ทำไมยังสงสัยอีกก็ทำงานด้านสื่อสารโทรคมนาคม มันก็ต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีสิ จะเกี่ยวกับไสยศาสตร์ได้ยังไงกัน
ทุกคนคงเชื่อแบบนั้นใช่มั้ยครับเอาละวันนี้ผมจะเล่าให้ฟัง
สาเหตุมันเนื่องมาจากวันนี้มีเพื่อนผมคนนึงสมมุติว่าชื่อ ต ก็แล้วกัน เค้าทำงานในส่วนติดตั้ง Transmission พวกไฟเบอร์ออฟติค และไมโครเวฟ โทรมาคุยกับผมหลายรอบมากๆ ตั้งแต่เช้า เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการติดตั้งไมโครเวฟไปใช้งานที่เกาะพีพี (เราขยายเครือข่ายเยอะมากๆครับ) แต่ไม่รู้ว่าจะเอาต้นทางจากที่ไหนดี อุปกรณ์ที่เราสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ ราคาแพงๆทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะช่วยได้เลย ทั้ง Google earth ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ เพราะในหน้าจอมองเห็นแต่หน้างานกลับมองกันไม่เห็น คุยกันจนบ่ายๆ ก็ยังไม่มีวี่แวว แต่แล้วจู่ๆ คุณ ต ก็โทรมาบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า
"คุณนภๆๆๆ ผมได้ที่ติดตั้งแล้วทดลอง ใช้ Mirror Test แล้วผ่านตลอด ทำไมไม่คิดถึงที่นี่เลยวะ"
และสาเหตุที่เจอก็เพราะว่าวันนี้มี Cell Down ซึ่งอยู่ๆมันก็ Down ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ทีมงานต้องมาจากภูเก็ตมาแก้ไขที่นี่ ปรากฎว่าอุปกรณ์ก็ไม่เสีย แค่ รีเซ็ตก็หายสนิทศิษย์ส่ายหน้า แต่มีผลดีคือได้เห็นว่าที่นี่น่าจะติดตั้งอุปกรณ์ตัวนี้ได้เลยลอง test ปรากฎว่าผ่านฉลุย และที่สำคัญก่อนที่จะวางสาย คุณ ต ได้บอกกับผมว่า "นี่นะคุณนภผมนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ทีมงานก็อดหลับอดนอนเดินทางไปTest ที่นู่นที่นี่จนผมท้อไปหมดแล้ว เลยบนเจ้าแม่กวนอิม ว่าถ้าหาที่ลงได้ก่อนวันทำการหลังสงกรานต์ ผมจะเลิกกินเนิ้อ ปรากฎว่าผ่านเฉยเลย นี่ผมคงต้องเลิกกินเนื้อแล้วละ" นั่นสินะ อุปกรณ์ที่ซื้อมาใช้รวมซอฟแวร์ราคาเป็นล้าน ช่วยอะไรไม่ได้ แต่พอบนเจ้าแม่กวนอิมกลับผ่านซะงั้น อิอิอิ เอาเป็นว่าผ่านนะครับเรื่องของคุณ ต ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นมันเป็นความลับของบริษัทครับเผื่อเจ้าอื่นจะมาขึ้นตาม dtac ก็ให้เค้าหากันบ้าง ถ้าหาไม่ได้ก็คงจะแนะนำให้ลองบนเจ้าแม่กวนอิมดูก็แล้วกัน 555+
ยังมีอีกครับยังมีอีก ถ้ายังสงสัยว่ามันเป็นเทคโนโลยีจริงหรือเปล่าแต่ผมว่าพวกเราทำงานกับสิ่งที่มองไม่เห็นเหมือนกันนี่นา เอาเรื่องนี้ดีกว่า หลายๆท่านคงจะเคยเห็นเสาสัญญาณ ของ dtac กันบ้างแล้วใช่ไหมครับพื้นที่ที่ตั้งเสานี่ส่วนใหญ่จะอยู่ในที่กันดาร เพราะที่ในเมืองไม่ค่อยมีใครให้เช่ากัน ถ้าไม่ขึ้นเขา ข้ามน้ำ ก็ต้องอยู่หลังบ้านคนเข้าไปลึกๆ หรือไม่ก็...ที่มีประวัติ ใช่ครับคงไม่ใช่ที่ที่เคยประกวดนางงามหรอกครับ ส่วนใหญ่ถ้าไม่ติดป่าช้า ติดเมรุ หรือไม่ก็ตรงนั้นเองละครับที่เคยมีคนตาย มี site เราที่นึงแต่ที่นี่ผมเข้างานไม่ทัน อยู่ที่รัตภูมิจังหวัดสงขลาออกไปทางจังหวัดสตูล เสาจะอยู่ติดกับป่าช้าและเมรุเผาศพ สมัยสิบกว่าปีที่แล้วเวลาไปขึ้นเสาทำงานถ้ามีการเผาศพ ก็ต้องลงกันมาก่อนละครับงานก็ต้องทำแต่เจอแบบนี้ถ้าไม่ลงมาดีๆก็คงจะโดนพี่น้องคนตายยิงลงมาแน่ๆ ก็เวลาเค้ามองตามควันเผาศพขึ้นไป แล้วเห็นพวกลิงเกาะเสาอยู่เค้าคงจะตกใจทำปืนลั่นใส่จนหมดแม็กแน่ๆ
จนมาถึงปี 2546 ปีนั้นพวกเราเร่งขยายเครือข่ายกันอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องโฆษณา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลุยเข้าไปในพื้นที่ห่างไกลเข้าไปเรื่อยๆ บางที่เป็นป่ารกทึบ บางที่ดีหน่อยมีเพื่อนนอนอยู่ในหลุมใกล้ Site แต่ก็นั่นละครับพวกเราก็ไม่เคยลบหลู่ และไม่อยากจะไปถามด้วยว่า"เอาซิมแฮปปี้ไปใช้หน่อยมั้ย"ด้วยครับ แต่ที่จะเล่าด้วยภาพนี้ครับเป็นภาพที่อำเภอสะบ้าย้อย ซึ่งตอนนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่สีแดงไปแล้ว ในภาพเป็นการถ่ายของผู้รับเหมาที่มารับงานทำเสาและฐานราก ตอนถ่ายทุกคนยืนยันว่าไม่มีเด็กยืนอยู่ด้านหลังแน่นอน เพราะถ้ามีก็คงไม่ถ่ายมาเพราะเป็นรูปประกอบเอกสารส่งงาน แต่พอมาดูกลับเจอเด็กยืนอยู่ด้านหลัง จะให้ไปถ่ายใหม่ก็ไม่ได้เพราะมันเป็นรูปก่อนทำตอนนี้มันทำเสร็จแล้วเลยปล่อยเลยตามเลย และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมคิดว่า ผมทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีจริงๆเหรอ
ยังมีอีกครับ ที่กลางเมืองสุราษฎร์ธานี มีอพาร์ทเมนท์ อยู่ที่นึงที่นี่เคยมีข่าวเกรียวกราวเมื่อเกือบๆสิบปีที่แล้ว มีการฆ่าปาดคอเกย์รุ่นใหญ่ตายจมกองเลือดอยู่ในห้องนี้ พอเคลียร์เรื่องเคลียร์ราวเสร็จก็ไม่มีใครอยากจะมาอยู่ห้องนี้ ทำให้ต้องปิดตายไว้ หาคนเช่าก็ไม่ได้ และแล้วก็มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าของห้องด้วยการติดต่อขอตั้ง Cell Site ที่บนชั้นห้าและห้องนี้ด้วย
วันนั้นเป็นเวรและเป็นกรรมของผมพอดี ที่จะต้องเข้าไปแก้อุปกรณ์ที่นี่ ผมแก้ตั้งแต่บ่ายสองจนค่ำ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย งานแค่นี้มั่นใจขนาดไม่ต้องดับเครื่องรถเลยครับวิ่งๆขึ้นไปเตะๆสองสามทีก็หาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครับ ทำยังไงก็ไม่หาย แถมก่อนทำยังบอกให้เพื่อนไปนั่งรอที่ร้านสั่งเหล้าไว้ได้เลยด้วย แต่นี่มืดแล้วครับผมก็ยังไม่สามารถลงไปจากที่นี่ได้ ทำยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ใครเดินไปเดินมาก็จะมองเข้ามาด้วยสายตาแปลกๆ ตอนแรกก็ไม่กลัวแต่ตอนนี้ใจมันเริ่มคิดไปต่างๆนานา หวาดระแวงว่าใครจะมานั่งอยู่ข้างหลังหรือเปล่า เงาสะท้อนที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คมันก็ทำให้วิตกจริต ขึ้นทุกขณะ ใช่ครับผมเริ่มกลัว รีเซ็ตอุปกรณ์เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ โหลด config ใหม่ โหลดซอฟแวร์ใหม่ กี่ครั้งก็ไม่รู้อุปกรณ์เปลี่ยนเกือบทั้งตู้แล้ว ก็ไม่หาย
จนสุดท้ายครับ "ยามเมื่อความอดทนถึงที่สุด จึงต้องหยุดไว้ตรงเลิกรากัน" เพลงบาปบริสุทธิ์ของคาราบาวแว่วเข้ามาในสมอง(อีกแล้ว) ผมตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดว่า " ไอ้เอี้ย กูไม่มีเวลาอยู่กับมึงทั้งคืนนะเว๊ย" เหมือนปาฏิหาริย์เลยครับ สั่งรีเซ็ตตู้รอบนี้ ทุกอย่างเคลียร์ ลูกค้าใช้งานได้ตามปกติ ผมขนลุกซู่เลยครับ แต่ตอนเก็บของออกมาตั้งที่หน้าห้องปิดไฟและก่อนที่จะปิดประตู ผมพูดออกมาอีกครั้งว่า
"อาทิตย์หน้าเวรไอ้ A (นามสมมุติ)มันหล่อกว่ากูเยอะถ้ามึงอยากเจอก็ทำแบบนี้อีกนะ" แล้วก็ปิดประตูลงมาเลยครับ
และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปที่นี่อีกเลย และก็ย้ายออกมาอยู่ต่างจังหวัดรอบนอกมาจนทุกวันนี้ละครับ
หมายเหตุ
ผมไม่ได้สนใจที่จะถามไอ้ A (นามสมมุติ) ว่าหลังจากนี้มันต้องเข้าไปที่นี่อีกหรือเปล่า ผมก็ทำงานไปจนลืมเพิ่งมานึกได้เพราะเขียนเรื่องนี่แหละครับ
และเคยได้ยินมาว่าเหล่ามูลนิธิต่างๆเวลาเก็บศพ ถ้าศพไหนเก็บยากยกยาก เค้าก็ใช้วิธีเดียวกับผมนี่แหละครับ ใช้ปุ๊บยกสบายเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น