ทุบตี ต้องจากบ้าน จากเมือง ถูกเก็บไปอยู่ในซอกมุมเล็กๆ ในที่แคบๆ ที่แทบจะไม่มีใครเห็น และไม่มีใครรู้ที่มา ที่ไป

ถ้าผ่านไปนครปฐม หาเวลาว่างเข้าไปกราบท่านบ้างนะครับ ความรู้สึกเหมือนลูกหลานไปกราบ ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เจอกันนานเลยทีเดียว

เจ้าเหมียว


เจ้าเหมียว เป็นลูกแมวที่หลงมาจากไหนก็ไม่รู้ มาอาศัยอยู่หลังบ้านเมื่อหลายปีก่อน เจ้าเหมียวจะแอบเข้ามาหาของกินในบ้านอยู่เสมอ เวลาที่เราเผลอ แต่ก็ไม่ค่อยได้กินอะไรมากนัก เพราะช่วงที่เจอเจ้าเหมียว เราเองก็ยังไม่มีอะไรกินมากมาย

เจ้าเหมียวเอาตัวรอด ด้วยการกินอาหารปลาที่อยู่หน้าบ้าน มีกินบ้าง อดบ้างไปตามเรื่องตามราว เราไปติดต่อหลวงพี่ที่วัดในเมือง ว่าจะเอาเจ้าเหมียวไปให้หลวงพี่ช่วยเลี้ยง เพราะอยู่บ้านเรามันจะอดตายเปล่าๆ

แต่เราก็ยุ่งๆกับงานจนลืม และมาเห็นอีกทีเจ้าเหมียวก็ท้องเสียแล้ว เลยต้องตัดสินใจที่จะเลี้ยงไว้เอง หาที่นอน หาอาหารให้มันกิน หาวิธีเลี้ยงลูกแมว จากอินเตอร์เนต จนพวกมันรอดชีวิตกันมาจนได้

หลายปีก่อน ในช่วงที่ชีวิตเราถึงจุดที่ลำบากมากๆ เงินหมุนไม่ทัน วันทั้งวันกินข้าวมื้อเดียว ทั้งบ้านเหลือไข่สองฟองแบ่งกันกิน เราจำได้ว่า เงินสด 500 บาทสุดท้ายในบ้าน เราเอาใส่ซองช่วยงานแต่งงานเพื่อนไป ช่วงนั้นไม่มีเงินเติมน้ำมันไปร่วมงานด้วยซ้ำ

เรายืมเงินเพื่อนๆส่งค่างวดรถอยู่สองเดือน ไม่สามารถออกไปไหนได้ อยู่แต่บ้าน ชีวิตตอนนั้น เป็นช่วงที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก อยู่ตรงกลางระหว่างคำว่า ถอย ยอมแพ้ หรือจะสู้ต่อ

ชีวิตช่วงนั้นก็มีแต่เจ้าเหมียว ที่มานอนอยู่ใกล้ๆ มาสอนอะไรหลายอย่าง สอนให้ดูตัวอย่างมัน ลำบากแค่ไหนก็ต้องอดทนเพื่อมีชีวิตอยู่ เรานั่งมองเจ้าเหมียว เดินไปเดินมา มองมันมีความสุขกับการนอนนิ่งๆ การกินง่ายๆ

การใช้ชีวิตของแมวสอนให้เราเข้าใจคำว่าชีวิตมากขึ้น ทำให้เราลุกขึ้นสู้อีกครั้ง การมีชีวิตของเจ้าเหมียว เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้ ชีวิตเจ้าเหมียวมีบุญคุณกับเรามาก

ชีวิตหลังจากนั้น เราก็ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านผู้คนมากมาย หลากหลายเรื่องราว คนดี คนเลว เพื่อนดีๆ เพื่อนเหี้ยๆ เราก็ผ่านมามากมาย จนมาถึงจุดนี้ จุดที่ดูคล้ายๆคนไม่มีสาระอะไร แต่จริงๆแล้ว ชีวิตเราเหนื่อยมามากจริงๆ กว่าจะมาถึงวันนี้

เจ้าเหมียวจากเราไปหลายปีแล้ว แต่ก็มีลูกๆหลานๆ เชื้อสายของเจ้าเหมียว ฝากไว้ให้เราเลี้ยงอยู่ในตอนนี้ ห้าตัว รวมกับเจ้าหลง แมวที่เก็บมาจากนครศรีธรรมราช และเจ้าผอม แมวที่เจ็บมาจากไหนก็ไม่รู้ อดข้าวมาจนผอมเห็นกระดูก แล้วมาอาศัยอยู่ด้วย เราก็ให้อาหารกิน จนตอนนี้ร่างกายอ้วนเป็นปกติแล้ว รวมทั้งหมดเป็นเจ็ดตัว

ทุกวันนี้เมื่อเราเห็นแมว เราจะคิดถึงเจ้าเหมียว แมวที่เป็นเหมือนครู ผู้ชี้แนวทางชีวิต เราจะรักแมวทุกตัว เพราะเป็นเหมือนตัวแทนของเจ้าเหมียว แมวที่ทำให้เราได้มีวันนี้ วันที่ชีวิตเริ่มสงบ และมีความสุขกับสิ่งที่มี

จนบางครั้งแอบนั่งคิดคนเดียวว่า เวลาที่ได้รู้จักกับคนบางคน ที่เราเคยยื่นมือช่วยเขา แต่พอถึงเวลาที่เราจะจมน้ำ เขากลับเอาส้นตีนถีบหน้าเรา ถ้าย้อนกลับไปได้ จะไม่คบมันหรอก เอาเวลาไปเลี้ยงหมา เลี้ยงแมว น่าจะดีกว่าเยอะ

บันทึกของเมื่อวาน 10 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 10 มกราคม 2560

ตื่นเช้ามาตอนสายๆ ... แปดโมงกว่าๆ รีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว นัดพ่อไว้ว่าจะพาไปเยี่ยมเพื่อนรักของพ่อที่ภูเก็ต กดน้ำร้อนรอไว้ขณะที่อาบน้ำ ออกมาชงกาแฟ กินรีบๆ ประคองพอไม่ให้ปากพอง เสร็จแล้วรีบออกไปรับพ่อที่บ้าน

พ่อนัดเพื่อนไว้ที่ภูเก็ต ครั้งนี้ไปแบบเร่งรีบ แต่ไม่รีบร้อน ผมขับรถใช้ความเร็วไม่เกินร้อย ขับไป ชมสองข้างทางไปเรื่อยๆ แวะกินข้าวเที่ยงที่พังงา ก่อนจะเข้าไปที่บ้านเพื่อนพ่อ ในเมืองภูเก็ต

บ้านเพื่อนพ่อมีที่พักแยกเป็นห้อง แบบโรงแรม รีสอร์ททั่วไป มีห้องว่างให้ผมได้พักห้องนึงด้วย มีบ่อเลี้ยงปลา พอให้เพลิดเพลิน แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าจะ เดินชม เพราะเมื่อคืนนอนเกือบตีสองแล้ว เอาใจช่วย น้องชายที่ทำขบวน 174 ไปเจอน้ำท่วมทางที่สถานีบางสะพานใหญ่

ปล่อยให้พ่อนั่งคุยกับเพื่อนที่บ้าน ผมออกไปทำธุระข้างนอก ไปดูเรื่องกล้องถ่ายรูปให้เพื่อน แดดร้อนมาก เพื่อนบอกว่าฝนเพิ่งหยุดตกเมื่อวานนี้เอง ล้างเซนเซอร์ให้ แต่ยังไม่หายเลยแนะนำให้ส่งศูนย์แคนนอน แล้วกลับมาที่บ้านเพื่อนพ่ออีกที

กลับมา เปิดห้อง เอนหลังได้แป๊บนึง ยังไม่ทันหลับ พ่อมาเรียกบอกว่า เจ้าบ้านจะพาไปกินข้าว ขับรถออกไปอีกครั้ง ไปนั่งกินอาหารทะเลที่ อ่าวฉลอง เพื่อนพ่อซื้อ ดับเบิ้ล แบล็ค มาอีกขวด ผมรับหน้าที่มนุษย์ปีชง ชงตลอดงาน

เหล้าหมดไปครึ่งขวดก็เดินทางกลับ เอาน้ำแข็งที่ซื้อจากซุปเปอร์ ชีพ ตอนขาไป กลับมาตั้งวงกันต่อที่บ้าน ผมปล่อยให้รุ่นใหญ่นั่งกิน นั่งคุยกันไปก่อน เวลาสามทุ่มกว่าๆ ผมก็ขอตัวออกมาทำภาระกิจด้านนอกอีกครั้ง

ภาระกิจสำคัญ ที่ตั้งใจมาคือ ตียิม เทรนยิม โปเกม่อนในเมืองภูเก็ต ซื่งทำได้ถึงสิบยิม แต่พอกลับถึงห้องตอนเที่ยงคืนกว่าโดนตีตายกลับมา สองตัว และในตอนเช้าอีกตัว แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ

เมืองภูเก็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเทียบกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่ผมมาทำงานอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังมีมุมที่สวยงามเสมอ เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะเปิดกระเป๋ากล้อง หยิบกล้องออกมาบันทึกภาพ

คืนนี้สวดมนต์ ไหว้พระเหมือนเดิม เพิ่มเจ้าที่ เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ ก่อนนอน พอไหว้พระติดๆกันทุกคืน เริ่มจะกลายเป็นความเคยชิน พอจะหลับ ใจจะคิดถึงบทสวดมนต์ไปเอง เมื่อคืนนอนหลับประมาณไปตอน ตีหนึ่งกว่าๆ

ในรอบสี่สิบแปดชั่วโมง ที่ผ่านมา ผมเพิ่งหลับไม่ถึงสิบชั่วโมงเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก

บันทึกของเมื่อวาน 9 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 9 มกราคม 2560

ตื่นนอนแบบงงๆ เพราะได้ยินเสียงนกร้อง เสียงที่หายไปหลายวัน เนื่องจากฝนตกติดต่อกันมาตั้งแต่ปีใหม่ เปิดประตูออกมา เห็นขอบฟ้าสว่าง ไม่มีฝนตกลงมา โอ้ ... แสงแรกแห่งปี 2560

ไปตลาด ดูน้ำ ซื้อกับข้าว ปวดหัวนิดหน่อยกับเจ๊ร้านของชำ อย่างที่เล่าไปเมื่อวานนี้แล้ว ซื้อแกงสองถุง กลับมาหุงข้าว เตรียมตัวไปตัดต้นไม้ เคลียร์พื้นที่หน้าบ้านพ่อ น้ำในแม่น้ำตาปี ยังปกติ ไม่สูงมากนัก มีคนแวะมาถ่ายรูปเยอะมาก

กินข้าว ลงไปทำงาน ... หอบเกือบตาย ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ อย่างว่าแหละ นอนเป็นดักแด้อยู่เกือบสองอาทิตย์ พอจะเป็นผีเสื้อมันย่อมเจ็บปวด เมื่อยล้า แต่สวยงาม

แม่ทอดไก่ เตรียมข้าวเที่ยงไว้ให้ วันนี้กินข้าวเที่ยงบ้านพ่อ เสียดาย กินได้ไม่เยอะ เพราะเหนื่อย แต่ที่เสียดายสุดๆคือ ถ้ารู้แบบนี้ ไม่น่าซื้อแกงมาเลย 555

บ่ายโมงกว่ากลับมาที่บ้าน นอนอ่านนั่น นี่ นู่น จนหลับไป แมวมานอนด้วยรอบตัว มันคงจะหนาว ตื่นมาเกือบห้าโมงเย็น พ่อชวนออกไปหาที่กินเหล้า เลยออกไปในเมืองสุราษฎร์ธานี กินเหล้าไปสองแก้ว ... ยอมแพ้

ผมไม่ดื่มเหล้า มานานแล้ว แต่ถ้าบังเอิญเจอ หรือหลบไม่พ้น ก็ไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่ได้กินมาก มีคนเคยถามผมว่า วันที่กินเหล้าจะไหว้พระได้หรือเปล่า กลัวผิดศิลแล้ว ไม่ได้บุญ

ผมบอกว่าได้บุญกับบาปคนละเรื่องกัน ถ้าคุณกินเหล้าแล้วคิดถึงพระรัตนตรัย คิดถึงเรื่องสวดมนต์ แสดงว่าคุณยังมีสติ ... ไม่น่าจะมีปัญหา คนที่บวชแล้วยังขาดสติ คนที่สวดมนต์ ไม่กินเหล้า ทำเรื่องอัปรีย์ จัญไร มีเยอะแยะไป 555

ผมบอกคุณหรือยังว่า "ผมไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ เพียงแต่ผมคิดว่า พุทธศาสนา คือแนวทางที่ผมชอบ แต่เป็นในแนวของมหายาน ของเซน และสวนโมกข์"

เวลาผมไปวัด ผมไหว้พระ ไหว้รูปเคารพครูบาอาจารย์ตามวัดต่างๆ ผมคิดถึงความดีที่ท่านเหล่านั้นทำไว้ คิดว่า ท่านทำอะไรไว้ในอดีต ผู้คนถึงเดินทางมากราบไหว้

กราบท่าน กราบคุณงามความดีที่ท่านทำ ไม่เคยร้องขอ อภินิหาร ปาฏิหาริย์ใดๆ

ผมอ่านคำสอนของทุกศาสนา อิสลามผมก็อ่านอยู่นะ อ่านแล้ว คิดและเลือกเอาเอง อะไรดีก็เก็บไว้ อะไรไม่ดีก็ปล่อยทิ้งไป ผมสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน เพื่อระลึกถึงพระรัตนตรัย เพื่อฝึกสติ ให้ตัวเองเท่านั้นเอง

"อย่าไปยุ่งกับพระเลย ไอ้สัตว์นั่น มันถือศีล" เสียงหนังปฐม อ้ายลูกหมี ดังขึ้นมาในความทรงจำ

เมื่อคืนทางรถไฟขาดช่วงบางสะพานใหญ่ พขร. ขบวน 174 แจ้งน้ำท่วม ถอยขบวนกลับสถานีชะม่วง แล้วทำขบวนกลับสถานีชุมพร ก่อนจะเดินรถกลับต้นทางชุมทางทุ่งสง วันนี้น่าจะมีงดเดินหลายขบวน รอตามข่าวกันอีกที

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 8 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 8 มกราคม 2560

เช้านี้ตื่นมาแบบไม่เร่งรีบ ไม่ต้องไปตลาดในตอนเช้า แม่กลับมาแล้ว แม่ทำอาหารเช้าให้พ่อ ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืน ต้นไม้ที่หน้าบ้านพ่อล้มหลายต้น เดินไปดูแล้ว ยังทำอะไรไม่ได้ ฝนยังตกอยู่ตลอดเวลา

เกือบๆเที่ยง ชวนพ่อขับรถออกไปขับรถดูน้ำรอบๆตลาด น้ำขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่มาก น้ำไหลแรง แต่เป็นน้ำไหลลงทะเล ไม่น่ากลัว ขับรถวนไปดูตามที่ต่างๆ เหตุการณ์ปกติ น้ำไม่ท่วม มีแต่น้ำไหลตามปกติของมัน

หลายๆวันมานี้ ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด ไม่ใช่กลัวว่าน้ำจะท่วมบ้านหรอก บ้านผมไม่เคยท่วม อยู่ที่สูง ถ้าบ้านผมท่วม ในเมืองคงจะถึงหลังคาชั้นสอง แต่ที่ตามดูเพราะเป็นห่วงเพื่อนๆอีกหลายคน รวมทั้งส่งข่าวถึงเพื่อนที่ไปอยู่ที่อื่น แล้วเป็นห่วงบ้าน ห่วงญาติที่อยู่ที่นี่

ช่วงเวลาแบบนี่ สิ่งที่น่ากลัวกว่าน้ำท่วม คือคนปากหมาครับ มีเยอะพอสมควร อายุไม่ได้เป็นตัวบอกว่า จะทำอะไรได้ถูกต้องไปเสียทั้งหมด เรียนจบมาสูงๆ ปากหมี ปากหมาก็เยอะแยะ ช่างเหอะ เดี๋ยวแม่งก็แก่ตายไปเองแหละ 555

ในช่วงนี้ผมได้เห็นครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ พี่น้อง อาสาสมัคร หลายคน หลายรูป หลายหน่วยงานออกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความลำบาก มาขนของ แจกของทำข้าวกล่องไปแจก คอยติดตามข่าวสาร แจ้งเตือน ด้วยน้ำใจไมตรีที่งดงาม ... พวกคุณสุดยอดมากครับ

วันนี้ฝนตกทั้งวัน ช่วงค่ำออกไปในเมืองสุราษฎร์ธานี ฝนก็ยังตกอยู่ ร้านค้า ขายของไม่มากนัก ซื้ออะไรมากินนิดหน่อย กลับบ้าน ไหว้พระ นอนพักผ่อน แต่ยังไม่หลับ เช็คสถานการณ์น้ำไปเรื่อยๆ แต่ก็ได้ข่าวดีว่า พายุขยับหนีขึ้นไปทางด้านบนเรื่อยๆ พรุ่งนี้ฝนน่าจะหยุด

พลิกไปพลิกมา เจ้าแต้มแมวจอมป่วน มุดผ้าห่มเข้ามานอนด้วย อากาศเย็น ทั้งคนทั้งแมวนอนกอดกันจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 7 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 7 มกราคม 2560

วันนี้ตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิม ตีห้าครึ่งก็ตื่นแล้ว นอนบิดไป บิดมาตามประสางูเหลือมเฒ่า จนเจ็ดโมงก็ออกไปตลาด วันนี้ตั้งใจจะซื้อก๋วยจั๊บ กับปาท่องโก๋ มาให้พ่อ ฝนเหมือนจะหยุดตกแล้ว แต่ฟ้ายังมัวๆ มีละอองฝนตกลงมาบ้างเล็กน้อย

จอดรถฝั่งสถานีรถไฟแล้วเดินข้ามสะพานลอยไป แวะถ่ายรูปริมน้ำ ถ่ายระดับน้ำมาสองสามภาพ เดี๋ยวนี้พยายามลดการใช้อุปกรณ์ลง ใช้กล้องตัวเล็กลง ใช้มือถือให้มากขึ้น อาจจะเป็นเพราะแก่แล้ว แบกอุปกรณ์หนักๆไม่ไหว

ถ้าใครติดตามวงคาราบาว จะเห็นว่าน้าเล็ก คาราบาว ในช่วงนี้แกจะใช้กีตาร์แค่ตัวเดียวหรือสองตัวเท่านั่น เป็นกีตาร์ที่มีน้ำหนักเบา ที่สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ โปร่ง และไฟฟ้า สาเหตุก็เพราะ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็เริ่มไม่ไหวที่จะแบกกีตาร์หนักๆตลอดคืน ผมเองก็เช่นกัน ถืออุปกรณ์มากๆ หนักๆ ไม่ค่อยไหวเสียแล้ว

ดังนั้นภาพช่วงนี้คือช่วงทดลองเก็บภาพจากอุปกรณ์หลายๆแบบ ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง สีสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง ก็ว่ากันไป ก็แก้กันไป

เช้านี้ได้ก๋วยจั๊บ ปาท่องโก๋ กับครองแครง ไปให้พ่อ ฝนหยุดตกมาตั้งแต่ช่วงสาย วันนี้มีความหวังที่จะได้เห็นแดด พอช่วงเย็น พ่อมาชวนไปข้างนอก ไปหาของกินตอนเย็น เลยไปร้านอาหารอีสานแถวบ้าน

วันนี้ช่วงบ่ายแม่กลับมาจากกรุงเทพแล้ว เลยไปกันทั้งบ้าน นั่งกิน นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ วันนี้พ่อกินเบียร์ไปหลายขวดแล้วก็กลับบ้าน

ช่วงค่ำออกไปนอนเล่นกลางสายฝนที่ตลาดริมน้ำ หมุนบอลจับโปเกม่อนแก้เครียด กลับบ้านสามทุ่มกว่าๆ ว่าจะรอดู อาร์เซนอลเตะ เอฟ เอ คัพ แต่ก็ไม่ไหว หลับไปซะก่อน

วันนี้ไหว้พระก่อนนอนเช่นเดิม ไม่ได้หวังอะไร ไม่ได้ขออะไร แต่อยากฝึกตนเองให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยให้ได้ก่อนนอนทุกคืนเท่านั้นเอง

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

อ้อร้อ

เขาว่าคนแก่กับพระบวชนาน เหมือนกันที่นิทานจะเยอะ ก็คงจะจริง 555

เมื่อวานอ่านเรื่องภาษาใต้ มีคำว่าอ้อร้อด้วย ทำให้คิดถึงเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เพื่อนจากภาคอื่นคนนึงบอกผมว่า อ้อร้อแปลว่าน่ารัก แต่ผมว่ามันไม่ใช่

อ้อร้อใช้เรียกเด็กๆ ที่ออกแก่แดดนิดๆ น่ารักๆคงพอจะได้ แต่กับสาวๆใช้คำนี้คงไม่เหมาะ

มันก็ยังเถียงผมอีก มันบอกว่าเพื่อนคนใต้บอกมัน

อ้าว ... แล้วกูเป็นคนเกาหลีหรือไง

จนวันหนึ่ง ไอ้หมอนี่ไปคุยกับสาวใต้ คงจะออกแนวจะไปจีบเขานั่นแหละ

"น้องนี่อ้อร้อนะ"

"อ้าวอยู่ดีๆ มาว่ากันพันนี้ได้ไง"

"ก็เขาว่า อ้อร้อ แปลว่าน่ารักนี่"

"เหรอ งั้นฝากบอกแม่มึงด้วยนะ ว่าแม่มึงอ้อร้อ"

แล้วเธอก็เดินจากไป

กูบอกมึงแล้ว ว่าอ้อร้อไม่ได้แปลว่าน่ารัก 555

บันทึกของเมื่อวาน 6 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 6 มกราคม 2560

ตื่นเช้าเช่นเคย และเจอสายฝนโปรยปรายลงมาเหมือนเดิม สภาวะเหมือนเดจาวู เมื่อวานก็เป็นแบบนี้ เดินไปถามพ่อว่าจะกินต้มเลือดหมูหรือเปล่า เมื่อวานเห็นมีร้านขายอยู่ พ่อว่าก็ดีเหมือนกัน อากาศแบบนี้กินร้อนๆ น่าจะอร่อย

ออกไปตามเส้นทางเมื่อวานอย่างมั่นใจ เพราะเล็งร้านไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จอดรถเดินเข้าไปสั่งสี่ถุง แม่ค้าบอกว่ายังไม่เสร็จ อ้าว ... คราวนี้ไปไม่เป็นเลย ฝนก็ตก จะไปหาที่ไหนละทีนี้ เลยขับไปเติมน้ำมันรถก่อน ไหนๆก็มาแถวนี้แล้ว

เติมน้ำมันเสร็จขับรถมาช้าๆ มองข้างทางไปเรื่อยๆแล้วก็เจอร้านขายต้มเลือดหมูอีกร้าน แม่ค้าบอกว่าเสร็จแล้ว ขายแล้ว เลยรอดไป แต่ที่น่าจะสมน้ำหน้าตัวเองคือ ร้านนี้ผมแวะบ่อยมาก แต่ไม่ได้กินอะไรหรอก จอดรถตียิม หมุนบอลโปเกม่อนประจำ แต่ไม่เคยมองป้ายหน้าร้าน พอเวลาจะหาเลยไม่คิดถึงร้านนี้

กลับบ้าน กินข้าว นั่งเล่นไปเรื่อยๆ น้องหนึ่ง ฉวาง ส่งข่าวมาว่าเขาจะเลื่อนชุดรถขบวน 32 มาเติมน้ำมันที่สุราษฎร์ธานี ถ้าว่างไปเก็บภาพได้เลย ผมก็เตรียมตัวออกไปนั่งรอที่สถานีทันที เพราะปกติขบวนนี้จะผ่านสุราษฎร์ธานี ช่วงเที่ยงคืน หาโอกาสถ่ายได้ยากมาก

ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ พี่ที่ทำสับเปลี่ยน บอกว่าเดี๋ยวเติมน้ำมันเสร็จ เขาจะเอารถไปเก็บที่ทุ่งโพธิ์ อุต๊ะ ... ของหายากอีกแล้ว เลยขับรถไปดักรอที่สะพานจุลจอมเกล้า กะว่าระหว่างรอจะเดินเล่นบนสะพาน ถ่ายวิวไปเรื่อยๆ แต่พอจอดรถ เจอเจ้าถิ่นยืนดมกาว อยู่ใต้ต้นไม้ ข้างๆอาคารเมืองคนดี เลยเปลี่ยนใจ วนข้ามสะพานไปฝั่งวัดดอนกระถินแทน

ถ้าเมื่อก่อนเจอแบบนี้ ผมคงไม่สนใจอะไรมาก แต่ตอนนี้ "แก่แล้ว" ยิ่งเมื่อคืนดูข่าวแทงชิงโทรศัพท์ด้วย ยิ่งระแวงเข้าไปอีก เดี๋ยวนี้ต้องดูแลตัวเอง พลาดพลั้ง เป็นอะไรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ 5555

รอจนรถออกมา (รอนานมาก) ถ่ายภาพเสร็จ กลับบ้าน แวะซื้อกล้วยปิ้งไปฝากพ่อ แล้วมานั่งลงรูป ตอนเย็น ออกไปซื้ออาหารแมว แวะปั่นบอล จับโปเกม่อน ริมน้ำบ้านดอน แป๊บนึง ได้ มินิริว มาสองตัว กับปลาส้มพอสมควร แปลงร่างเป็นมังกรฟ้า สวยงาม และอัพเป็น เลเวล 33 เป็นที่เรียบร้อย

กลับบ้านเช็คข่าวน้ำท่วม ดูข่าวนิดหน่อย สวดมนต์ย่อๆก่อนนอน ช่วงนี้ไม่ได้สวดยาวเลย แต่ก็ยังดีที่ได้คิดถึงพระรัตนตรัยก่อนนอน

บันทึกของเมื่อวาน 5 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 5 มกราคม 2560

ตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เปิดประตูบ้านออกไปเจอสายฝนเช่นเดิม ออกไปซื้อข้าวต้มหมูให้พ่อ วนหาร้านเกือบทั้งตลาด มีเปิดอยู่ไม่กี่ร้าน ส่วนใหญ่จะไม่ขาย คงจะหนีฝนกัน ที่เปิดก็เป็นร้านขายโจ๊ก ที่พ่อไม่ค่อยชอบ พ่ออยากกินข้าวต้มหมู

วนรถออกไปหาแถวนอกๆ เจอร้านนึงเป็นผู้หญิงมีอายุซักหน่อย ( ทุกวันนี้ใช้คำเรียกผู้หญิงไม่ค่อยถูก อายุสี่สิบนิดๆ ก็เป็นรุ่นน้อง อายุห้าสิบ เป็นพี่ อายุหกสิบเป็นน้า อายุเจ็ดสิบ นู่นแหละ ถึงจะพอเรียกป้าได้) สั่งไปสี่ถุง แต่ได้มาแค่สาม เพราะว่าขายดีมาก ฝนตกๆ ร้านก็มีน้อย ... จับโปเกม่อนหมีได้ตัวนึง ตามที่เล่าไปเมื่อวาน

เสร็จแล้วกลับบ้าน จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ ฝนตกจนเที่ยงออกไปซื้อข้าวหมูแดง ร้านโล่วสุนทรให้พ่อ พ่ออยากกินร้านนี้ เลยเข้าไปในเมืองสุราษฎร์ ซื้อมาให้พ่อเป็นมื้อเที่ยง ฝนยังโปรยปรายลงมาตลอด เริ่มเบื่อๆเลยออกไปเดินเล่นที่สถานีรถไฟ

ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าวันหนึ่ง รถไฟหลายๆขบวนได้มาจอดรอเปิดทางที่นี่ เดินกางร่มถ่ายรูปกลางฝน

มีคนมองมากมาย แต่เราก็ไม่อายหรอก เราหน้าด้านกลัวอะไรกับการโดนเขาว่าบ้า มึงสิบ้า ไม่กล้าทำอย่างกู 5555

วันนี้นอนเร็วหน่อย กำลังปรับเวลาตัวเอง จากที่เคยนอนตีสาม ตื่นเก้าโมง ช่วงนี้นอนเร็วขึ้น ตื่นให้เร็วขึ้น ก่อนนอน ไหว้พระย่อ แล้วหลับ

ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปจับโปเกม่อนซักเท่าไหร่ ฝนตก ไม่สนุกเลย ทำอะไรก็ไม่ได้มาก ติดตามข่าว เอาใจช่วยคนที่น้ำท่วมอยู่ตลอด ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี ปลอดภัยกันทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกของเมื่อวาน 4 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 4 มกราคม 2560

ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดแขน แต่เจ็บเป็นจุดๆ ที่ข้อนิ้ว ข้อมือ และหัวไหล่ โดยรวมแล้วอาการดีขึ้น นอนเฉยๆอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหนอยู่พักใหญ่ แล้วกัดฟันเดินออกไปดูทางน้ำ ฝนตกลงมาเบาๆอีกรอบ

เข้าไปในสวนถอนต้นหมากมาปลูกได้ราวๆสามสิบต้น ฝนตกหนัก กลับเข้าบ้าน ชวนพ่อออกไปหาของกินในเมือง จัดข้าวพระรามลงสรงที่สี่แยกอนามัยกันคนละชุด แวะซื้อ หัวมันต้มกับข้าวโพดแถวๆศาลเจ้า แล้วกลับบ้าน

ฝนตกตลอดเวลา ทำอะไรไม่ได้มากนัก นอนดูการ์ตูน โปเกม่อน ไปสามตอน แล้วหลับ ตื่นมาเกือบๆหกโมงเย็น ฝนก็ยังตกอยู่ ออกไปซื้อขนมจีบ ซาลาเปา กับชาเย็นให้พ่อ แต่รู้สึกว่าแขนดีขึ้นมาก ไม่ปวดตอนขับรถ

กลับมากินขนมจีบเสร็จเลยรู้สึกมีแรง เลยเปิดคอม ลงรูป อ.ไข่ ไปสามสี่รูป แล้วว่าจะนอน แต่กลายเป็นนอนไม่หลับ พลิกไป พลิกมา เวลาสุดท้ายที่เห็นคือ ตีสองครึ่ง แต่หลับจริงตอนไหน ไม่รู้เหมือนกัน

เป็นอีกวันที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ก่อนนอน ท่องนะโม สามจบ อรหังสัมมา จนจบ สังฆัง นะมามิ สี่วันที่ผ่านมา สวดมนต์สั้นลงทุกที ... 5555

บันทึกของเมื่อวาน 3 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 3 มกราคม 2560

ตื่นเช้า ไม่ได้ปั่นจักรยาน เพราะเครื่องฟักไข่หมุนได้มาแล้วตั้งแต่เมื่อคืน กลับจากดูมาลีฮวนน่า ขับรถหมุนบอลข้างทาง ถึงบ้านตีหนึ่งกว่าๆ เช้านี้เลยไม่ต้องปั่นไปหมุนเสาแต่เช้า

เริ่มต้นชีวิตวันนี้ด้วย กาแฟคาราบาวแดงเช่นเคย เดินดูคูน้ำ ที่ขุดไว้ มีน้ำไหลเป็นปกติ แต่ท่อระบายน้ำที่ห้องแถว น่าจะตันแบบมีพวกไขมันไปอุดไว้ ต้องหาวิธีเอาออกไป แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง

ขุดหลุม ย้ายต้นทุเรียนน้ำ หรือทุเรียนเทศที่ล้ม ออกไปปลูกที่ใหม่ ตัดยอดแล้วปลูกใหม่ ถ้ารอดก็รอด ไม่รอดก็ไม่เป็นไร หมอช่วยเต็มที่แล้ว ถ้าคนป่วยสู้ ก็คงจะรอด

และชีวิตของเมื่อวานของผมก็หยุดลงแค่ตรงนี้ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ทำให้ตรงข้อนิ้ว หัวแม่มือด้านขวา ของผมเจ็บ ร้าวขึ้นมาถึงข้อมือและไหล่ ปวดจนขยับไม่ได้ และต้องหยุดทุกอย่างไป

ป็อก แวะเอาราดหน้ามาให้ กว่าจะได้กินก็เย็นๆแล้ว ปวดแขนจนต้องนอน จริงๆแล้วมันปวดไม่มากแต่พอขยับแล้วเจ็บจี๊ด ขึ้นมาจนถึงไหล่ ขับรถไม่ได้ ปวดไปหมดทั้งแขน แต่วันนี้น่าจะดีขึ้น

ทรมานอย่างนึงคือ เวลายุงกัด ถ้าเผลอเอามือขวาข้างถนัดตบยุง มันจะร้าวปวดไปทั้งแขน จนต้องใช้วิธี ลูบเบาๆแทน จะทำอะไรก็ต้องระวัง ต้องใช้มือซ้ายข้างไม่ถนัดแทน แต่ก็ไม่คล่องตัวมากนัก

วันนี้ตื่นมา อาการปวดมันแยกออกเป็น ปวดเฉพาะจุด ข้อนิ้ว ข้อมือ และตรงไหล่ ดีกว่าเมื่อวานที่ปวดไปทั้งแขน ขณะที่พิมพ์ ผมใช้มือซ้าย กับนิ้วกลางมือขวาค่อยๆพิมพ์มาเรื่อย ไม่ได้ตอบข้อความ ไม่ได้คุยกับใคร เอาไว้หายดีค่อยมาทักทายกันใหม่นะครับ

หมายเหตุ

ผมไม่ได้เป็นไข้ แค่ปวดแขนด้านขวา และเมื่อคืน สวดมนต์ไหว้พระ บนที่นอน ยกแขนไม่ไหว แต่ยังได้ระลึกถึงพระก่อนนอน พักอีกซักวัน สองวัน คงจะเป็นปกติครับ

บันทึกของเมื่อวาน 2 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน 2 มกราคม 2560

ตื่นมาแบบทรมาน คือรู้สึกตัวแต่ลุกไม่ได้ ผีอำเราหรือเปล่า ... เปล่าเลย ตัวขี้เกียจกำลังกระทืบเราอยู่ต่างหาก กัดฟันลุกขึ้น บิดซ้าย บิดขวา กินกาแฟคาราบาวแดงไปหนึ่งซอง ปั่นจักรยานออกไปหมุนบอล จับโปเกม่อน

ออกหน้าบ้าน จะเลี้ยวขวาขึ้นควนท่าล้อน เห็นมันสูงๆ เลยเปลี่ยนใจ กลัววัยรุ่นจะหัวใจวาย เปลี่ยนเป็นเลี้ยวซ้ายไปทางหน้าโปลี ปั่นเสาตรงสะพานลอยก่อน พอเริ่มเข้าที่ก็กลับมาทางท่าล้อน ปั่นขึ้นควนหมุนบอลอีกที ปั่นวนๆไปสอง สามรอบ พอให้หายใจยาวๆ ให้ขาตึงๆ

ไข่ ห้ากิโล ฟักพอดี ได้ปลาดาว ... ฮ่วย

เข้าบ้าน ฝนตกหนักอีก แต่ตั้งใจว่าจะขุดทางน้ำข้างบ้านให้เสร็จ เลยลงไปเล่นน้ำฝนรำลึกความหลัง พอฝนเริ่มซา พ่อกางร่ม เดินมาบอกว่า ทุเรียนเทศ หรือทุเรียนน้ำ หน้าบ้านล้ม คงจะโดนทั้งลม ทั้งฝน มาหลายวัน

เดินไปดู ก็ล้มทั้งสองต้น ต้นมันล้มไปตีกัน เลยพากันคว่ำทั้งคู่ มันคงรักกันมาก นี่แหละ ที่เขาว่าคบคนพาล คบเพื่อนชั่ว จะพาเราฉิบหาย ... เกี่ยวไรกัน ช่างเหอะ แค่อยากระบาย 5555

หลังจากดูอาการแล้ว คงต้องย้ายไปปลูกที่อื่นในวันต่อไป วันนี้ต้องขุดทางน้ำให้เสร็จ เพราะคืนนี้ จะไปดู อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ที่โค ออฟ แต่ฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนคิดว่า ไม่น่าจะได้ไปดู

แต่ผมก็ไปจนได้ ภาพรวมก็ดูดี อ.ไข่ เล่นเพลงเดิม สคริปเกือบเหมือนเดิม แต่ก็ดี ที่ได้ฟัง ได้ดู อารมณ์ ปลดปล่อย ... แล้วก็ฝันถึงวันที่ พี่ๆ ทั้งสามคนจะกลับมายืน บนเวทีเดียวกันอีกครั้ง ฝันจะได้ดูมาลีฮวนน่า เต็มรูปแบบอีกซักที

เก็บภาพมาได้นิดหน่อย แต่ไม่ให้ดู หวง เก็บไว้ดูคนเดียว 5555 ... ปล่าวหรอก ยังไม่ว่าง วันนี้มีงานหลายอย่าง เดินทางไกลอีก ค่อยเอาให้ให้ชมกันในวันอื่น

เมื่อคืน กลับมา ได้สวดมนต์ ไหว้พระอีกวัน ถึงจะไม่ได้ยาวแบบทำวัตรเย็น แต่ก็รู้สึกดี ที่ยังทำได้

บันทึกของเมื่อวาน 1 มกราคม 2560

บันทึกของเมื่อวาน วันที่ 1 มกราคม 2560

ตอนแรกตั้งใจจะเลิกบุหรี่อีกครั้ง บุหรี่เลิกไม่ยากหรอก ผมเลิกมาหลายครั้งแล้ว ตื่นมาคว้าไปหนึ่งมวน เลยคิดว่าค่อยเอามาพิจารณาอีกที ตอนตำรวจจับธรรมไชโยโห่ฮิ้ว หรือทำลายจานบินได้แล้วค่อยมาว่ากัน ... สงสัยชาตินี้จะไม่ได้เลิก 5555

เมื่อวานสวดมนต์ ทำวัตรเย็น เรียบร้อย มีติดๆขัดๆบ้างเพราะหยุดมาสองสามเดือน จังหวะไม่ค่อยแม่น สวดมนต์ต้องนัดซ้อมกัน เหมือนนักดนตรีซ้อมเพลงเลยแหละ ถึงจะน่าฟัง ไม่งั้นไปคนละคีย์ ไทมิ่งไม่เป๊ะ สวดคร่อมจังหวะ แล้วจะล่มเอาง่ายๆ

ตื่นเช้า กินกาแฟคาราบาวซองนึง ปั่นจักรยานไปหมุนเสาโปเกม่อน ครั้งแรกของวันเพื่อเอาที่ฟักไข่ อีเวนท์นี้มีไม่กี่วันต้องรีบหน่อย แล้วฝนก็ตกทั้งวัน

ช่วงบ่ายขับรถออกไปไหว้พระขอพรปีใหม่ วัดหลวงพ่อพัฒน์ วัดกลาง วัดไทร วัดพระโยค ไฉ่ซิงเอี้ย เจ้าแม่กวนอิม เดินเป็นวงกลมรอบตลาดบ้านดอน เพื่อจัดแนวทางเดิน ในการนำเพื่อนๆที่มาจากที่อื่นเดินไหว้พระ ทำบุญ ชมวิว และหาของกินอร่อยๆในเมืองสุราษฎร์ธานี ( ฟักไข่โปเกม่อนไปด้วยเลย)

แวะซื้อดอกไม้ ขนม มาไหว้พระ นอนดูบอลจนเกือบๆตีหนึ่ง ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ที่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ฝนตกทั้งวัน แต่ก็ได้ไหว้พระสวดมนต์ตามที่ตั้งใจไว้

หมายเหตุ

ตอนเย็นซื้อผัดเผ็ดหมูป่ามากิน สงสัยว่า มันคือหมูป่าหรือหมูผอมกันแน่ หรือหมูป่าของแท้ต้องไม่มีเนื้อแดง เอ๊ะๆๆๆ หรือว่าเป็นหมูสักยันต์ หนังเหนียวเคี้ยวไม่ออกกันเลยทีเดียว