วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อีกหนกับคนทำงาน




ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักจนแทบจะมองทางไม่เห็นในเวลาตีสอง เวลาที่หลายๆคนกำลังนอนอยู่ใต้ผ้าห่มหรือนอนกอดแฟนอยู่อย่างมีความสุข แต่ผมก็ยังคงต้องออกไปทำงานและต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า ร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายตามเวลาที่กำหนด เสียงแม่ที่บอกกับผมก่อนที่ผมจะออกมาจากบ้านว่า "อย่าขับรถเร็วนะลูกมันอันตราย" แว่วเข้ามาในความรู้สึก ในขณะที่บนถนนสายนี้มีแค่ความมืดกับสายฝนเท่านั้นที่เป็นเพื่อนผมอยู่ ในช่วงเวลาแบบนี้ผมจะไม่เปิดเพลงในรถเพราะต้องใช้สมาธิในการขับรถเป็นอย่างมาก หลายๆครั้งในเวลาที่สภาพอากาศดีๆ ผมจะใช้ความเร็วถึงร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อที่จะไปทำงานให้ทันตามที่กำหนด หลายคนอาจจะสงสัยว่าผมทำงานอะไร จะรีบไปไหน เปล่าครับผมไม่ได้รีบไปส่งยาบ้าอย่างที่คุณๆคิดกันหรอกครับ

ผมเป็นพนักงานบริษัทด้านสื่อสารโทรคมนาคมแห่งหนึ่งที่ หลายๆคนใช้บริการอยู่ มีหน้าที่ดูแลรักษาเครือข่าย เวลาที่สถานีฐานใช้งานไม่ได้ ผมก็จะต้องไปแก้ไขภายในพื้นที่รับผิดชอบ พื้นที่รับผิดชอบของผมจะอยู่ไกลจากสำนักงานใหญ่ประมาณสองร้อยกว่ากิโลเมตร และทางบริษัทให้เวลาในการแก้ไข 4 ชั่วโมง ลองคิดดูนะครับว่าถ้าผมขับรถตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อประหยัดน้ำมันคือ เก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมจะทำงานทันหรือเปล่า กว่าจะอาบน้ำเก็บของก็เสียเวลาไปร่วมๆชั่วโมงแล้ว กว่าจะถึงกว่าจะทำงาน บางครั้งก็ใช้เวลาเกินเวลาที่กำหนดไว้ ต้องชี้แจงกันวุ่นวายอีก ไหนจะโดนลูกค้าบ่นอีก

ผมเคยเจอที่บ้านหล่อยูง จังหวัดพังงา ผมกำลังแก้ไขสัญญาณโทรศัพท์อยู่ที่เสาสัญญาณ หรือที่เรียกกันว่า Cell Site ที่นี่มีปัญหาเกิดจากฟ้าผ่า ทำให้อุปกรณ์เสียหายทั้งหมดต้องรอเพื่อนเอาอุปกรณ์จากสุราษฎร์มาให้ ระหว่างที่รออยู่ก็มีลุงคนนึง ขับมอเตอร์ไซค์ ผ่านมา พอแกเห็นผมนั่งอยู่ที่ Site แกขับรถเข้ามาเลยครับแล้วก็บ่นสารพัดอย่างเท่าที่แกจะนึกขึ้นมาได้ สัญญาณไม่ดีเลยเมื่อไหร่จะใช้ได้ ถ้าเป็นแบบนี้เปลี่ยนไปใช้ระบบอื่นดีกว่าอีก ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง พยายามจะบอกว่าผมรออุปกรณ์ครับ ผมมาแก้ตั้งแต่เช้าแล้ว ข้าวยังไม่ได้กินเลย แกก็ไม่ฟัง บ่นอีกพักใหญ่ๆจนแกสะใจแล้วก็ขับรถออกไป พอลุงแกไปซักพักผมก็เดินข้ามถนนไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังที่ครั้งหนึ่ง นักร้องเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่มากเคยกล่าวไว้ว่ามันเป็นสิ่งมอมเมาคนใช้แรงงาน แต่ตอนนี้พี่ท่านกลับทำออกมาขายอย่างเป็นล่ำเป็นสันจนแทบจะไม่มีที่เก็บเงินอยู่แล้ว พอผมเดินเข้าไปในร้านเจ๊เจ้าของร้านก็ถามว่า "คุยอะไรกับลุงแกเหรอ" ผมก็เล่าให้ฟัง เจ๊แกหัวเราะใหญ่แล้วบอกผมว่า "อย่าไปถือสาลุงแกเลย แกสติไม่ค่อยดี มือถือแกไม่เคยใช้หรอกนี่คงได้ยินชาวบ้านแถวนี้บ่นๆกันแกเลยจำไปพูด" อ้าวเวรกรรมนี่ผมนั่งฟังคนบ้าบ่นอยู่ได้ตั้งนานหรือนี่

สายฝนตอนนี้ก็ยังคงตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้งราวกับว่าจะแกล้งให้ผมไปทำงานไม่ทันแต่ผมก็ยังคงต้องขับรถต่อไปในหัวก็คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย สิ่งที่พวกผมหรือรวมทั้งผู้ใช้ถนนทั้งหลายต้องเคยเจอก็คือ ต ร ใช่ครับเตารีด ไม่ใช่สิตำรวจครับ ที่ผมจะเล่าให้อ่านกันนี่เป็นส่วนน้อยนะครับไม่ใช่ทั้งหมด น้อยจริงๆครับแต่ผมก็บังเอิญเคยเจอ โดนไปครั้งละร้อยต่อก็ไม่ได้ ลดก็ไม่ได้ เคยถามว่าทำไมทีรถสิบล้อยังจ่าย ยี่สิบบ้างห้าสิบบ้าง ทำไมของผมตั้งร้อย พี่แกบอกว่าก็บริษัทกำไรปีนึง ตั้งเยอะ ร้อยเดียวไม่เดือดร้อนหรอก โธ่พี่ครับบริษัทกำไรแต่พวกผมได้เงินเดือนเท่าเดิมแถมค่าใช้จ่ายพวกนี้เบิกก็ไม่ได้ไม่สงสารกันบ้างเลย พอเจอแบบนี้ผมอยากจะแกะสติ๊กเกอร์ข้างรถออกซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทางบริษัทก็ไม่ยอมอีก แต่มีครั้งนึงที่พี่ๆเคยเจอแล้วมาเล่าสู่กันฟัง ที่ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พี่แกโดนเรียกจับความเร็วหรืออะไรนี่แหละครับ พอตำรวจเดินมาที่รถแกก็ส่งเงินให้ ตำรวจสวนกลับมาเลยครับว่า ไม่เอาหรอกไอ้น้อง เงินร้อยนึงคนที่นี่ไม่เอาหรอก คนที่นี่ทำนากุ้งกำไรกันเป็นล้าน ไปจ่ายค่าปรับที่โรงพักนะน้อง จ๋อยไปเลย แต่แบบนี้นานๆเจอทีครับ

และแล้วผมก็มาถึงที่ทำงาน คือเสาสัญญาณโทรศัพท์ ที่ทุกท่านเคยเห็นกันนั่นแหละครับ แต่ที่นี่มันรกมาก รกจนผมคิดว่าทางบริษัทน่าจะส่งเข้าร่วมโครงการปลูกป่าถาวรกับกรมป่าไม้ซะเลย เผื่อจะได้รับรางวัลกะเค้าบ้าง ที่นี่นอกจากรกแล้วยังมืดอีกด้วยและแถวๆภาคใต้นี่งูชุมมากด้วย พูดถึงงูนี่มีทุกที่เลยครับก่อนหน้านี้ผมเคยดูแลพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเคยคิดเล่นๆว่างูมันข้ามทะเลมาอยู่บนนี้ได้ยังไง แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ แต่ที่แน่ๆคราบงูมีอยู่ทุก Site เหมือนกับมันจะขู่พวกเราว่า เวลาทำอะไรเกรงใจกันบ้างให้รู้ซะบ้างว่าที่นี่ใครเป็นเจ้าของตัวจริงแต่แปลกอยู่อย่างนึงคือไม่ว่าคราบงูจะมากขนาดไหน แต่พวกผมไม่เคยขึ้นไปเจอเวลาที่มันลอกคราบซักครั้งเลยครับ ไม่รู้ว่ามันมีสายคอยรายงานจากด้านนอกเข้าไปหรือเปล่า ไม่แน่นะงูอาจใช้โทรศัพท์ระบบที่ผมทำงานอยู่ก็ได้ พอผมขับรถเข้าไปไอ้ตัวที่อยู่ด้านหน้าก็โทรเข้าไปบอกตัวที่อยู่ด้านในให้หลบไปไกลๆตัวอันตรายกำลังเข้ามาแล้ว ก็มีคนเคยบอกว่ามนุษย์คือตัวอันตรายของธรรมชาตินี่ครับ 55555

ตามเสาสัญญาณทั่วไปปกติแล้วจะมีไฟส่องสว่างอยู่ด้านหน้าแต่ที่นี่ทำไมไฟไม่ติด สงสัยฟิวส์ขาดผมคิดในใจ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในเวลาที่ฝนตก แต่พอดูที่หม้อแปลงแล้วฟิวส์แรงสูงก็ไม่ขาด แต่พอวัดไฟที่ด้านในกลับไม่มี โชคดีที่ที่นี่มีสัญญาณที่รับมาจากเสาต้นอื่นอยู่บ้างเลยโทรแจ้งการไฟฟ้า ซึ่งการติดต่อกับการไฟฟ้าเรื่องการซ่อมแซม หรือสอบถามเรื่องการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกผมอยู่แล้ว และก็เป็นไปตามความคาดหมายครับ ไม่มีคนรับสาย คือเวลาตีสามกว่าๆแบบนี้ถ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ไหนรับสาย บอกผมด้วยนะครับ ผมจะจดบันทึกไว้เป็นให้ลูกให้หลานของผมได้อ่านในอนาคต เมื่อการติดต่อกับการไฟฟ้าไร้ผล ผมเลยนอนเอาแรงในรถ กะว่าอีกซักพักจะโทรใหม่เผื่อว่าถ้าผมโชคดีเจ้าหน้าที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำอาจจะมีคนรับสาย แต่อาจจะเพราะความเพลียจากการขับรถทำให้ผมหลับสนิทมาตื่นอีกทีก็พระอาทิตย์ขึ้นแล้วครับ เมื่อมีแสงสว่างผมก็เห็นว่า สิ่งที่หายไปก็คือสายไฟครับ สายไฟที่ออกจากหม้อแปลงไปที่อุปกรณ์ของผมมันหายไปครับ เมื่อโทรกลับไปแจ้งหัวหน้าทางหัวหน้าผมบอกว่า โดนมาหลายที่แล้วครับโดนทุกระบบเพราะช่วงนี้ทองแดงราคาแพง ทางบริษัทต้องเปลี่ยนเป็นสาย อลูมิเนียมแทน เพื่อป้องกันการโดนขโมย

เฮ้อ เศรษฐกิจช่วงนี้ช่วงที่คนใหญ่คนโตทั้งหลายพยายามบอกว่าแก้ไขปัญหาความยากจนได้แล้ว แต่ทำไมโจรเยอะจังเลย แต่ คุณรู้ไหมครับว่าสายอลูมิเนียมที่หัวหน้าผมบอกว่าจะป้องกันการขโมยได้นั้นป้องกันได้จริงแต่มันมีเรื่องให้เจ็บใจมาแทนคือพวกขโมยเวลามันมาตัดมันจะไม่รู้ว่าสายเป็นทองแดงหรืออลูมิเนียม มันตัดก่อนพอไม่ใช่ทองแดงแล้วมันก็ไป พวกผมต้องวิ่งตามแก้เหมือนเดิม เหนื่อยด้วยช้ำใจด้วย และโดนแบบนี้กันทุกที่เหมือนเดิม จนมีระบบนึงทำป้ายเลยครับ มาติดไว้ที่มิเตอร์ไฟฟ้าว่า เป็นสายอลูมิเนียมแล้วอย่าตัดนะครับ นี่ถ้ากราบได้คิดว่าพวกเราคงต้องกราบกันแล้วครับ ว่าอย่าตัดเลย ผมต้องอดนอนขับรถกลางคืนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เพื่อที่จะมาแก้ไขสิ่งที่พวกเห็นแก่ได้ไม่กี่คนกระทำขึ้นมา มันไม่คุ้มกันเลย

เมื่อแก้ไขโดยการต่อไฟชั่วคราวให้ใช้งานได้แล้วผมก็ขับรถกลับบ้านแต่ขากลับนี่จะขับช้าๆครับเพราะเหนื่อยจากตอนมาแล้ว พวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละครับตอนไปเหมือนไก่จะบิน ตอนกลับมาเหมือนห่าจะกินกันทุกคน จนบางครั้งก็คิดเหมือนกันครับว่า นี่เหรอ ผลจากการทำงานหนักของเรา นอนในรถกิน มาม่าที่ เซเว่น แล้วเมื่อไหร่จะได้พักซักที แต่พอคิดถึงพ่อ แม่ ที่อยู่ทางบ้านทำให้มีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีก พอมีงานเข้ามาก็กลับไปทำงานได้อีก เคยมีบางครั้งพอกลับมาถึงบ้านแล้วมีงานเข้ามาอีกต้องออกไปทำงานต่อเลยก็มีครับ ชีวิตแบบนี้ใครคิดว่าสนุก ก็ลองมาอยู่กับผมซัก สอง สามวันนะครับ อาหาร ที่พัก ฟรี พาเที่ยวทุกที่ที่คุณอยากไปครับ แต่เวลาผมทำงานต้องไปกับผมด้วยนะครับ อย่าทิ้งกันไปไหนแล้วคุณจะรู้ว่า นรกมีจริงครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น