วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รอยไถแปรกับ คาราบาว

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

เพิ่งดูจบไปครับ สำหรับรายการรู้จริงป่ะ ทางช่องสามเมื่อกี้นี้..
ได้เห็นอะไรหลายอย่างมากๆ อดรนทนไม่ไหวเลยมานั่งบ่นผ่านจอ อีกซักรอบก่อนนอนครับ

ที่มา http://www.siamsouth.com/

ดูรายการนี้แล้วเหมือนรำลึกความหลังอะไรหลายๆอย่างเลยครับ สิ่งแรกที่มองเห็นและสะดุดความรู้สึกครั้งแรกเลยก็คือ วงซูซู ครับ ปีนั้น ปีที่ น้าซู ออกชุด สู่ความหวังใหม่( อาจจะของน้าซูเอง ที่แยกออกมาจากกระท้อน) ผมได้ฟังครั้งแรก ไม่ได้สะดุด เสียงน้าซูหรอกครับ แต่ผมจำได้ว่านี่เป็นเสียง ของ แอ๊ด คาราบาว นี่นา เลยสนใจที่จะฟังต่อไปแล้วก็ชอบ แทบจะทุกเพลงของซูซู อาจจะเรียกได้ว่า ผมฟังซูซูครั้งแรกเพราะ แอ๊ด คาราบาวก็ว่าได้ครับ

คงจะเหมือนกับเพลง รอยอดีต ของวง อะไรนะ.... ที่มีอาจารย์ ไข่ มาลีฮวนน่า มาร้องด้วย ทำให้ผมฟังเพราะจะฟังเสียง อาจารย์ไข่ นั่นละครับ
แล้วก็นั่งดูนั่งฟังไปเรื่อยๆ มาสะดุด (อีกแล้ว) กับภาพที่กล้องซูมเข้าไปใกล้ๆ เฮ้อ... น้าแอ๊ด แก่ลงไปมากแล้วจริงๆ ก็ทำไมจะไม่แก่ละครับ ขนาดผมเองก็จะครบ สามรอบอยู่แล้วนี่นา นี่เราฟังเพลงคาราบาวมายี่สิบกว่าปีแล้วเหรอเนี่ย โอ้...สังขารมันเป็นเช่นนั้นเอง..

แต่ที่ผมตั้งใจจะเขียนก็คือเพลง รอยไถแปรครับ เพลงนี้ แต่งโดยครูสุรพล สมบัติเจริญ ขับร้องโดยก้าน แก้วสุพรรณ มีเนื้อร้องว่า...

ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซากคันไกแล้วเศร้า
เห็นนาที่ร้างนั้นมีแต่ฟางแทนรวงข้าว เห็นเคียวที่เกี่ยวติดเสา เล่นเอาใจเราสะท้อน

ทุ่งนาแดนนี้ข้าเคยไถทำ สองมือข้าเคยหว่านดำ ฤดูฝนพร่ำหน้าก่อน
แต่มาปีนี้ฤดีข้าแสนจะสะท้อน เพราะมาไร้คู่กอดเคียงหมอน ทิ้งให้เรานอนระกำ

รอยไถเอยข้าเคยไถหว่าน เดี๋ยวนี้เจ้ามาทิ้งจาก ถากให้เป็นรอยไถช้ำ
เจอรอยไถใหม่ ทิ้งรอยไถเก่าระกำ อกใครใครบ้างไม่ช้ำ เมื่อยามเห็นรอยไถแปร

ทุ่งนาแดนนี้คงร้างไปอีกนาน ข้าเองก็เหลือจะทาน เพราะมันแสนสุดจะแก้
หมดกำลังใจแล้วเรียมเอ๋ยข้าคงตายแน่ ถ้าไถไปอีกก็กลัวแท้ เพราะรอยมันแปรเสียแล้วเรียมเอย


เพลงนี้ ถ้าฟังซื่อๆก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าฟังแบบ ทะลึ่งนิดๆก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แสดงให้เห็นถึงความละเมียดละมัยของผู้แต่งได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ จริงๆแล้วเพลงของครูสุรพล ที่ผมชอบ อีกเพลง คือเพลงสาวสวนแตง ที่ได้เห็นบรรยากาศ สมัยนั้นทุกครั้งที่ฟังครับ

กลับมาๆๆๆๆๆๆๆ นอกเรื่องทุกที ไอ้ผมมันก็ประเภท เขียนไป บ่นไป ไร้ สคริป นึกอะไรได้ก็จิ้มไปเรื่อย ไม่ค่อยตรงกับชื่อเรื่องซักเท่าไหร่ กลับมาเรื่องรอยไถแปร กับ คาราบาว กันต่อครับ

สมัยนั้นผมเป็นเด็กหัวเกรียน แต่จะเกรียนด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจครับ ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก จากที่ไหนก็จำไม่ได้ ไม่รู้ว่า ทีวี หรือ วิทยุ แต่เป็นเวอร์ชั่นนี้แหละครับ เสียงน้าแอ๊ดร้อง ส่งคนดูกลับบ้าน ผมจำเนื้อร้องได้บางท่อนเท่านั้นแต่ประทับใจมาก มันเหมือนกับอะไรบางอย่างที่ติดฝังอยู่ในความทรงจำ ไม่รู้ว่าเพลงนี้มันของใครแต่ชอบทำนองเพลงนี้เหลือเกิน จนผมเรียน ที่โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ผมจำไม่ได้ว่า ม. ไหน แต่ เป็น ม.ต้น แน่นอนครับ เพราะผมเรียนแค่นั้น ก่อนจะข้ามมาเรียน เทคนิค

ผมไปสมัครอยู่ ชมรมเพลงไทยเดิมได้อย่างไรก็ไม่ทราบ จำได้ลางๆว่ามีกันอยู่ไม่ถึง 10 คน อาจารย์ที่ปรึกษาชมรม เป็น อาจารย์ภาษาไทย ถ้าจำไม่ผิด น่าจะชื่อ อาจารย์ สุกานดา (ถ้าจำผิดก็ขออภัย เพราะมันนานมาแล้ว) ได้ฝึกร้องเพลง เขมรไทรโยค ที่จำท่อนแรกมาได้จนกระทั่งทุกวันนี้ และนอกจากนั้นก็มีเพลงเก่าๆ ที่แน่ๆเลยก็มีเพลง "แม่ศรีเรือน" มันทำให้ผมฝังใจกับเพลงแนวๆนี้พอสมควร ประกอบกับน้าแอ๊ด มักชอบเอาเพลงลูกทุ่งมาร้องเล่นๆเสมอ เวลาที่วงคาราบาวพักสูบบุหรี่กัน ทำให้แรงกระตุ้น จากเพลง "ทุ่งนาแดนนี้".. มันผุดขึ้นมาอีกครั้ง ผมเรียกชื่อเพลงนี้แบบนั้นจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าใครร้องและมันชื่อเพลงอะไร

และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เฉลยออกมา เมื่อ นิค นิรนาม ออกอัลบั้ม หยิบสิบ ที่มีเพลงนี้รวมอยู่ด้วย ตอนนั้น นิธิทัศน์ ดังมากๆ มีหยิบสิบ มีซุปเปอร์ฮิต ออกมามากมายหลายวง และผมก็ได้เทปม้วนนั้นมาฟังจนได้ ด้วยการบวกพ่วงไปกับ เทป ของ ไพจิตร อักษรณรงค์ ที่แม่ผมตั้งใจไปซื้อ พูดถึงไพจิตร อักษรณรงค์ "เพลง สาว ต.จ.ว." เพราะมาก ลูกสาวกำนัน ก็น่าฟัง ลองไปหากันมาฟังนะครับ จะได้บรรยากาศของเพลงช่วงนั้นได้เป็นอย่างดีครับ

หลังจากนั้น ผมก็พยายามร้องเพลงนี้จนได้ และจะเอามาร้องเล่นบ่อยๆเวลาที่อยู่คนเดียว สาบานได้เลยครับว่า เมื่อวันจันทร์ หลังจากออกมาจากห้องประชุม และปั่น รายงานส่งหัวหน้าเสร็จ ผมลากสังขารที่อ่อนล้า เดินลงมาจากชั้น สามของที่ทำงาน ผมยังร้องเพลงนี้อยู่เลยครับ

จนวันนี้พอได้ดูภาพเก่าๆ ฟังเพลงเก่าๆ จากนักร้องเก่าๆ มันเหมือนกับการจุดประกายความอบอุ่นออกมาอีกครั้ง เพลงที่ผมได้ฟังครั้งแรก ได้เห็นภาพนั้นอีกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึก เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างที่ผมสังเกตได้ก็คือ ภาพ พี่เล็ก ยกมือขึ้นมาโบกให้แฟนเพลงครับ

จะมีภาพ พี่เล็ก นั่งอยู่แบบเซ็งๆ คงจะเสียใจที่เล่นคอนเสิร์ตไม่จบ ผมสังเกตเห็นที่มือขวา มีบุหรี่ หนีบอยู่ ... เฮ้ย..พี่เล็กยังดูดบุหรี่อยู่เลย มองแล้วยิ้ม เพราะสมัยนั้นเรื่องบุหรี่เป็นเรื่องปกติครับ ใครๆก็สูบกัน และตอนนี้ พี่เล็กก็เลิกไปแล้ว (หรือเปล่า) นั่นคือมุมมองที่เปลี่ยนไปตามเวลาครับ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมก็ยังสูบอยู่ครับ ฮีโร่ ในดวงใจเลิกแล้ว แต่สาวก อย่างผม ยังคีบบุหรี่อยู่โดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด 555

ผมนั่งดูรายการนี้จนจบ พร้อมด้วยความหวังที่ว่า ทางน้าแอ๊ด จะร่วมมือกับ ทางเวบ คาราบาว ดอท เนท ทำที่รวบรวมเรื่องราวของคาราบาว เพื่อจะได้เป็นประวัติศาสตร์กันต่อไปให้สำเร็จ เพราะคาราบาวคือ ตำนานที่มีชีวิต ก็ขอเอาใจช่วยให้ทำสำเร็จนะครับ ผมจะไปเยี่ยมชมแน่นอนครับ

ขอบคุณรายการรู้จริงป่ะ ที่ทำให้ผมมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายๆกับ ทุกครั้งที่ผมเหนื่อย ผมจะดูหนัง เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ครับ ไม่รู้ว่าทำไม ผมดูหนังเรื่องนี้แล้วมีแรงขึ้นมาทุกที อาจจะเป็นความสามารถส่วนบุคคลห้ามลอกเลียนแบบก็เป็นได้ครับ แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้จริงๆ

ไว้วันหน้าจะมาบ่นใหม่นะครับ ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะร้องเพลงส่งทุกท่านจนออกไปถึงหน้าประตูเลยนะครับ

ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซากคันไกแล้วเศร้า
เห็นนาที่ร้างนั้นมีแต่ฟางแทนรวงข้าว เห็นเคียวที่เกี่ยวติดเสา เล่นเอาใจเราสะท้อน.............

อ้าวๆๆๆ แล้วทำไมไม่เดินกันต่อละครับ ผิดสัญญานี่ครับ คนสุพรรณ เขาถือ นะครับ...เดินไปเรื่อยๆครับ

ทุ่งนาแดนนี้คงร้างไปอีกนาน ข้าเองก็เหลือจะทาน เพราะมันแสนสุดจะแก้
หมดกำลังใจแล้วเรียมเอ๋ยข้าคงตายแน่ ถ้าไถไปอีกก็กลัวแพ้
เพราะรอยมันแปรเสียแล้วเรียมเอย..........

สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น