วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คนปีนเสา



ทำไมต้องเป็นคนปีนเสา ก็สองสามวันที่ผ่านมามีแต่คนถามผมว่า ปีนขึ้นไปทำไมเมายาบ้าหรือเปล่า
โธ่เอ๊ย...ไม่เมายาผมก็บ้าอยู่แล้วครับ ยังสงสัยกันอีกเหรอ (ช่วงนี้มีคนว่าผม บ้าๆๆๆๆๆ มาสองสามครั้งแล้ว)

พูดถึงเรื่องปีนเสา เมื่อก่อนสมัยสิบปีที่แล้ว เรายังต้องทำงานติดตั้ง ขึ้น Feederติดตั้ง Antennaเอง จึงทำให้พนักงานมีการทำงานบนที่สูงอยู่เป็นประจำ บางครั้งไฟยอดเสาขาดเราก็ต้องขึ้นไปเปลี่ยน มันเป็นความสนุกและท้าทายอย่างนึงในชีวิตเลยทีเดียว

แต่นั่นละครับมันไม่ได้เป็นงานที่สบายๆอย่างที่หลายๆคนเข้าใจพวกเราหลายคนไม่ได้บอกทางบ้านเลยว่าเราขึ้นไปทำงานบนเสาด้วย เพราะถ้าทางบ้านรู้ก็คงจะเป็นห่วงและคงจะนอนไม่หลับแน่ๆ

เวลาทำงานสิ่งที่พวกเรามีประจำทีมคือ กระติกน้ำ ข้างในก็จะเต็มไปด้วยเครื่องดื่มที่ใครๆว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่สำหรับพวกเรามันคือ ยาวิเศษเลยครับ ใครชอบแบบไหนก็ซื้อกันมาแช่ พี่รินทร์ นี่กระทิงแดง พี่หมู เอ็มร้อยห้าสิบ ส่วนของผมนี่ ฉลามบุกอย่างเดียวครับ เวลากินแล้วไปทำงานกลางแจ้งเหงื่อจะออกมายังกะเอาน้ำมาราดเลย มันจะทำให้รู้สึกคล่องตัวเวลาที่อยู่บนที่สูง

เวลาเดินทางก่อนทำงานนี่ผมจะชอบฟังเพลงในรถซึ่งจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยครับเวลาเดินทางและเพลงที่ผมชอบฟังคือเพลง ตาตี๋ ของคาราบาว(อีกแล้ว) มันกล่าวถึงชีวิตคนที่ทำงานที่สูงเหมือนพวกเรา และที่สำคัญยังได้เตือนสติตัวเองกับท่อนที่ว่า

"ถึงมือจะเหนียวมันก็เกี่ยวกับสังขาร ถึงมีความชำนาญยังเกิดอาการพลั้งพลาด ไม่ใช่เรื่องประหลาดหากพลาดพลั้งจริงๆ อย่าว่าแต่คนเลยลิงยังเคยดิ่งพสุธา"แต่เพลงที่พวกเราร้องกันเล่นๆบ่อยๆคือเพลง..อือ ผมจำชื่อเพลงไม่ได้แต่มีท่อนที่ว่า "เธอโยนความผิดใส่ฉัน" น่าจะของวงฟลาย ในสมัยนั้นสาเหตุก็เพราะว่า เวลาขึ้นไปทำงานบนเสาเราต้องมีอุปกรณ์ พวกประแจ คีม เทปพันสาย และอีกหลายๆอย่างขึ้นไปด้วย รวมทั้งจะต้องมีคนทำงานด้านล่างด้วย และแน่นอนครับมันก็ต้องมีการผิดพลาดหลุดไม้หลุดมือ กันลงมาบ้างเป็นเรื่องปกติ

วันนั้นซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าวันไหน เราไปทำงานติดตั้งกันที่ฐานทัพเรือสงขลา เสาจะอยู่บนอาคารหน้าฐานทัพเรือ กำลังทำงานอยู่เพลินๆ ได้ยินเสียง เฮ้ยพร้อมกับเสียง เป๊ง มันดังเกือบจะพร้อมกันเลยครับ นั่นคือประแจเบอร์สิบหล่นจากยอดเสาลงมากระทบพื้น เฉียดๆ พี่รินทร์ไปนิดเดียว ซึ่งจริงๆแล้วถ้ามันลงมาตรงๆก็คงต้องไปเย็บแน่ๆ เสร็จงานเราขึ้นรถกลับที่พัก ก็ได้ฟังเพลงนี้ในรถ "เธอโยนความผิดใส่ชั้นๆๆๆ"พี่รินทร์เลยร้องขึ้นมาว่า "มึงโยนเบอร์สิบ(ประแจ)ใส่ฉ้านๆ" เพลงท่อนนี้เลยเป็นเพลงประจำทีมของพวกเราไปนานจนกระทั่งยุบทีมแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่อื่นกัน

พูดถึงการทำงาน outdoor ของพวกเรานั้นมันช่างเหนื่อยซะเหลือเกิน มอมแมม ยังกะลูกหมานอนกลางดินกินกลางทรายของแท้เลยครับ วันนึงตอนพักเที่ยงหลังจากกินข้าวกล่องที่ไปซื้อมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็นอน ใต้ต้นไม้ข้างๆ site นอนคุยกับพี่รินทร์ พี่รินทร์ก็พูดว่า "นี่นะคนที่บ้านไม่รู้เลยนะว่าพวกเราทำงานกันยังไง" แม่ไปคุยกับคนข้างบ้านประจำ "ลูกชายทำงาน TAC เงินเดือนเป็นหมื่น" " ก็ดีนะมันได้ทำงานสบายๆ" "บริษัทโฆษณาในทีวีทุกวัน"
" ไปดูที่ทำงานมันสิ สาวๆสวยๆทั้งนั้น"
แต่ลองมาดูตอนนี้สิ แม่คงไม่รู้ว่าลูกแม่กลายเป็นลูกหมาไปซะแล้ว

จริงๆแล้วเรื่องราวแบบนี้มันก็มีอีกเยอะไหนจะตอนที่ผมเกือบร่วงลงจากเสา ตอนทำงานกันกลางฝน
ไว้วันหน้าวันหลัง ค่อยมาเขียนอีกก็แล้วกัน วันนี้ พอก่อนดีกว่าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น