วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพลงรักบ้านทุ่ง

"พี่นภๆๆๆๆๆๆๆ เพลงนี้เพราะนะ ลองฟังดูสิ ชื่อเพลง "เพลงรักบ้านทุ่ง"ของฝน ธนสุนทร เพราะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงที่ตื่นเต้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของท่านผู้บัญชาการ ที่จะตื่นเต้นกว่าคนทั่วไปนิดนึงเสมอในเวลาที่เจออะไรใหม่ๆ บอกกับผม

และพยายามจะให้ผมฟังเพลงนี้ให้ได้

เพลงรักบ้านทุ่งเพลงนี้ ผมจำได้ว่าเป็นของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่ประพันธ์โดย อ.วิเชียร คำเจริญ (ครูลพ บุรีรัตน์) ที่ผมได้ฟังในรายการชิงช้าสวรรค์อยู่บ่อยๆ เนื่องจากเพลงนี้มีเด็กนักเรียนโรงเรียนต่างๆนำมาร้องประกวดในรายการอยู่เป็นประจำ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเองไม่ได้สนใจเพลงนี้มากมายนักอาจจะเพราะว่าผมชอบเพลง สยามเมืองยิ้ม กับเพลงทรัพย์สินคนเก่ามากกว่านั่นเอง

"ค่อยฟังตอนว่างๆก็แล้วกัน" ผมบอกปัดไป เพราะว่าสัปดาห์ต่อไปผมต้องไปทำงานที่จังหวัดกระบี่ และในเวลาที่ต้องเดินทางไกล ผมชอบที่จะฟังเพลงเร็วๆมากกว่า มันจะทำให้ไม่ง่วงเวลาที่ต้องขับรถไกลๆ

และด้วยการที่ท่านผบ.เป็นคนมีประชาธิปไตยอยู่ในหัวใจเสมอมา ไม่เคยบังคับให้ผมต้องทำอะไรๆที่ผมไม่อยากทำ... สัปดาห์ต่อมาในรถผมจึงต้องมีแผ่นซีดี เพลงของฝน ธนสุนทร ติดมาในรถด้วย "ยอมฟังเพลงดีกว่าโดนต่อยละวะ" สมองของผมสั่งการแบบนั้นจริงๆครับ และในตอนแรกผมกะว่าจะฟังเพลงนี้แค่รอบเดียว พอให้มีเรื่องเกี่ยวกับเพลงนี้ไปคุยกับท่าน ผบ .ได้รู้เรื่อง

แต่ทำไปทำมาผมก็ต้องฟังเพลงนี้หลายรอบมากๆ "เออ..มันก็เพราะดีนี่นา" ผมฟังไปกี่เที่ยวผมก็จำไม่ได้รู้แต่ว่าเพลงนี้น่าสนใจดี

ดังนั้นเมื่อเสร็จงานที่ต้องทำในวันนั้นแล้ว ผมเข้าที่พักในโรงแรมที่จังหวัดกระบี่ แล้วผมก็เริ่มหาข้อมูลของเพลงนี้ทันที และเท่าที่ผมพอจะหามาได้ทำให้รู้ว่านอกจาก ฝน ธนสุนทร กับพุ่มพวง ดวงจันทร์ แล้วนั้นยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่นำเพลงนี้มาขับร้องอย่างพี่จุ้ย ศุ บุยเลี้ยงก็นำเพลงนี้มาร้องด้วยเช่นกัน แต่พี่จุ้ย ใช้ชื่อเพลงว่า "ลมโรย โชยแก้ม" ไม่ได้ชื่อเพลงรักบ้านทุ่งเหมือนคนอื่นๆ อาจจะเพราะประโยคที่ว่า "ลมโรย โชยแก้ม" เป็นประโยคที่ละเมียดละมัย เข้าถึงหัวใจของคอเพลงลูกทุ่งได้เป็นอย่างดี ดังนั้นพี่จุ้ย เลยใช้ชื่อนี้มาแทนชื่อเพลงรักบ้านทุ่ง

นอกจากทั้งสามคนข้างต้นแล้ว ยังมีนักร้องน้องใหม่อีกคนที่นำเพลงนี้มาขับร้อง นั่นก็คือ "แพรวา พัชรี" ที่ร้องไว้ในอัลบั้ม ดวงจันทร์กลางดวงใจ (ถ้าจำไม่ผิด) ดังนั้นผมจึงลองเปิดเพลงของทั้งสี่คนมาฟังเพื่อหา คนที่ผมชอบที่สุดเวลาที่จะนำออกมาฟังใหม่ในครั้งต่อไป การเปิดเพลงเปรียบเทียบกันนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับผมเลยครับ เนื่องจากเพลงบางเพลงมีคนนำมาร้องกันหลายคนการที่จะเอามาฟังทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเวลาที่ผมจะฟังผมก็จะเลือกเอาเสียงที่ผมชอบที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างเพลงสาวอุบลรอรัก ที่ร้องว่า "เสียงทวงสัญญาที่ดังแว่วมาจากสาวอุบล..." นั่นละครับ ผมฟังเสียงต้นฉบับคือคุณอังคณางค์ คุณไชย ฟังเสียง ต่าย อรทัย แต่สุดท้ายเวลาที่ผมเลือกมาฟัง ผมเลือก อรวี สัจจานนท์ ครับ ....

กลับมาที่เพลงรักบ้านทุ่งกันต่อครับ เพลงนี้เสียงต้นฉบับ ของคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ขอตัดออกไป เพราะอย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้วว่าถ้าเลือกเพลงของพุ่มพวง ผมจะเลือก ทรัพย์สินคนเก่า และ สยามเมืองยิ้ม มาฟังมากกว่า ยิ่งเพลงสยามเมืองยิ้ม นี่ของพุ่มพวง ดีกว่า ของตั๊กแตน ชลดา มากๆครับ ( ความคิดผมคนเดียวนะครับ) ส่วนของพี่จุ้ย ก็ต้องขอตัดออกไป เพราะเป็นเสียงผู้ชาย และขับร้องในสไตล์ของพี่จุ้ยเองที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่คน หัวใจกระด้างๆแบบผมจะเข้าถึงได้

คราวนี้ก็เหลือคู่แข่งอยู่แค่ สองคนครับ คือรุ่นใหญ่ ฝน ธนสุนทร ที่ท่าน ผบ. ทุ่มแรงใจเชียร์อย่างออกหน้าออกตากับ แพรวา พัชรี ที่ผมเองก็เพิ่งเคยฟังและเริ่มๆจะชอบ ดังนั้น ผมจึงต้องหาเหตุผลมาเปรียบเทียบระหว่างนักร้องสองคนนี้ให้เห็นเป็นรูปธรรม ในการเข้าไปชี้แจงกับท่านผบ. ในกรณีที่ผมจะเห็นแตกต่างกับท่านผบ. เกี่ยวกับนักร้องที่ร้องเพลงนี้

ในด้านการร้อง ฝน ธนสุนทร กินขาดครับ เสียงนิ่งกว่าแบบนักร้องที่มีประสบการณ์ หรือที่ภาษาเพลงเรียกว่า "รู้จักร้อง" ทั้งการวางน้ำหนักเสียงรวมทั้งจังหวะจะโคน ดูดีไปหมด ส่วนแพรวา นั้น เสียงยังเด็กกว่าและบางช่วงบางตอนอาจจะมีการร้องซ่อมกันมากมายหลายเที่ยว นักร้องคงจะเหนื่อย จนทำให้เสียงดูไม่สดเท่าเสียงของฝน ธนสุนทร ถึงแม้ว่าจะเป็นการร้องในคนละแนว ฝนเอาเพลงนี้มาร้องในแบบของฝน แต่แพรวา พยายามร้องให้เหมือนพุ่มพวง แต่ก็ยังได้ไม่ถึงครึ่งของต้นฉบับ ดังนั้นคะแนนเสียงร้องต้องให้ ฝน ชนะขาดลอยครับ

ในภาคดนตรี ของแพรวาดีกว่าครับ ในสายตา (หู) ของผม เพราะผมไม่ค่อยชอบ Intro ของ ฝน ซักเท่าไหร่ มันดูยืดๆไปนิด แต่บางคนอาจจะชอบเพราะดูอลังการงานสร้าง แต่ผมว่าพอวางเสียงกลองช่วง Intro ขึ้นมา (อาจจะให้เข้ากับเนื้อเพลง ท่อนที่ว่า แว่วกลองย่ำค่ำ เสียงดัง ตั้มตั้ม ตุ่มตุ่ม ) เสียงกลองนั้นไม่ค่อยรับกับดนตรีช่วงต่อไปซักเท่าไหร่ แต่ดนตรีในเวอร์ชั่นของฝน ธนสุนทร จะมีดีช่วงท้ายที่เพราะดีจริงๆ หลังจากนวดคนฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนๆหวานๆแล้วกระหน่ำด้วยดนตรีแบบช่วงท้ายๆ เล่นเอาผมแทบจะจอดรถลงไปเล่นน้ำคลองด้วยความที่ซาบซึ้งในบทเพลงกันเลยทีเดียว

ส่วนดนตรีในเวอร์ชั่นของแพรวา พัชรี นั้นผมว่ามันกระชับกว่า และการทำมาสเตอร์ออกมาได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่า ของ ฝน จะไม่ดีนะครับ แต่ผมว่าคนทำดนตรีทั้งสองท่าน ที่ทำให้ฝนกับให้แพรวา ต้องอายุห่างกันเยอะแน่ๆ ของฝนดูมีอายุและดูเหมือนจะยึดติดกับของเดิมมากพอสมควรทั้งเรื่องอุปกรณ์และสัดส่วนเพลง แต่ คนที่ทำดนตรีให้ แพวา พัชรี น่าจะทำเพลงได้หลายๆแนวมากกว่า และดูจะมีความคิดใหม่ๆอยู่ในหัวตลอดเวลา (สังเกตุจาก อุปกรณ์ หรือเครื่องดนตรีที่นำมาใส่ในเพลง) แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมไม่รู้จักกับทั้งสองคนนี้เลยนะครับ ฟังและเขียนตามความรู้สึกของผมเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อผมจะต้องฟังเพลงนี้ต่อไป ผมจึงต้องเลือกแล้วละครับว่าผมจะฟังเสียงของใคร ผมคงจะไม่เอาไปทีเดียวสองคนหรอกครับ เดี๋ยวใครขึ้นรถมาจะหาว่าผมบ้า ดังนั้นขอสรุปโดยไม่ต้องลงมติลับเลยนะครับว่า ผมเลือก แพรวา พัชรี ครับ

"ทำไมๆๆๆๆๆ" เสียงท่าน ผบ. แว่วเข้ามาในสมองของผมทันทีที่ผมเลือก แพรวา พัชรี บอกกันตรงๆนะครับว่า เสียงของแพรวา ดีก็จริง แต่ไม่เหมาะกับเพลงนี้เลยครับ อย่างท่อนที่ว่า "ไอ้หนุ่มบ้านไหนนะ แข็งใจมานั่งตบยุง ร้องเพลงอวดป้าอวดลุง ทำไมต้องยุ่งกับแก้มผู้หญิง" ยิ่งท่อนจบ "หอบใครมาทิ้งซักคนซิลม" ยิ่งเห็นชัดเลยว่าถ้าอัลบั้มนี้ไม่รีบจนเกินไปหรือคนคุมร้องเข้มๆหน่อย เพลงนี้คงจะยังไม่ถูกปล่อยออกมาจากห้องอัดแน่นอน เพราะเสียงมันไม่ได้อารมณ์ของคนที่เหงาเลยแม้แต่น้อย ฝน ธนสุนทร ร้องดีกว่ามากๆ มากจนเรียกได้ว่าเป็นมวย คนละรุ่นกันเลยทีเดียว

"อ้าว..ร้องไม่ดีแล้วเลือกทำไม" ต้องมีคนสงสัยแบบนี้แน่ๆเลยครับ ที่ผมเลือกฟังในเวอร์ชั่นของแพรวา พัชรี ก็เพราะดนตรีครับ ผมชอบดนตรีแบบนี้ ได้ใจผมไปเต็มๆ นี่ถ้าให้พี่อรวี สัจจานนท์ มาร้องโดยใช้ดนตรีนี้ละก็ ... ผมซื้อ สองแผ่นเลย

ส่วนเรื่องคำร้องหรือเนื้อเพลงนั้น ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆอีกแล้วครับ สำหรับครูลพ ท่านเขียนเพลงได้ดีราวกับเทวดามาเขียน เหมือนกับเพลงของ ครูชลธี ธารทอง ทั้งสองท่านอาจจะเป็นเทวดาลงมาจากสวรรค์ชั้นเดียวกันเพื่อมาสร้างความสวยงามให้กับเพลงลูกทุ่ง เพลงของครูทั้งสองนั้นไพเราะและสวยสดงดงาม จนผมกลัวว่า จะไม่มีใครมาแทนครูเพลงทั้งสองท่านได้อีก ถึงแม้ว่าจะมีนักแต่งเพลงที่ผมชื่นชอบอยู่อีกหลายๆท่านที่ผมติดตามผลงานอยู่ คือ พี่วสุ ห้าวหาญ กับ ครูสลา คุณวุฒิ แต่มันก็คนละยุคคนละสมัยดีกันคนละแนว เพลงรุ่นเก่าเขียนมาเพื่อรับใช้คนรุ่นเก่า อย่างในเพลงนี้ท่อนที่ว่า

วัวควายลูกอ่อนถูกต้อนถูกตาม ย้ำโคลนย้ำน้ำเห็นดำตะคุ่ม ตะคุ่ม
แว่วกลองย่ำค่ำ เสียงดัง ตั้มตั้ม ตุ่มตุ่ม ควันไฟที่ลอยเป็นกลุ่ม นั้นแหละเขาสุมกองไฟไล่ยุง


จะมีซักกี่คนที่ยังได้เห็นภาพแบบนั้น อาจจะเคยเห็นตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าเอาคำร้องที่ว่า

"รักคนโทรมาจังเลย อยากเอ่ยให้ฟังทุกวัน" ไปให้คนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วฟังก็คงจะไม่เข้ากันซักเท่าไหร่ เพราะเพลงรุ่นใหม่ก็เขียนขึ้นเพื่อรับใช้คนรุ่นใหม่เช่นกัน

ดังนั้นผมจึงกลัวครับว่าจะหาคนมาแทนครูเพลงรุ่นเก่าๆไม่ได้ ที่ว่ามาแทนไม่ได้ไม่ใช่เรื่องความสามารถนะครับ ประเทศไทยมีนักแต่งเพลงดีๆมากมายที่ทำงานเพลงดีๆออกมา แต่คนเก่งคนดีเหล่านั้นต้องถูกลืมเลือนไป เพราะคำว่า "เพลงขายไม่ได้" ไม่โดน ไม่ทำเงิน ไม่มียอด Down Load ทั้งๆที่เพลงเหล่านั้นเป็นเพลงดีมีสาระ น่าสนับสนุน แต่ก็สู้กระแสของเพลงในยุคนี้ไม่ได้ จึงต้องถอยไปหลบมุมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างงานดีๆที่กลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกนึกคิดของท่านเหล่านั้นให้ออกมาสู่ผู้ฟังที่ต้องการฟังเพลงดีมีคุณภาพได้ ไว้วันหน้าถ้ามีเวลาผมจะมาบ่นเรื่องเพลงดีที่ถูกลืมให้อ่านกันนะครับ

วันนี้ไปซึมซับบรรยากาศบ้านทุ่ง ด้วยผลงานเพลงที่สวยงามจากการประพันธ์ของครูลพ บุรีรัตน์ กันก่อนนะครับ ผมเลือกเพลงนี้ในแบบของ แพรวา พัชรี มาให้ฟังกันครับ อาจจะสู้ฝน ธนสุนทรไม่ได้ แต่ก็เหมือนที่พี่แอ๊ด คาราบาว พูดไว้นั่นละครับ "ไก่ที่แววดีๆ ต้องขยันซ้อม เอาให้กระดูกแข็งๆซักนิด แล้วค่อยเอาออกมาชน รับรองว่าไก่ดี ซ้อมดี เวลาลงสังเวียนแล้วหายห่วง" ถึงเธอจะร้องไม่ดีเท่า ฝน ธนสุนทร แต่ดนตรี มีส่วนช่วยให้เพลงนี้เป็นเพลงขึ้นมาได้ครับ

แพรวา พัชรี เป็นนักร้องที่แววดี เสียงดี ถ้าจะไม่ดังหรือต้องห่างหายไปจากวงการ ก็ไม่ต้องโทษใครหรอกครับ โทษคนที่เอาเธอมาร้องเพลงนี้นั่นละครับ ถ้าเป็นมวยก็ให้ต่อยประกอบรายการที่เวทีมวยแถวๆ อ้อมน้อยก่อนดีกว่า เอาให้กระดูกแข็งกว่านี้แล้วค่อยเอามาต่อยคู่เอกที่ลุมพินี นี่เล่นเอามาร้องเพลงดีๆแบบนี้ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาก็เหมือนกับส่งนักร้องมา ฆ่าตัวตาย ชัดๆ เพราะไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ยังร้องไม่ได้เท่าต้นฉบับอยู่ดี

แต่ก็เป็นกำลังใจให้ แพรวา สู้ต่อไปนะครับ

นภดล 12/6/2553


เพลงรักบ้านทุ่ง

..บัวงามชูดอกออกบานไสว ดอกโยนโอนไกวพลิ้วใบขยับขย่ม
เขียดน้อยครางออด เห็นมันไล่กอดกันกลม ตะวันก็หลบดวงจม หลังดงผักขมสองพุ่ม

วัวควายลูกอ่อนถูกต้อนถูกตาม ย้ำโคลนย้ำน้ำเห็นดำตะคุ่ม ตะคุ่ม
แว่วกลองย่ำค่ำ เสียงดัง ตั้มตั้ม ตุ่มตุ่ม ควันไฟที่ลอยเป็นกลุ่ม นั้นแหละเขาสุมกองไฟไล่ยุง

แอบมานั่ง พิงหลังแนบชายตลิ่ง เพลงรักอ้อยอิ่ง ลอยมาจากท้ายทุ่ง
ไอ้หนุ่มบ้านไหนนะ แข็งใจมานั่งตบยุง ร้องเพลงอวดป้าอวดลุง ทำไมต้องยุ่งกับแก้มผู้หญิง

ลมโรยโชยแก้มแบบแกมรังแก แกล้งกันแท้แท้ รังแกไม่หยุดไม่นิ่ง
อยากให้สายลมเหมือนลมจูบคนจริงจริง ลมเอยคำนี้เหงายิ่ง หอบใครมาทิ้งสักคนซิลม..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น