วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความรักระหว่างการเดินทาง...

เพลงถามหาความรัก แอ๊ด คาราบาว

โอ้รักของคนบนพื้นดิน เปรียบดั่งลิ้นกระทบฟันมีวันพราก
หนุ่มสาวเอยเคยคิดไหม วัยวันนั้น วันผันวัยใจผันกาย
เปลี่ยนรู้ไปอย่าให้เหินเกินความจริง

โอ้รักของบิดรและมารดา ดั่งฟ้ากว้างไกลสุดสายตา
หนุ่มสาวเอยเคยคิดไหม......ใครปรารถนา เลี้ยงลูกน้อย ค่อยเติบกล้า
ขุนข้าวปลาอีกขนมและนมเนย

ดวงใจเอ๋ย ดวงใจใครคิดบ้าง สายเลือดสร้างเรามากลับหาใช่
สายเลือดเส้นหล่อเลี้ยงเราเติบใหญ่ สัมผัสไออุ่นแท้ดั่งแม่ตน

ดวงใจเอ๋ย ดวงใจใครคิดบ้าง สายเลือดซ่านจึงห่างเหินแรมไกล
สายเลือดเส้นหล่อเลี้ยงเราเติบวัย มอบอกไออุ่นแท้ดั่งแม่ตน

โอ้รักของคนวกวนเวียน สุดอ่านเขียนความจริงให้รู้แจ้ง
หนุ่มสาวเอย จงเรียนรู้เสาะแสวง จงดัดแปลงไปตามปัญญา
ไปเถิดไป..ถามหาความรักกัน


นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้ เป็นเพลงเก่าๆของน้าแอ๊ด คาราบาวที่ผมฟังมาตั้งแต่เด็ก ความทรงจำที่เลือนลางเกี่ยวกับเพลงนี้ผุดขึ้นมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เปล่าๆๆๆๆ ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องราวที่น่าเบื่อที่ผ่านมาในช่วงนี้หรอกครับ ผ่านแล้วให้มันผ่านเลยไปดีกว่า ที่ผมจะพูดถึงก็คือ เรื่องราวในอีกมุมมองที่ผมได้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง

สัปดาห์นี้ผมอยู่ช่วง Plan Work คือต้องไปทำงานที่กระบี่ ตลอดทั้งสัปดาห์ และต้อง Stand Byแทน คู่หู ตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งคืน 24 ชั่วโมงเหนื่อยเต็มที่ สองสัปดาห์ แต่ก็จะได้มาพักอยู่ที่บ้านอีกสองสัปดาห์ แต่ก็สนุกดีเหมือนกัน สัปดาห์นี้ก็พาน้องพงษ์มาช่วยงานอีกเช่นเคย รู้สึกสบายขึ้นมากมีคนช่วยขับรถขนของ เลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่มีเวลาชมนกชมไม้บ้าง เลยเป็นที่มาของเรื่องนี้

ผมคิดอยู่ว่าทำไมโลกนี้ความรักถึงได้ขาดแคลนไปจากโลก แต่บางครั้งบางที ผมก็คิดว่ามันไม่ได้หายไปไหน แต่อาจจะกลายพันธุ์เป็น ความรักสายพันธุ์ใหม่อย่างพวกไข้หวัดต่างๆก็เป็นได้ การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมทางความรัก อาจจะทำให้ผมไม่เข้าใจ เพราะการปรับเปลี่ยนอะไรก็ตามก็คงจะเปลี่ยนไปเพื่อรองรับความต้องการของคนกลุ่มนั้น

เคยไปเดินเล่นๆ แถวสะพานพุทธ เมื่อครั้งที่ไปบางกอกครั้งล่าสุด ได้เห็นเด็กๆแต่งตัวกันแปลกๆ แบบชนิดที่ว่าถ้ามาเดินแถวๆบ้านผม ใครๆก็ต้องคิดว่าบ้า เห็นการพูดคุยกันด้วยภาษามือ ที่ดูว่าฮิตกันเหลือเกินสำหรับ โจ๋ สะพานพุทธ ทั้งหลาย จนทำให้ คนชรา สะพานลอย อย่างผมรู้สึกหลงยุคขึ้นมาเลยทีเดียว ผมเดินผ่านๆแอบๆมองวัยรุ่นเหล่านั้นรวมทั้งแอบๆฟังถ้อยคำที่พวกเขาพูดกันก็ได้ยินแว่วๆ ว่า " กูจะไม่รักใครอีกแล้ว กูจะไม่สนใจใครอีก" ประมาณนี้ แล้วผมก็แอบๆ (อีกแล้ว) เหลือบไปมองก้เห็นว่าตัวคนที่พูดน่าจะอายุประมาณ 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ ( โฆษณาแฝง) ก็ยังคิดในใจว่า เก่งจังนะตัวแค่นี้ รู้ด้วยว่ารักคืออะไร แล้วผมก็เดินต่อไป.....

หลังจากนั้นผมก็เฉียดๆไปแถวๆปากคลองตลาด เห็นพ่อค้าแม่ค้ากำลังรวบรวมดอกไม้ต่างๆเตรียมไว้ขาย แอบๆยิ้มในใจว่า "ใครว่าสีเหลืองกับสีแดงรวมกันไม่ได้" มาดูที่ปากคลองสิ กุหลาบสีแดงรวมกับดอกอะไรแล้วหนอ..สีเหลืองๆ ใส่รวมกันไว้ในเข่งเดียวกัน เห็นมันอยู่กันได้ไม่เห็นมันกัดกันเลย

เช่นเดียวกันกับพวกศิลปิน ค่ายนั้นค่ายนี้ (ผมว่าเป็นนักร้องมากกว่า ศิลปิน) พอมีค่ายอยู่ก็ ทำตัวเป็นหมามีปลอกคอ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ค่ายเล็กๆอย่ามายุ่ง ชั้นอยู่ อาสยองนะ ผมก็อยู่ แกรมม๋า (กรุณาออกเสียงแบบสำเนียงสุพรรณ) ค่ายเล็กๆอย่ามายุ่งชั้นไม่ไปออกงานร่วมด้วยหรอก คนละชั้นกันนะ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงรู้สึกสะใจเล็กๆ ที่เห็นแผ่น MP3 ... ไหนว่ามีค่ายไหนว่ามีปลอกคอ ไม่ออกงานร่วมกันกับค่ายเล็กๆ โดน ค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย "พันธ์ทิพย์ มิวสิค" จัดทำเป็นอัลบั้มรวมฮิตขายซะทั่วประเทศ โสน้าน่า 5555

ไม่เอาๆๆๆ มันผิดกฏหมาย อย่าไปสนับสนุนของผิดกฏหมายกันเลยนะครับ แค่ยกมาบอกมากล่าวกันเล่นๆว่า จริงๆแล้วผมสะใจลึกๆ แต่ผมไม่ซื้อ แผ่นผี ซีดีปลอมเหมือนกันนะครับ ผมใช้ Down Load เอาครับ 555

กลับมาที่ปากคลองตลาดอีกที ภาพที่ผมเห็นคือ ดอกกุหลาบที่ใครๆ บอกว่าเป็นตัวแทนของความรัก มอบให้กันในวันแห่งความรัก

ตอนนี้มันโดนมัดรวมๆกันไว้ ห่อด้วยกระดาษ หนังสือพิมพ์ ใครได้ความรักช่อนี้ไปคงอึดอัดน่าดู
บางมัดก็โดนยัดไว้ในเข่ง โอ้ ความรักชุดนี้คงจะเป็นความรักสามัคคีแน่ๆ เห็นรวมกันอยู่ได้ไม่แตกแยกไปไหน
บางครั้งเห็นเจ้าของร้านหรือลูกจ้าง (น่าจะพม่า) เดินข้ามไปข้ามมา โอ้ ความรักชุดนี้คงจะถูกมองข้ามจากคนต่างด้าวเสียแล้ว

แต่เมื่อใดก็ตามที่ดอกกุหลาบชุดนี้เปลี่ยนที่อยู่ มันจะเปลี่ยนสถานะ เปลี่ยนคุณค่า เปลี่ยนราคา ไปอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด อาจจะไปอยู่ในมือ ดารา นักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่ง ในมือเด็กๆที่เดินขายดอกกุหลาบให้คนที่มานั่งกินอาหารในร้านตอนกลางคืน อยากจะใส่เครื่องติดตามดอกกุหลาบจังเลยว่า ตั้งแต่มันเกิดจนมันเฉา มันไปอยู่ที่ไหนมาบ้าง มันเป็นตัวแทนของความรักจริงหรือ หรือว่าเป็นสื่อแทน การดิ้นรนทำมาหากิน ของใครๆอีกหลายๆส่วน หลายๆอาชีพกันแน่

แล้วผมก็เดินผ่านไปจาก ปากคลองตลาด มุ่งหน้าสู่ สนามหลวง...

เมื่อมาถึงสนามหลวง สิ่งแรกที่ทำคือนั่งให้หายเหนื่อยครับก็คนมันล่วงเข้าวัยชราแล้วนี่นา 555

แล้วก็เริ่มต้นมองหาความรักกันต่อไป ที่รอบๆสนามหลวงจะเป็นงานวิจัยชั้นเยี่ยมของนักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับความรักของมนุษย์เลยละครับ มีหลายครั้งหลายหนที่ได้อ่าน บทความหรืองานวิจัย เรื่อง ความรักกับเซ็กส์ มันเกี่ยวกันหรือเปล่า แต่ถ้ามาสนามหลวง คงจะเข้าใจว่า เซ็กส์ แปรผันตรงกับเงินในกระเป๋า กับรถที่ขับครับ ถ้ามาแท็กซี่ก็ตกลงกันได้เร็ว ราคาไม่สูง รถส่วนตัวก็บอกแพงหน่อย เหลือบๆมองสาวๆที่ทำมาหากินทางนี้เล็กน้อยแล้วผมก็เดินผ่านไป

ก็ดีเหมือนกันนะครับ คนเราสามารถไปนอนกับคนแปลกหน้าได้เพียงเพราะเงินตัวเดียวเท่านั้นเอง เรื่องความรักไม่ต้องมาเกี่ยวข้อง อดคิดไม่ได้ว่า เจ้ากุหลาบแดงๆที่ปากคลองตลาดที่ผมเดินผ่านมาเมื่อกี้ ถ้าเอามามอบให้สาวๆแถวนี้มันจะมีความหมายแทนคำว่า"รัก" หรือเปล่า

จ้างมันเต๊อะๆๆๆ กลับมาเรื่องราวสัปดาห์นี้กันดีกว่า ลากย้อนอดีตกันไปซะยาวเลย ตามประสาคนวัย... ที่ชอบเล่าความหลังไม่รู้จักจบจักสิ้น

สัปดาห์นี้ผมออกไปกับน้องพงษ์เช่นเคย และเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะไปค่อยเดินทางในเส้นทางสายเก่า ถ้าไม่มีงานด่วน วันนี้ก็ไม่มีอะไรเร่งด่วนผมเลยให้น้องพงษ์ขับไปทางเล็กๆ แทนที่จะวิ่งบนถนนใหญ่ แล้วผมก็เจอความรักที่ข้างทางนี่เองครับ

ปกติการเดินทางไปในที่ห่างไกลเราย่อมเจอลูกสาวชาวบ้านหน้าตาดีๆ หรือที่พวกเราเรียกว่า "ช้างเผือก" กันอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ ภาพที่ผมเห็นไกลๆคือ ภาพผุ้ชายตัวสูงใหญ่ กำลังอุ้มเด็กเดินอยู่ริมถนน เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ผมก็เห็น สภาพของชายคนนั้น อายุน่าจะ ยี่สิบปลายๆ ไว้ผมยาวรุงรัง หนวดเคราเหมือนคนที่ไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน เสื้อเลอะเทอะ น่าจะทำงานเป็นคนงานขนไม้ยางพารา ที่อยู่ในสวนแถวๆนั้น ส่วนเด็กผู้หญิงก็อายุประมาณ ขวบกว่าๆ ไม่เกินสองขวบ หน้าตามอมแมม แต่ยิ้มแย้มดูอารมณ์ดี กำลังหยอกล้อกันไปมากับชายคนนั้นที่น่าจะเป็นพ่อ รอยยิ้มบนใบหน้าของชายคนนั้นดูเป็นสุข หน้าตาของเด็กก็อิ่มเอิบ แสดงให้เห็นถึงสายใยแห่งความรักที่เขาทั้งสองได้เชื่อมต่อกันไว้อย่างแนบสนิท

ผมมองภาพนั้นด้วยความชื่นชมก่อนที่รถจะวิ่งผ่านเลยไป อดคิดไม่ได้ว่า " ผู้ชายคนนี้ได้ค่าจ้างวันละเท่าไหร่" " มื้อเช้าเค้ากินชุดอาหารเช้า ไส้กรอก แฮม ไข่ดาว เหมือนเราหรือเปล่า" "เด็กคนนี้มีของเล่นอะไรที่บ้านบ้างหนอ" "เด็กคนนี้กินอาหารเสริม เหมือนในโฆษณาทีวี หรือเปล่า" "บ้านเค้ามีทีวี เครื่องเสียง แพงหรือเปล่า" "เย็นนี้เขาจะได้ไปเล่น บ้านบอล ในห้างหรือเปล่า"

สารพัดจะคิดแต่บทสรุปคือ นั่นเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆที่หาไม่ได้ในคนอีกหลายๆล้านคนในประเทศนี้ บางครอบครัวใช้เงินซื้อความรัก บางครอบครัวไม่มีแม้แต่เวลาที่จะเจอหน้ากัน มันทำให้คิดถึง ความรักสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีกแล้วครับ

ความรักที่มอบให้กัน ทั้งความรักระหว่างหนุ่มสาว ระหว่างเพื่อน ระหว่าง คนที่อยู่รอบข้าง เดี๋ยวนี้มันคงจะกลายพันธุ์ไปแล้วจริงๆ

ปริมาณคนไม่ได้มีผลต่อปริมาณความรัก จำนวนคนไม่มีผลต่อความสุขในการได้พบเจอ สองคนที่เดินผ่านผมไปเมื่อกี้คงจะไม่ต้องการบุคคลที่สามเป็นแน่แท้ ในขณะที่เขาทั้งสองกำลังหยอกล้อซึ่งกันและกัน มันทำให้ผมนั่งย้อนกลับมามองตัวเอง ผมรู้สึกว่า " อยู่คนเดียวไม่เหงาเท่าหลายคน"

และเมื่อรถกลับขึ้นสู่ถนนสายหลักอีกครั้ง ผมก็เจอกับแผงขายผลไม้ที่ผุดขึ้นมามากมาย เหมือน หญ้าเจ้าชู้ ( ไม่อยากเปรียบกับดอกเห็ด) ทั้งๆที่ช่วงที่ผมรับงาน Plan Work รอบที่แล้วยังไม่มีเลย ก็คงเป็นเพราะช่วงนี้ผลไม้ออกมามากแล้วนั่นเองชาวบ้านชาวสวนเลยต้องหาที่ขายผลผลิตกันนั่นเอง

ภาพ คนแก่ เด็ก นั่งอยู่บนร้านขายของเด็กๆนอนในเปล ผู้ใหญ่ก็นั่งรอขายของ มันเป็นภาพที่คุ้นตามากๆ สมัยผมเด็กๆผมก็เป็นแบบนี้ นั่งเล่น ขุดดิน อยู่แถวๆที่ที่ย่าผมทำงาน งานของย่าคือ นั่งเหลาก้านมะพร้าวทำไม้กวาดบ้าง ทำนู่นทำนี่ไม่ได้หยุดแต่ก็เลี้ยงหลานชายไปด้วย วันไหนวันพระก็จะพาผมนั่งตุ๊ก ตุ๊ก ไปวัดด้วยเสมอ ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้มากๆ นั่งมองไปด้วยคิดถึงอดีตไปด้วย อือ...เราเคยเจอความรักแบบนี้แล้วนี่นา เมื่อคิดได้แบบนั้นหัวใจก็อุ่นขึ้นมาทันทีเลยครับ

เก็บ เอาไว้ เธอเก็บเอาไว้ ยัง มีคนต้องการ
ผ่านวันนี้ มาจากเมื่อวาน ยังมีวัน ต่อไป

แอบ เอาไว้ เธอแอบ เอาไว้ ดู ใจให้นานๆ
จำเอาไว้ คารม ไอ้ที่หวานๆ ปากและใจต่างกัน

ซักวันหนึ่ง คงต้องมา อีกครั้ง ซักวันหนึ่ง คงต้องไป
ซักวันหนึ่ง ถึงแม้ บอก ว่ารัก อาจจำต้อง แยกย้าย

วันนี้ เราเจ็บอย่างไง วันต่อไป อาจเจ็บกว่านี้
รักเป็นสิ่ง ที่ดูว่าดี หากว่ามี แต่ความจริงใจ

เผื่อเอาไว้ บ้างเผื่อเอาไว้ เตรียมใจไว้ซักหน่อย
อันความรัก เป็นเพียง แค่เรื่อง เล็กน้อยในชีวิต คนเรา

เจ็บมาแล้ว ก็เจ็บไปแล้วเจ็บ มาจน เข้มแข็ง
หลับซักตื่น พักฟื้น เอาเรี่ยวเอาแรง ต่อสู้ชีวิต กันใหม่


ไม่มีอะไรในเพลงนี้มากไปกว่าการให้กำลังใจตัวเองและคนรอบข้าง ผมชวนน้องพงษ์ไปเดินดูวิถีชีวิตของคนกระบี่ในยามเย็นๆ ที่สวนสาธารณะในเมืองกระบี่ ที่นี่ผมได้เห็นความรักในอีกรูปแบบนึง ผมเห็นเด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะสดใส เด็กผู้ชายหลายคนวิ่งไล่เตะกัน แต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ นี่ถ้าคนรุ่นๆผมไปวิ่งไล่กันแบบนี้ใครๆก็คงจะคิดว่า มีเรื่องมีราวกันแน่ๆ

ผมยืนดูอยู่เพลินๆก็มีเสียงตะโกน บอกว่า "พี่ๆ ส่งบอลให้หน่อย" หันไปก็เห็นลูกบาสกลิ้งออกมาจากสนามออกมาใกล้ๆกับที่ที่ผมยืนอยู่ ผมเก็บแล้วโยนกลับไปให้ สิ่งที่ผมได้เห็นคือ รอยยิ้มจากคนหลายๆคน พร้อมคำว่า ขอบคุณครับ ออกมาจากคนหลายๆคนโดยที่ไม่ได้นัดหมาย

โอ้ ความมีมิตรภาพ ไมตรีจิต มันหาได้รอบๆตัวเรานี่เอง ความสุขหาได้จากในหัวใจของเราเอง และที่สำคัญ

"ความสุขที่แท้จริงเกิดได้จาก ภาคปฏิบัติเท่านั้น คนที่รู้ทฤษฏีของความรักทั้งโลก ก็ไม่สามารถหาความสุขที่แท้จริงได้"

"ถ้าไม่รู้จักสร้างมันขึ้นมา"


บ่อยครั้งที่คนพยายามจะแสวงหาความรักด้วยวิธีการต่างๆนานา แต่ก็เป็นได้แค่ชั่วคราว การที่มีคนอยู่รอบข้างมากๆก็ใช่ว่าจะมีคนรักเราจริงๆมากตามไปด้วย บางครั้งคนที่อยู่รอบๆตัวเราอาจจะอยู่ด้วยความเกรงใจ หรือหวังผลประโยชน์ บางอย่างจากเราก็เป็นได้

แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกดีๆกับรอยยิ้มของกลุ่มคนที่เล่นบาสอยู่ในสนามเหล่านั้น มันอบอุ่นอีกแล้วครับ

หลังจากนั้นผมก็เดินเลี่ยงจากกลุ่มคนออกมานั่งอยู่ริมทะเล นั่งคิดอะไรๆเล่นๆไปคนเดียว อยู่ดีๆ คำพูดของอาจารย์ที่สอนผมไว้ล่าสุดก็ผุดขึ้นมาในสมอง"ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน" นี่คือพรที่อาจารย์ให้ผมมาหลังจากที่ไปขอพรที่บ้านอาจารย์มา ท่านถามว่าจะเอาพรจริงหรือพรหลอก ถ้าพรหลอก ก็เอาไปเลย ขอให้รวยๆๆๆๆแต่ถ้าจะเอาพรจริงๆ ก็เอาสี่ตัวนี้ไปปฏิบัติ

คำอื่นอาจจะธรรมดา แต่ท่านย้ำเรื่องความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้อื่น รวมทั้งเน้นย้ำให้อดทน "ใครจะด่าจะว่ายังไงให้อดทน" ถ้าเราซื่อสัตย์แล้วไม่ต้องกลัว เราต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เคยคิดว่าสิ่งใดดีเราต้องมั่นใจในสิ่งที่กระทำ และก่อนจะลาอาจารย์กลับ ท่านยังบอกอีกว่า "เวลาจะกรองคนที่อยู่รอบๆตัวเราออกไปเอง คนที่เข้ามาเพื่อสิ่งใดก็จะจากไปเมื่อไม่ได้สิ่งนั้น" ผมเลยได้รับรู้ถึงความรักในอีกรูปแบบนึง คือความรักระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ ความหวังดีและความเอาใจใส่ในตัวลูกศิษย์คือคุณธรรมที่มีอยู่เสมอในตัวของอาจารย์

แล้วผมก็คิดว่า "ถ้าไม่ทำตามที่สอนก็อย่ามาอ้อนเรียกอาจารย์"( ท่านพุทธทาสสอนไว้ ) เลยมาปฏิบัติหลายๆอย่างตามที่อาจารย์สอนเช่นเดิม ยังมีอีกหลายอย่างที่ท่านสอนไว้และผมก็ทำตาม การบูชาครู ที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติตามที่ครูอาจารย์สั่งสอน ผมจะตอบแทนความรักของอาจารย์แบบนี้ครับ

หลังจากนั่งปล่อยตัวปล่อยใจไปซักพักก็เดินกลับ แต่ก็ยังแว๊บๆๆๆ ไปแอบดู ความรักของเด็กๆ ที่นั่งซบกันริมทะเล อีกนิดและแอบอวยพรในใจให้ไปกันได้ตลอดรอดฝั่งนะครับ เฮ้อ..ความรักมันมีมากมายหลายแบบเหลือเกินและยังมีอีกมากมายที่เรายังไม่เจอและไม่เข้าใจ

ตอนนี้ถ้าเรามีความรักเรามีเพื่อน เราก็น่าจะรักกันไว้ ไม่ต้องเดินทางตามหาความรักจากที่ไกลๆกันอีก ความรักมักจะพังเพราะความเกรงใจ มัวแต่เกรงใจคนนั้นเกรงใจคนนี้ กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า สงสัยผมต้องสร้างความรักสายพันธุ์ของตัวเองขึ้นมาแล้วละครับ ใครอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป มีความสุขกับมุมมองของตัวเองดีกว่า

เอาน่า... ปริมาณ ไม่มีความหมายเท่าคุณภาพหรอกน่า 555

นภดล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น