บันทึกของเมื่อวาน 28 มีนาคม 2560
ตื่นนอน มาแบบยังเพลียๆ รอฝนตก ฟ้ามืดเหมือนจะตกแต่ไม่ตก อ่านในเฟซบุ๊ค มีแต่คนบอกว่าฝนตก แต่ที่บ้านไม่ตก นั่งทำรูปต่อไปเรื่อยๆจนเที่ยง ตัดสินใจเข้าสวนไปตัดหญ้าต่อ เหลืออีกไม่มากแล้ว คาดว่าอีกสองวันน่าจะเสร็จ วันนี้ตัดลงไปจนเหลืออีกนิดหน่อยคือบริเวณที่เจองูเห่าวันก่อน
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาเคลียร์ บริเวณนี้ต้องระวังมากหน่อย มันมีโพรง มีขอนไม้มาก ดูๆแล้วน่าจะเป็นที่สัปปายะของงู และสัตว์เลื้อยคลาน เสร็จงานสวนลงมา อาบน้ำ ออกไปวัดทุ่งเซียด เอาแฟลชไปคืนอาจารย์แดง นั่งคุยกันพักใหญ่ ก่อนจะลากลับ ขากลับว่าจะแวะซื้อกับข้าว เจอฝนตก เปลี่ยนใจเข้าบ้านเลยดีกว่า
ฝนตกไม่หนักมากแต่ก็ทำให้ชุ่มชื้นขึ้น จัดการเปิดปลากระป๋อง กินข้าวอีกมื้อ แล้วนั่งทำรูปต่อไปเรื่อยๆ ยังมีรูปค้างอยู่อีกหลายร้อยรูปเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเสร็จไปนานแล้ว แต่ช่วงนี้ มีงานให้ทำเยอะมาก เลยต้องใช่เวลามากน่อย
เผลอชงกาแฟกินตอนทำรูปช่วงหัวค่ำ ปิดคอม ลงนอนแล้วก็ไม่หลับ พลิกไปพลิกมา นึกขึ้นได้ว่าปลากระป๋องยังเหลือ เสียดายของ จัดการให้หมดเลยดีกว่า กินข้าวอีกรอบตอนตีหนึ่ง แล้วกลับมานอนหลับยาวจนเช้าเลย
วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 27 มีนาคม 2560
ตื่นนอนตีห้าครึ่ง ออกจากบ้านหกโมง ไปรับแม่ที่ในตลาด ซื้อแกง เข้ามากินที่บ้านสองถุง กลับเข้าบ้าน ฝนทำท่าจะตก เลยยังไม่ทำอะไร นั่งลงรูปฟุตบอลงาน 120 ปี การรถไฟ รออยู่นาน ฝนก็ยังไม่ตก
สิบโมงกว่าๆ ออกไปในเมืองไปซื้อโล่งโต้งให้พ่อกับแม่ เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณวัดธรรมบูชา ท่านไม่ค่อยสบาย นั่งคุยกันพักใหญ่ๆ ขับรถกลับเข้าบ้าน ฝนตกลงมาตลอดทาง คิดว่าที่บ้านต้องตกหนักแน่นอน แต่ผิดคาด ฝนตกดินยังไม่ทันจะชื้นก็หยุด แต่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเข้าสวนต่อแล้ว
นั่งทำรูปไปเรื่อยๆ นัดแม่ไว้ว่าตอนหกโมงครึ่งจะขับรถให้แม่ ไปงานศพที่หัวเตย นั่งทำรูปไป พักไปเป็นระยะๆ มึนๆหัว ตาลาย แสบตา คงเป็นเพราะช่วงนี้อายุย่างเข้าวัยรุ่นแล้ว ทำให้มองหน้าจอนานๆไม่ได้
หกโมงครึ่ง ออกไปงานศพที่หัวเตย กินข้าวในงาน วันนี้มีพระเทศน์ ฟังสวดเสร็จแล้วกลับบ้าน ช่วงดึกยังแอบหิว กินข้าวกับปลาทอด ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้า แมวมานั่งรอส่วนแบ่งด้วย หนึ่งคนกับสามแมวแบ่งปลากันลงตัว แล้วแยกย้ายกันไปนอน
สิบโมงกว่าๆ ออกไปในเมืองไปซื้อโล่งโต้งให้พ่อกับแม่ เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณวัดธรรมบูชา ท่านไม่ค่อยสบาย นั่งคุยกันพักใหญ่ๆ ขับรถกลับเข้าบ้าน ฝนตกลงมาตลอดทาง คิดว่าที่บ้านต้องตกหนักแน่นอน แต่ผิดคาด ฝนตกดินยังไม่ทันจะชื้นก็หยุด แต่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเข้าสวนต่อแล้ว
นั่งทำรูปไปเรื่อยๆ นัดแม่ไว้ว่าตอนหกโมงครึ่งจะขับรถให้แม่ ไปงานศพที่หัวเตย นั่งทำรูปไป พักไปเป็นระยะๆ มึนๆหัว ตาลาย แสบตา คงเป็นเพราะช่วงนี้อายุย่างเข้าวัยรุ่นแล้ว ทำให้มองหน้าจอนานๆไม่ได้
หกโมงครึ่ง ออกไปงานศพที่หัวเตย กินข้าวในงาน วันนี้มีพระเทศน์ ฟังสวดเสร็จแล้วกลับบ้าน ช่วงดึกยังแอบหิว กินข้าวกับปลาทอด ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้า แมวมานั่งรอส่วนแบ่งด้วย หนึ่งคนกับสามแมวแบ่งปลากันลงตัว แล้วแยกย้ายกันไปนอน
บันทึกของเมื่อวาน 26 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 26 มีนาคม 2560
ตื่นพร้อมเสียงนาฬิกาปลุก ตีห้าครึ่ง จัดเตรียมของแล้วออกเดินทาง ขับรถมาจอดที่สถานีรถไฟ เดินมาซื้อกาแฟคาราบาวแดงแล้วเดินกลับเข้าไปในสถานี
ตอนแรกตั้งใจจะไปขบวน 447 สุราษฎร์ธานี - สุไหงโกลก ที่ออกตอน หกโมงยี่สิบ แต่พอดีขบวน 173 รถเร็วนครศรีธรรมราช เข้ามาก่อน พี่บ่าว กับศักดิ์ ทำขบวนมาพอดีเลยเปลี่ยนไปขบวนนี้เลย ถึงเร็วกว่าอีกหน่อย
สภาพอากาศเช้านี้มีหมอกลงหนาตลอดทาง เย็นสบาย ไม่ร้อนมาก แต่ก็ทำให้ง่วง เพราะนอนน้อย เดินทางติดๆกันมาหลายวัน ถึงทุ่งสง แปดโมงนิดๆ เดินออกจากสถานี ยังไม่ทันถึงบ้านพี่บ่าว ขบวน 447 ก็เข้ามาพอดี ถ้าจะมาทุ่งสง รถสองขบวนนี้เวลาไม่ต่างกันมากนัก
ไปสนามบอล นั่งหามุมสงบถ่ายรูป มีสี่ทีม คู่แรก ฝ่ายช่างกล ชนะ สื่อสาร ด้วยการยิงลูกโทษ อีกคู่ โยธาชนะเดินรถ จำสกอร์ไม่ได้ พอเที่ยงแอบไปชาร์จแบตกล้องที่บ้านพักของศักดิ์ แล้วมากินข้าวเที่ยงที่สหภาพ ก่อนจะกลับมาที่สนามอีกรอบ
แดดร้อนมาก ออกไป ปตท. ซื้อกาแฟมากินคนละแก้ว ก่อนจะนั่งถ่ายรูปเงียบๆอยู่ใต้ต้นไม้ คู่ชิงที่สาม สื่อสารชนะเดินรถ ส่วนคู่ชิงชนะเลิศ ช่างกลแชมป์เก่าชนะโยธาได้อีกปี เสร็จงานกลับมาบ้านพี่บ่าว จัดเตรียมของ หารถกลับบ้าน ไม่ทันขบวน 448 เลยต้องหารถขบวนอื่น
รถเต็มเกือบทุกขบวน ได้ตั๋วชั้นสามขบวน 170 ยะลา - กรุงเทพ รถช้าประมาณสามสิบนาที นั่งมาบนรถรู้สึกได้ว่า รถสะอาดมาก มีการดูแลดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน รถไฟจะพัฒนากว่านี้แน่ๆ ถ้ายกเลิกผู้รับเหมา สัมภาระกับรถเสบียง รวมถึงคนทำความสะอาด เอามาให้รถไฟทำเองจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้การรถไฟได้มากกว่านี้
ออกทุ่งสงรถช้าประมาณสามสิบนาที แต่ พขร. ทำเวลาได้ดีมาก รถดี ทางดี ปกติช่วงจากนาสารถึงสุราษฎร์ธานี รถจะวิ่งประมาณ สี่สิบนาที ซึ่งเร็วกว่าทางถนนอยู่แล้ว แต่ขบวน 170 วันนี้วิ่งสามสิบนาที ทำให้ตอนออกจาก สุราษฎร์ธานี เหลือช้าสิบกว่านาที คาดว่าจะทำเวลาคืนได้จนวิ่งตามเวลาในที่สุด
รถวิ่งเร็ว แต่ไม่ได้วิ่งเกินความเร็วที่กำหนด เพราะทางตอนนี้รองรับได้มากกว่าความเร็วรถจักรอยู่แล้ว แต่ที่วิ่งได้เร็ว ทำเวลาได้ เกิดจาก ทักษะความชำนาญของ พขร. และ ชค. ที่ควบคุมรถได้ดี ชำนาญเส้นทาง และรับห่วงทางสะดวกได้เต็มความเร็ว
ลงจากรถไฟ ขึ้นรถยนต์ต่อ ขับรถเข้าตลาดซื้อข้าวมากินที่บ้าน ถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม กินข้าวเสร็จ ง่วงนอนมากๆ แต่กัดฟันลงรูปไปสี่ห้ารูปก่อน แล้วนอน พักหลังๆนอนดึกไม่ค่อยไหว มองหน้าจอนานๆก็ไม่ค่อยได้ มันแสบตา
พรุ่งนี้ต้องไปรับแม่ที่มากับรถทัวร์ท่องเที่ยว ตั้งนาฬิกาไว้ตีห้าครึ่งอีกแล้ว หลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆเหมือนปิดสวิทช์ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที
ตื่นพร้อมเสียงนาฬิกาปลุก ตีห้าครึ่ง จัดเตรียมของแล้วออกเดินทาง ขับรถมาจอดที่สถานีรถไฟ เดินมาซื้อกาแฟคาราบาวแดงแล้วเดินกลับเข้าไปในสถานี
ตอนแรกตั้งใจจะไปขบวน 447 สุราษฎร์ธานี - สุไหงโกลก ที่ออกตอน หกโมงยี่สิบ แต่พอดีขบวน 173 รถเร็วนครศรีธรรมราช เข้ามาก่อน พี่บ่าว กับศักดิ์ ทำขบวนมาพอดีเลยเปลี่ยนไปขบวนนี้เลย ถึงเร็วกว่าอีกหน่อย
สภาพอากาศเช้านี้มีหมอกลงหนาตลอดทาง เย็นสบาย ไม่ร้อนมาก แต่ก็ทำให้ง่วง เพราะนอนน้อย เดินทางติดๆกันมาหลายวัน ถึงทุ่งสง แปดโมงนิดๆ เดินออกจากสถานี ยังไม่ทันถึงบ้านพี่บ่าว ขบวน 447 ก็เข้ามาพอดี ถ้าจะมาทุ่งสง รถสองขบวนนี้เวลาไม่ต่างกันมากนัก
ไปสนามบอล นั่งหามุมสงบถ่ายรูป มีสี่ทีม คู่แรก ฝ่ายช่างกล ชนะ สื่อสาร ด้วยการยิงลูกโทษ อีกคู่ โยธาชนะเดินรถ จำสกอร์ไม่ได้ พอเที่ยงแอบไปชาร์จแบตกล้องที่บ้านพักของศักดิ์ แล้วมากินข้าวเที่ยงที่สหภาพ ก่อนจะกลับมาที่สนามอีกรอบ
แดดร้อนมาก ออกไป ปตท. ซื้อกาแฟมากินคนละแก้ว ก่อนจะนั่งถ่ายรูปเงียบๆอยู่ใต้ต้นไม้ คู่ชิงที่สาม สื่อสารชนะเดินรถ ส่วนคู่ชิงชนะเลิศ ช่างกลแชมป์เก่าชนะโยธาได้อีกปี เสร็จงานกลับมาบ้านพี่บ่าว จัดเตรียมของ หารถกลับบ้าน ไม่ทันขบวน 448 เลยต้องหารถขบวนอื่น
รถเต็มเกือบทุกขบวน ได้ตั๋วชั้นสามขบวน 170 ยะลา - กรุงเทพ รถช้าประมาณสามสิบนาที นั่งมาบนรถรู้สึกได้ว่า รถสะอาดมาก มีการดูแลดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน รถไฟจะพัฒนากว่านี้แน่ๆ ถ้ายกเลิกผู้รับเหมา สัมภาระกับรถเสบียง รวมถึงคนทำความสะอาด เอามาให้รถไฟทำเองจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้การรถไฟได้มากกว่านี้
ออกทุ่งสงรถช้าประมาณสามสิบนาที แต่ พขร. ทำเวลาได้ดีมาก รถดี ทางดี ปกติช่วงจากนาสารถึงสุราษฎร์ธานี รถจะวิ่งประมาณ สี่สิบนาที ซึ่งเร็วกว่าทางถนนอยู่แล้ว แต่ขบวน 170 วันนี้วิ่งสามสิบนาที ทำให้ตอนออกจาก สุราษฎร์ธานี เหลือช้าสิบกว่านาที คาดว่าจะทำเวลาคืนได้จนวิ่งตามเวลาในที่สุด
รถวิ่งเร็ว แต่ไม่ได้วิ่งเกินความเร็วที่กำหนด เพราะทางตอนนี้รองรับได้มากกว่าความเร็วรถจักรอยู่แล้ว แต่ที่วิ่งได้เร็ว ทำเวลาได้ เกิดจาก ทักษะความชำนาญของ พขร. และ ชค. ที่ควบคุมรถได้ดี ชำนาญเส้นทาง และรับห่วงทางสะดวกได้เต็มความเร็ว
ลงจากรถไฟ ขึ้นรถยนต์ต่อ ขับรถเข้าตลาดซื้อข้าวมากินที่บ้าน ถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม กินข้าวเสร็จ ง่วงนอนมากๆ แต่กัดฟันลงรูปไปสี่ห้ารูปก่อน แล้วนอน พักหลังๆนอนดึกไม่ค่อยไหว มองหน้าจอนานๆก็ไม่ค่อยได้ มันแสบตา
พรุ่งนี้ต้องไปรับแม่ที่มากับรถทัวร์ท่องเที่ยว ตั้งนาฬิกาไว้ตีห้าครึ่งอีกแล้ว หลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆเหมือนปิดสวิทช์ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที
บันทึกของเมื่อวาน 25 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 25 มีนาคม 2560
ติดภาระกิจหลายวัน มาช้าไปหน่อยแต่ถ้าไม่เขียนเก็บไว้ก็จะลืม จะได้เก็บไว้ดูตอนปีหน้า ว่าปีนี้ทำอะไรไว้บ้าง
เช้านี้ตื่นเช้า ออกจากบ้านหกโมง พาพ่อไปนั่งรถเล่น ยังไม่มีเป้าหมายว่าไปไหนดี ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า หมอกลงเต็มถนน สภาพไม่เหมือนเดือนสี่ที่ปกติแล้วจะเริ่มแห้งแล้ง
แวะกินข้าวร้านป้าเอิบ บ้านส้อง ได้ข้าวแล้วหาช้อนไม่เจอ ต้องขอแม่ค้า ทั้งๆที่ปกติจะตั้งไว้ให้หยิบเอาเองที่ด้านหน้า แม่ค้าบอกว่าทัวร์จะลง เวลาทัวร์ลงมากินข้าวที่ร้าน จะให้รับข้าวแล้วไปจ่ายเงินก่อนแล้ว ถึงจะหยิบช้อนไปได้ เพื่อที่เวลากินเสร็จจะได้ไปได้เลย ไม่ต้องรอเรียกเก็บเงิน
ร้านป้าเอิบ เมื่อสมัยทำงานจะแวะกินบ่อย ชอบสั่งต้มไก่บ้านมากิน มีอยู่วันนึง ตอนเที่ยง กำลังหิว สั่งต้มไก่บ้านมาถ้วยนึง เอาช้อนสับลงไปที่เลือดไก่ มันมีน้ำที่อยู่ด้านในฉีดขึ้นมา ลอดแว่นด้านล่างขึ้นมาเข้าตาพอดี แสบตา หายหิวเลย แต่ก็กินจนหมด ด้วยความเสียดาย แล้วค่อยไปล้างหน้าที่ปั๊ม
ออกจากร้านป้าเอิบ เดินทางไปทางอำเภอทุ่งใหญ่ ลำทับ คลองท่อม ผ่านทางเข้าเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เลี้ยวเข้าไปดูเส้นทาง ดูสองข้างทางเจริญขึ้นมาก สมัยที่มาครั้งแรกมีแต่ป่า เดี๋ยวนี้มีเมือง มีปั๊ม มีเซเว่นด้วย ที่เข้ามาตั้งใจว่าจะมาดูมะม่วงแอปเปิ้ล ที่เหมือนมะม่วงเบาแต่ลูกใหญ่กว่า รสชาติไม่เปรี้ยว สมัยมาทำงานจะวางขายอยู่ตรงท่าเรือเยอะมาก
แต่วันนี้ไม่มีให้เห็น บนต้นก็มีแต่ลูกเล็กๆที่เพิ่งพ้นจากดอกมา สงสัยจะยังไม่ถึงฤดูของมัน เลยกลับรถออกมาไปทางอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พาพ่อไปนั่งกินข้าวผัด ต้มยำที่หาดปากเมง ว่าจะนั่งยาวๆแต่ฝนตกลงมา เลยเปลี่ยนแผน ขับรถออกมาทางอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
ฝนตกตลอดทาง ตัดสินใจกลับบ้านเลยดีกว่า เพราะจริงๆแล้วก็ตั้งใจพาพ่อมานั่งรถเล่นเท่านั้น ออกมาทางอำเภอทุ่งสง บอกพ่อว่าพรุ่งนี้จะมาทุ่งสงอีก จะมาด้วยหรือเปล่า พ่อว่าไม่มาแล้ว กลัวฝนจะตกอีก
ก่อนเข้าบ้าน แวะซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ร้านนี้เพิ่งเปิดไม่เคยกิน ซื้อใส่ถุงกลับบ้าน ... รสชาติไม่ดีเลย ไม่อร่อยขนาดไม่มีใครกิน ผมต้องกินคนเดียว สามถุง เลือกเอาหมูมารวมๆกันจนหมด ด้วยความเสียดาย แต่รอบหน้าคงไม่พลาดซื้อมาอีกแล้ว
เข้าบ้านธานินทร์ส่งไลน์มาถามเรื่องเคเบิ้ลไทร์ จะเอาไปมัดกระสอบ บอกว่ามีเยอะ ถ้าไม่รีบวันจันทร์จะเอาไปให้ เพราะพรุงนี้มีธุระ แต่ถ้ารีบให้เข้ามาเอาเลย
ปรากฏว่าธานินทร์รีบ เข้ามาเอาที่บ้านตอนหกโมง พอธานินทร์ออกไปแล้ว ผมออกจากบ้านอีกรอบ แวะไปตียิม จับโปเกม่อน แล้วเข้าไปในตลาดหาขนมมากินแล้วเข้าบ้าน เตรียมของเพื่อเดินทางไปทุ่งสง งานสถาปนาการรถไฟ
นานมากแล้วที่ไม่ได้ถ่ายภาพฟุตบอล ไม่รู้ว่าจะออกมายังไงบ้าง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่ง รถไฟขบวนที่จะไปออกจากสุราษฎร์ธานี เวลา 6:20 เป็นรถไฟฟรี นั่งสบายๆ ถึงทุ่งสง แปดโมงครึ่ง นอนเล่นๆไปเรื่อยๆ จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
ติดภาระกิจหลายวัน มาช้าไปหน่อยแต่ถ้าไม่เขียนเก็บไว้ก็จะลืม จะได้เก็บไว้ดูตอนปีหน้า ว่าปีนี้ทำอะไรไว้บ้าง
เช้านี้ตื่นเช้า ออกจากบ้านหกโมง พาพ่อไปนั่งรถเล่น ยังไม่มีเป้าหมายว่าไปไหนดี ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า หมอกลงเต็มถนน สภาพไม่เหมือนเดือนสี่ที่ปกติแล้วจะเริ่มแห้งแล้ง
แวะกินข้าวร้านป้าเอิบ บ้านส้อง ได้ข้าวแล้วหาช้อนไม่เจอ ต้องขอแม่ค้า ทั้งๆที่ปกติจะตั้งไว้ให้หยิบเอาเองที่ด้านหน้า แม่ค้าบอกว่าทัวร์จะลง เวลาทัวร์ลงมากินข้าวที่ร้าน จะให้รับข้าวแล้วไปจ่ายเงินก่อนแล้ว ถึงจะหยิบช้อนไปได้ เพื่อที่เวลากินเสร็จจะได้ไปได้เลย ไม่ต้องรอเรียกเก็บเงิน
ร้านป้าเอิบ เมื่อสมัยทำงานจะแวะกินบ่อย ชอบสั่งต้มไก่บ้านมากิน มีอยู่วันนึง ตอนเที่ยง กำลังหิว สั่งต้มไก่บ้านมาถ้วยนึง เอาช้อนสับลงไปที่เลือดไก่ มันมีน้ำที่อยู่ด้านในฉีดขึ้นมา ลอดแว่นด้านล่างขึ้นมาเข้าตาพอดี แสบตา หายหิวเลย แต่ก็กินจนหมด ด้วยความเสียดาย แล้วค่อยไปล้างหน้าที่ปั๊ม
ออกจากร้านป้าเอิบ เดินทางไปทางอำเภอทุ่งใหญ่ ลำทับ คลองท่อม ผ่านทางเข้าเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เลี้ยวเข้าไปดูเส้นทาง ดูสองข้างทางเจริญขึ้นมาก สมัยที่มาครั้งแรกมีแต่ป่า เดี๋ยวนี้มีเมือง มีปั๊ม มีเซเว่นด้วย ที่เข้ามาตั้งใจว่าจะมาดูมะม่วงแอปเปิ้ล ที่เหมือนมะม่วงเบาแต่ลูกใหญ่กว่า รสชาติไม่เปรี้ยว สมัยมาทำงานจะวางขายอยู่ตรงท่าเรือเยอะมาก
แต่วันนี้ไม่มีให้เห็น บนต้นก็มีแต่ลูกเล็กๆที่เพิ่งพ้นจากดอกมา สงสัยจะยังไม่ถึงฤดูของมัน เลยกลับรถออกมาไปทางอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พาพ่อไปนั่งกินข้าวผัด ต้มยำที่หาดปากเมง ว่าจะนั่งยาวๆแต่ฝนตกลงมา เลยเปลี่ยนแผน ขับรถออกมาทางอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
ฝนตกตลอดทาง ตัดสินใจกลับบ้านเลยดีกว่า เพราะจริงๆแล้วก็ตั้งใจพาพ่อมานั่งรถเล่นเท่านั้น ออกมาทางอำเภอทุ่งสง บอกพ่อว่าพรุ่งนี้จะมาทุ่งสงอีก จะมาด้วยหรือเปล่า พ่อว่าไม่มาแล้ว กลัวฝนจะตกอีก
ก่อนเข้าบ้าน แวะซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ร้านนี้เพิ่งเปิดไม่เคยกิน ซื้อใส่ถุงกลับบ้าน ... รสชาติไม่ดีเลย ไม่อร่อยขนาดไม่มีใครกิน ผมต้องกินคนเดียว สามถุง เลือกเอาหมูมารวมๆกันจนหมด ด้วยความเสียดาย แต่รอบหน้าคงไม่พลาดซื้อมาอีกแล้ว
เข้าบ้านธานินทร์ส่งไลน์มาถามเรื่องเคเบิ้ลไทร์ จะเอาไปมัดกระสอบ บอกว่ามีเยอะ ถ้าไม่รีบวันจันทร์จะเอาไปให้ เพราะพรุงนี้มีธุระ แต่ถ้ารีบให้เข้ามาเอาเลย
ปรากฏว่าธานินทร์รีบ เข้ามาเอาที่บ้านตอนหกโมง พอธานินทร์ออกไปแล้ว ผมออกจากบ้านอีกรอบ แวะไปตียิม จับโปเกม่อน แล้วเข้าไปในตลาดหาขนมมากินแล้วเข้าบ้าน เตรียมของเพื่อเดินทางไปทุ่งสง งานสถาปนาการรถไฟ
นานมากแล้วที่ไม่ได้ถ่ายภาพฟุตบอล ไม่รู้ว่าจะออกมายังไงบ้าง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่ง รถไฟขบวนที่จะไปออกจากสุราษฎร์ธานี เวลา 6:20 เป็นรถไฟฟรี นั่งสบายๆ ถึงทุ่งสง แปดโมงครึ่ง นอนเล่นๆไปเรื่อยๆ จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
บันทึกของเมื่อวาน 24 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 24 มีนาคม 2560
ตื่นเช้าเดินเข้าสวน เข้าดูน้ำในห้วย แห้งเพิ่มขึ้นอีกล็อค ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตก เดินขึ้นไปแต่งต้นกล้วยด้านบน พอจะกลับนึกได้ว่าลืมเอาถุงขึ้นมาเก็บหมาก กลับลงมาที่บ้านเอาถุงเดินกลับขึ้นไปเก็บหมากอีกรอบ ช่วงนี้หมากมีไม่มากนัก ปีที่แล้วต้นหมากตายไปหลายต้นปีนี้เลยปลูกใหม่ไว้หลายสิบต้น คาดว่าก่อนอายุหกสิบคงจะได้เก็บขาย
กลับเข้าบ้าน นั่งกินกาแฟ สูบใบจากดูปลาหน้าบ้าน เดินไปบ้านแม่ ถามว่าแม่ว่าจะเดินทางกี่โมงจะได้ลงจากสวนมาให้ทัน แม่บอกว่าบ่ายโมงครึ่ง ยังมีเวลาอีกพอสมควร
เปลี่ยนแผนพาคุณนายที่บ้านออกไปตลาด ไปซื้อยาแก้ปวดกับแกงมากินมื้อเช้า ซื้ออาหารปลาดุกมาอีกสามกิโล อาหารปลาหมดมาตั้งแต่สองวันที่แล้ว ยังไม่ว่างไปซื้อ วันนี้เลยต้องออกมาซื้อเสียก่อน เดี๋ยวจะไม่ว่างอีกหลายวัน
เข้าบ้านกินข้าว ผสมน้ำมันเบนซินที่ซื้อมาเมื่อวาน ใส่เครื่องตัดหญ้าแล้วขึ้นไปบนสวน ลืมอาหารปลาอีกแล้ว ต้องเดินลงมาเอา ช่วงนี้หลงๆ ลืมๆ บ่อยแท้ นี่ขนาดพยายามเขียนบันทึกทุกวัน เพื่อให้สมองได้ใช้งานทุกวัน ป้องกันการหลงๆลืมๆตอนวัยชรา แต่ก็ยังลืมอยู่ประจำ
กลับขึ้นมาในสวนอีกครั้ง เดินให้อาหารปลาจนหมดทุกบ่อ เท่ากับว่าวันนี้ผมเดินขึ้นเดินลง ระหว่างสวนกับบ้าน สี่รอบ
วันนี้เอากล้องขึ้นมาด้วย ช่วงนี้นกเริ่มมาก ลูกนกเกิดใหม่เริ่มออกหัดบิน วันนี้ได้ภาพนกหัวขวานหลายภาพ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจถ่ายมากนัก รีบตัดหญ้าให้เสร็จตามที่วางแผนไว้ เพราะบ่ายโมงครึ่งต้องออกไปส่งแม่ที่ท่าข้าม แม่เดินทางไปเขาคิชกูฏกับเพื่อน
ส่งแม่เสร็จขับรถเข้าเมือง ว่าจะไปธุระที่ท่านเจ้าคุณวัดธรรมบูชา แต่ท่านไม่อยู่ แวะไปซื้อราดหน้าร้านผ้าขาวม้าแดงแถวๆศาลเจ้ามาให้พ่อ ขับรถกลับบ้าน รถติดพอสมควร แต่ก็ติดเพราะสาเหตุเดิมๆ คือต่างคนต่างไม่ยอมกัน และจอดรถในที่ห้ามจอด ขวางทางคนอื่น
กว่าจะกลับถึงบ้านเหนื่อยเหมือนกันนะ ขับรถในเมืองช่วงนี้ อากาศร้อนๆ มีแต่คนรีบ มีแต่คนใจร้อน เลยต้องขับระมัดระวังให้มากหน่อย ไม่อยากโดนไล่เตะกลางถนน รวมทั้งกลัวจะโดนถ่ายคลิปมาด่าในโลกโซเชียล
เข้าบ้าน มานั่งเล่นเกมส์โปเกม่อน จัดตัว ทรานเฟอร์ อีโว อัพพาวเวอร์ ไปตามเรื่องตามราว จนถึงช่วงหัวค่ำ อากาศร้อนมาก ชวนคุณนายขับรถออกไปนั่งกินชาเย็นกับขนมปังปิ้งริมแม่น้ำตาปี วันนี้เห็นมีเรือพายมาซ้อมอยู่ด้วย คงจะใกล้เข้าฤดูกาลแข่งเรือยาวกันอีกแล้ว
สามทุ่มกว่าๆกลับเข้าบ้าน รีบนอน พรุ่งนี้มีธุระต้องพาพ่อไปข้างนอกตั้งแต่เช้า นัดเอาไว้เจ็ดโมงเช้า แต่ผมต้องเข้าไปในสวนก่อน ตั้งใจว่าจะตื่นประมาณหกโมง ทำธุระให้เสร็จก่อนเจ็ดโมง แต่จะทำได้หรือเปล่าค่อยว่ากันอีกที
ตื่นเช้าเดินเข้าสวน เข้าดูน้ำในห้วย แห้งเพิ่มขึ้นอีกล็อค ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตก เดินขึ้นไปแต่งต้นกล้วยด้านบน พอจะกลับนึกได้ว่าลืมเอาถุงขึ้นมาเก็บหมาก กลับลงมาที่บ้านเอาถุงเดินกลับขึ้นไปเก็บหมากอีกรอบ ช่วงนี้หมากมีไม่มากนัก ปีที่แล้วต้นหมากตายไปหลายต้นปีนี้เลยปลูกใหม่ไว้หลายสิบต้น คาดว่าก่อนอายุหกสิบคงจะได้เก็บขาย
กลับเข้าบ้าน นั่งกินกาแฟ สูบใบจากดูปลาหน้าบ้าน เดินไปบ้านแม่ ถามว่าแม่ว่าจะเดินทางกี่โมงจะได้ลงจากสวนมาให้ทัน แม่บอกว่าบ่ายโมงครึ่ง ยังมีเวลาอีกพอสมควร
เปลี่ยนแผนพาคุณนายที่บ้านออกไปตลาด ไปซื้อยาแก้ปวดกับแกงมากินมื้อเช้า ซื้ออาหารปลาดุกมาอีกสามกิโล อาหารปลาหมดมาตั้งแต่สองวันที่แล้ว ยังไม่ว่างไปซื้อ วันนี้เลยต้องออกมาซื้อเสียก่อน เดี๋ยวจะไม่ว่างอีกหลายวัน
เข้าบ้านกินข้าว ผสมน้ำมันเบนซินที่ซื้อมาเมื่อวาน ใส่เครื่องตัดหญ้าแล้วขึ้นไปบนสวน ลืมอาหารปลาอีกแล้ว ต้องเดินลงมาเอา ช่วงนี้หลงๆ ลืมๆ บ่อยแท้ นี่ขนาดพยายามเขียนบันทึกทุกวัน เพื่อให้สมองได้ใช้งานทุกวัน ป้องกันการหลงๆลืมๆตอนวัยชรา แต่ก็ยังลืมอยู่ประจำ
กลับขึ้นมาในสวนอีกครั้ง เดินให้อาหารปลาจนหมดทุกบ่อ เท่ากับว่าวันนี้ผมเดินขึ้นเดินลง ระหว่างสวนกับบ้าน สี่รอบ
วันนี้เอากล้องขึ้นมาด้วย ช่วงนี้นกเริ่มมาก ลูกนกเกิดใหม่เริ่มออกหัดบิน วันนี้ได้ภาพนกหัวขวานหลายภาพ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจถ่ายมากนัก รีบตัดหญ้าให้เสร็จตามที่วางแผนไว้ เพราะบ่ายโมงครึ่งต้องออกไปส่งแม่ที่ท่าข้าม แม่เดินทางไปเขาคิชกูฏกับเพื่อน
ส่งแม่เสร็จขับรถเข้าเมือง ว่าจะไปธุระที่ท่านเจ้าคุณวัดธรรมบูชา แต่ท่านไม่อยู่ แวะไปซื้อราดหน้าร้านผ้าขาวม้าแดงแถวๆศาลเจ้ามาให้พ่อ ขับรถกลับบ้าน รถติดพอสมควร แต่ก็ติดเพราะสาเหตุเดิมๆ คือต่างคนต่างไม่ยอมกัน และจอดรถในที่ห้ามจอด ขวางทางคนอื่น
กว่าจะกลับถึงบ้านเหนื่อยเหมือนกันนะ ขับรถในเมืองช่วงนี้ อากาศร้อนๆ มีแต่คนรีบ มีแต่คนใจร้อน เลยต้องขับระมัดระวังให้มากหน่อย ไม่อยากโดนไล่เตะกลางถนน รวมทั้งกลัวจะโดนถ่ายคลิปมาด่าในโลกโซเชียล
เข้าบ้าน มานั่งเล่นเกมส์โปเกม่อน จัดตัว ทรานเฟอร์ อีโว อัพพาวเวอร์ ไปตามเรื่องตามราว จนถึงช่วงหัวค่ำ อากาศร้อนมาก ชวนคุณนายขับรถออกไปนั่งกินชาเย็นกับขนมปังปิ้งริมแม่น้ำตาปี วันนี้เห็นมีเรือพายมาซ้อมอยู่ด้วย คงจะใกล้เข้าฤดูกาลแข่งเรือยาวกันอีกแล้ว
สามทุ่มกว่าๆกลับเข้าบ้าน รีบนอน พรุ่งนี้มีธุระต้องพาพ่อไปข้างนอกตั้งแต่เช้า นัดเอาไว้เจ็ดโมงเช้า แต่ผมต้องเข้าไปในสวนก่อน ตั้งใจว่าจะตื่นประมาณหกโมง ทำธุระให้เสร็จก่อนเจ็ดโมง แต่จะทำได้หรือเปล่าค่อยว่ากันอีกที
วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560
ลูกนกหัวขวานหลังบ้าน
ลูกนกหัวขวานหลังบ้าน
เป็นลูกนกที่เกิดปีนี้ พ.ศ.2560 กำลังหัดบิน ขนยังไม่เต็ม หงอนยังไม่ชัด รอดูต่อไปว่าจะเหลือกี่ตัว แต่มากกว่าปีที่แล้ว เพราะยังมีอาหารตามธรรมชาติให้มันกิน
เป็นลูกนกที่เกิดปีนี้ พ.ศ.2560 กำลังหัดบิน ขนยังไม่เต็ม หงอนยังไม่ชัด รอดูต่อไปว่าจะเหลือกี่ตัว แต่มากกว่าปีที่แล้ว เพราะยังมีอาหารตามธรรมชาติให้มันกิน
บันทึกของเมื่อวาน 23 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 23 มีนาคม 2560
ตื่นมาตีห้ากว่าๆแต่ก่อนที่นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตีห้าครึ่งจะดัง รู้สึกได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก
วันนี้พาพ่อไปตรวจสุขภาพที่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ออกจากบ้านตอนหกโมง ถึงโรงพยาบาลประมาณหกโมงครึ่ง ยื่นบัตร รับบัตรคิวเจาะเลือด ได้คิวที่ 54
โอ้ ... แล้วคิวที่ 1 นี่ต้องมาตั้งแต่กี่โมง
ได้คิวแล้ว มานั่งรอเรียกชื่อที่หน้าห้องเจาะเลือด คนมากมายเหลือเกิน ที่นั่งไม่พอ คงเป็นเพราะ หนึ่งคนไข้ จะมีญาติมาด้วย ทำให้คนที่มาใช้บริการดูมากทุกวัน การดูแลของเจ้าหน้าที่ จึงต้องบริการทั้งคนไข้และญาติ แต่ก็แบ่งปันที่นั่งกันไปตามความเหมาะสม ที่นั่งจัดไว้สำหรับ ผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ญาติที่มาด้วยก็ยืนรอ
พ่อได้คิวที่ 54 ตอนแรกคิดว่าจะต้องรอนาน แต่ไม่เลย แปดโมงเริ่มเปิดให้เข้าห้อง เรียกตามคิว ครั้งละหกคน มีเจ้าหน้าที่รออยู่ด้านในพร้อมทุกช่อง จัดทางเข้าออกไว้ชัดเจน ทำให้พ่อได้เข้าไปเจาะเลือด ก่อนเก้าโมง และทำได้รวดเร็วดีมาก
เสร็จจากเจาะเลือด ไปห้องเอ๊กซเรย์ ยื่นเอกสาร รับบัตรคิว เรียกเร็วมาก บอกลำดับและห้องชัดเจน เจ้าหน้าที่ดูจะมีใจรักในงานบริการ บรรยากาศในการติดต่อ การรอรับบริการจึงดูสบายๆ ไม่อึดอัด รับเอกสารเสร็จแล้ว ออกไปรอหน้าห้องด้านนอก พ่อไปรอที่ห้องเบอร์ห้า ไม่ต้องเปลี่ยนชุด ใช้เวลา สิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย
วันนี้เจอโชคชัย พาแม่ยายมาตรวจเบาหวาน โชคซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาฝากกับกาแฟคาราบาวแดง พ่อไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนเพราะต้องเจาะเลือด พอเสร็จตรงนี้เลยให้พ่อกินหมูปิ้งรองท้องไปก่อน ส่วนกาแฟผมจัดการเอง
เสร็จจากห้องเอ๊กซเรย์ เดินต่อไปห้องตรวจคลื่นหัวใจ แต่หลงทางไปไม่ถูก ต้องถามเจ้าหน้าที่ ที่เดินไปมาอยู่แถวๆนั้น ก็ได้รับคำตอบที่ดี ยิ้มแย้ม ดูมีใจที่จะบริการ ตอนแรกน้องเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน แต่ก็เข้าไปถามคนที่รู้ให้ แล้วกลับมาพาไปเดินดูเส้นทาง บอกตรงไปทางนี้ เลี้ยวซ้ายตรงนั้น อย่างละเอียด
ขอบคุณมากๆ
มาถึงหน้าห้องตรวจคลื่นหัวใจ เจอพยาบาลยืนอยู่หน้าห้อง สอบถามรายละเอียด ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง พยาบาลถามว่าไปตรงไหนมาแล้วบ้าง ขอดูเอกสาร พอเห็นว่าครบ ก็บอกว่า เข้าห้องเลย ไม่ต้องรอ คิวว่างพอดี
สรุปว่า พ่อใช้เวลาในการเจาะเลือด เอ๊กซเรย์ ตรวจคลื่นหัวใจ เสร็จภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง มาตรฐานการให้บริการอยู่ในระดับที่ดีเลย
เสร็จจากโรงพยาบาล พาพ่อไปกินข้าวหมูแดงร้านประจำในเมืองแล้วกลับบ้านมาพักผ่อน ตอนเย็นจะไปหาหมออีกครั้งที่คลีนิคนอกเวลา หลังสี่โมงเย็น พ่อพักผ่อน ผมออกจากบ้านมาจ่ายค่าน้ำประปา แวะจับโปเกม่อนนิดหน่อย วันนี้มีอีเวนท์พิเศษ มีตัวหายากออกมาให้จับเยอะมาก
บ่ายสามครึ่งออกจากบ้าน มาถึงโรงพยาบาลสี่โมง นั่งรอหมออยู่หน้าห้อง วัดความดันตามปกติ เจออาจารย์โกมล มาหาหมอด้วย ป่วยเป็นไข้หวัด พ่อได้คิวที่ 4 เพราะไปยื่นบัตรรับคิวไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ห้าโมงกว่าๆก็เสร็จเรียบร้อย มารับยา แล้วก็เสร็จตั้งแต่หกโมงนิดๆ
ก่อนกลับบ้านพาพ่อไปกินข้าวต้ม ในเมือง พ่ออยากกินปลาสลิดทอด กินข้าวกันเสร็จก็กลับบ้าน เมื่อคืนผมนอนเร็วมาก คงเป็นเพราะตื่นเช้า และไม่ได้นอนกลางวัน
ตื่นมาตีห้ากว่าๆแต่ก่อนที่นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตีห้าครึ่งจะดัง รู้สึกได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก
วันนี้พาพ่อไปตรวจสุขภาพที่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ออกจากบ้านตอนหกโมง ถึงโรงพยาบาลประมาณหกโมงครึ่ง ยื่นบัตร รับบัตรคิวเจาะเลือด ได้คิวที่ 54
โอ้ ... แล้วคิวที่ 1 นี่ต้องมาตั้งแต่กี่โมง
ได้คิวแล้ว มานั่งรอเรียกชื่อที่หน้าห้องเจาะเลือด คนมากมายเหลือเกิน ที่นั่งไม่พอ คงเป็นเพราะ หนึ่งคนไข้ จะมีญาติมาด้วย ทำให้คนที่มาใช้บริการดูมากทุกวัน การดูแลของเจ้าหน้าที่ จึงต้องบริการทั้งคนไข้และญาติ แต่ก็แบ่งปันที่นั่งกันไปตามความเหมาะสม ที่นั่งจัดไว้สำหรับ ผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ญาติที่มาด้วยก็ยืนรอ
พ่อได้คิวที่ 54 ตอนแรกคิดว่าจะต้องรอนาน แต่ไม่เลย แปดโมงเริ่มเปิดให้เข้าห้อง เรียกตามคิว ครั้งละหกคน มีเจ้าหน้าที่รออยู่ด้านในพร้อมทุกช่อง จัดทางเข้าออกไว้ชัดเจน ทำให้พ่อได้เข้าไปเจาะเลือด ก่อนเก้าโมง และทำได้รวดเร็วดีมาก
เสร็จจากเจาะเลือด ไปห้องเอ๊กซเรย์ ยื่นเอกสาร รับบัตรคิว เรียกเร็วมาก บอกลำดับและห้องชัดเจน เจ้าหน้าที่ดูจะมีใจรักในงานบริการ บรรยากาศในการติดต่อ การรอรับบริการจึงดูสบายๆ ไม่อึดอัด รับเอกสารเสร็จแล้ว ออกไปรอหน้าห้องด้านนอก พ่อไปรอที่ห้องเบอร์ห้า ไม่ต้องเปลี่ยนชุด ใช้เวลา สิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย
วันนี้เจอโชคชัย พาแม่ยายมาตรวจเบาหวาน โชคซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาฝากกับกาแฟคาราบาวแดง พ่อไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนเพราะต้องเจาะเลือด พอเสร็จตรงนี้เลยให้พ่อกินหมูปิ้งรองท้องไปก่อน ส่วนกาแฟผมจัดการเอง
เสร็จจากห้องเอ๊กซเรย์ เดินต่อไปห้องตรวจคลื่นหัวใจ แต่หลงทางไปไม่ถูก ต้องถามเจ้าหน้าที่ ที่เดินไปมาอยู่แถวๆนั้น ก็ได้รับคำตอบที่ดี ยิ้มแย้ม ดูมีใจที่จะบริการ ตอนแรกน้องเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน แต่ก็เข้าไปถามคนที่รู้ให้ แล้วกลับมาพาไปเดินดูเส้นทาง บอกตรงไปทางนี้ เลี้ยวซ้ายตรงนั้น อย่างละเอียด
ขอบคุณมากๆ
มาถึงหน้าห้องตรวจคลื่นหัวใจ เจอพยาบาลยืนอยู่หน้าห้อง สอบถามรายละเอียด ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง พยาบาลถามว่าไปตรงไหนมาแล้วบ้าง ขอดูเอกสาร พอเห็นว่าครบ ก็บอกว่า เข้าห้องเลย ไม่ต้องรอ คิวว่างพอดี
สรุปว่า พ่อใช้เวลาในการเจาะเลือด เอ๊กซเรย์ ตรวจคลื่นหัวใจ เสร็จภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง มาตรฐานการให้บริการอยู่ในระดับที่ดีเลย
เสร็จจากโรงพยาบาล พาพ่อไปกินข้าวหมูแดงร้านประจำในเมืองแล้วกลับบ้านมาพักผ่อน ตอนเย็นจะไปหาหมออีกครั้งที่คลีนิคนอกเวลา หลังสี่โมงเย็น พ่อพักผ่อน ผมออกจากบ้านมาจ่ายค่าน้ำประปา แวะจับโปเกม่อนนิดหน่อย วันนี้มีอีเวนท์พิเศษ มีตัวหายากออกมาให้จับเยอะมาก
บ่ายสามครึ่งออกจากบ้าน มาถึงโรงพยาบาลสี่โมง นั่งรอหมออยู่หน้าห้อง วัดความดันตามปกติ เจออาจารย์โกมล มาหาหมอด้วย ป่วยเป็นไข้หวัด พ่อได้คิวที่ 4 เพราะไปยื่นบัตรรับคิวไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ห้าโมงกว่าๆก็เสร็จเรียบร้อย มารับยา แล้วก็เสร็จตั้งแต่หกโมงนิดๆ
ก่อนกลับบ้านพาพ่อไปกินข้าวต้ม ในเมือง พ่ออยากกินปลาสลิดทอด กินข้าวกันเสร็จก็กลับบ้าน เมื่อคืนผมนอนเร็วมาก คงเป็นเพราะตื่นเช้า และไม่ได้นอนกลางวัน
เพราะว่า ... ผมรักคุณ
ผมอาจจะรักคนนี้ ... ไม่ชอบคนนั้น
คุณอาจจะรักคนนั้น ... ไม่ชอบคนนี้
ผมอาจจะรักข้างนี้ ... ไม่ชอบข้างนั้น
คุณอาจจะรักข้างนั้น ... ไม่ชอบข้างนี้
ผมอาจจะรักนิกายนี้ ... ไม่ชอบนิกายนั้น
คุณอาจจะรักนิกายนั้น ... ไม่ชอบนิกายนี้
ผมอาจจะรักพรรคนี้ ... ไม่ชอบพรรคนั้น
คุณอาจจะรักพรรคนั้น ... ไม่ชอบพรรคนี้
ผมอาจจะรักอาชีพนี้ ... ไม่ชอบอาชีพนั้น
คุณอาจจะรักอาชีพนั้น ... ไม่ชอบอาชีพนี้
ทุกวันนี้ผมเลือกที่จะไม่พูดถึง คนนั้น คนนี้
เรื่องนี้ และเรื่องนั้น ที่จะทำให้เราขัดแย้งกัน
เพราะว่า ... ผมรักคุณ
คุณอาจจะรักคนนั้น ... ไม่ชอบคนนี้
ผมอาจจะรักข้างนี้ ... ไม่ชอบข้างนั้น
คุณอาจจะรักข้างนั้น ... ไม่ชอบข้างนี้
ผมอาจจะรักนิกายนี้ ... ไม่ชอบนิกายนั้น
คุณอาจจะรักนิกายนั้น ... ไม่ชอบนิกายนี้
ผมอาจจะรักพรรคนี้ ... ไม่ชอบพรรคนั้น
คุณอาจจะรักพรรคนั้น ... ไม่ชอบพรรคนี้
ผมอาจจะรักอาชีพนี้ ... ไม่ชอบอาชีพนั้น
คุณอาจจะรักอาชีพนั้น ... ไม่ชอบอาชีพนี้
ทุกวันนี้ผมเลือกที่จะไม่พูดถึง คนนั้น คนนี้
เรื่องนี้ และเรื่องนั้น ที่จะทำให้เราขัดแย้งกัน
เพราะว่า ... ผมรักคุณ
ชีวิตของคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนทั้งหมด
ชีวิตของคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนทั้งหมด อีกสักวันหนึ่งก็จะต้องตายจากกัน ถึงจะรัก จะเกลียด โกรธขนาดไหนก็เถอะ อีกสักวันหนึ่งก็ไปคนละทิศคนละทาง
ไปตามบุญกรรมของแต่ละคน เกิดภพหน้า ชาติหน้า ก็ลืมหลง เกิดขึ้นมาเสาะแสวงหาอีก หลงกันอีก เป็นวัฏฏะวน ไม่มีที่สิ้นสุด วกวนไป วกวนมาอยู่อย่างนี้ เหมือนกับมดแดงไต่ขอบกระด้งวนไปวนมา วนมาวนไป
พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรธานี
ไปตามบุญกรรมของแต่ละคน เกิดภพหน้า ชาติหน้า ก็ลืมหลง เกิดขึ้นมาเสาะแสวงหาอีก หลงกันอีก เป็นวัฏฏะวน ไม่มีที่สิ้นสุด วกวนไป วกวนมาอยู่อย่างนี้ เหมือนกับมดแดงไต่ขอบกระด้งวนไปวนมา วนมาวนไป
พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรธานี
บันทึกของเมื่อวาน 22 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 22 มีนาคม 2560
ตื่นนอน ตอนตีสี่ครึ่ง .. ตื่นมาทำไมก็ไม่รู้ นั่งเล่นโทรศัพท์แล้วนอนต่อ ตื่นมาอีกทีเกือบแปดโมง เดินเข้าไปในสวน ให้อาหารปลาในห้วย เก็บทางมะพร้าวที่หล่นลงมาตอนลมแรง ช่วงที่ฝนทำท่าว่าจะตกหนัก แต่ก็ไม่ตก
ลงมากินข้าว วันนี้มีผัดเครื่องแกงลูกชิ้น ปลาอินทรีย์เค็มยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อย จัดการคลุกรวมกัน กินอร่อยดี อิ่มแล้วจัดของ เข้าสวน ไปตัดหญ้า แต่งกิ่งต้นมังคุด
ส่วนตรงนี้มีมังคุดตายจากตอนแล้งปีที่แล้วหลายต้น บางต้นก็แห้งเฉพาะส่วนยอด ต้องปีนขึ้นไปเลื่อยเอาส่วนที่ตายออก เพื่อให้แตกกิ่งขึ้นมาใหม่ ปีนี้ต้องดูแลให้ต้นรอดไปก่อน เรื่องลูกคงไม่หวัง
ตัดหญ้าลุยเข้าไปจนถึงกอไผ่ด้านบน ปีนี้คงต้องเอาออก มันร่มมาก ทำให้ต้นไม้อื่นไม่โต ถ้าเคลียร์พื้นที่ตรงนี้ได้ จะปลูกมะพร้าวได้อีกหลายสิบต้น และน่าจะใส่มังคุด หรือทุเรียนได้อีกหลายต้น แต่ต้องคิดเรื่องระบบน้ำเพิ่มเติม ... เอาไว้ค่อยว่ากัน ทำไปทีละขั้นตอน แค่เรื่องเอาไผ่ออกให้หมด ก็ใช้เวลาเป็นเดือนแล้ว
เสร็จจากบนสวนลงมาตอนบ่ายโมงกว่า พ่อเดินมาคุยเรื่องจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้ นัดกันไว้หกโมงเช้า จะได้ไปรอรับบัตรคิวตั้งแต่ช่วงเช้าๆเลย
บ่ายสอง ออกจากบ้านมาเซนทรัล มาจ่ายค่านั่น นี่ นู่น ตามประสาคนมีภาระ ขากลับมาแวะปั๊ม ปตท. ซื้อน้ำ มาเตรียมไว้ พร้อมๆกับตียิม เก็บเหรียญ จับโปเกม่อน ยิมเลเวล 9 ใช้เวลาตี เกือบหนึ่งชั่วโมง
กลับเข้าบ้าน นอนอ่านหนังสือ หลับไปอีกรอบ ตื่นมาหกโมงเย็น อากาศยังร้อนมาก เดินเล่นรอบบ้าน ไม่มีความรู้สึกอยากทำอะไร หิวอีกรอบ เลยจัดมาม่าต้มยำกุ้ง บิ๊กแพค ใส่ไข่กับหมูสับไปอีกหนึ่งซอง
สองทุ่มเข้ามานอน พยายามหลับให้ได้ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่ง แต่ก็ไม่ง่วง เปิดยูทูป บทสวดเจ้าแม่กวนอิม ฟังไปเรื่อยๆ จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
ตื่นนอน ตอนตีสี่ครึ่ง .. ตื่นมาทำไมก็ไม่รู้ นั่งเล่นโทรศัพท์แล้วนอนต่อ ตื่นมาอีกทีเกือบแปดโมง เดินเข้าไปในสวน ให้อาหารปลาในห้วย เก็บทางมะพร้าวที่หล่นลงมาตอนลมแรง ช่วงที่ฝนทำท่าว่าจะตกหนัก แต่ก็ไม่ตก
ลงมากินข้าว วันนี้มีผัดเครื่องแกงลูกชิ้น ปลาอินทรีย์เค็มยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อย จัดการคลุกรวมกัน กินอร่อยดี อิ่มแล้วจัดของ เข้าสวน ไปตัดหญ้า แต่งกิ่งต้นมังคุด
ส่วนตรงนี้มีมังคุดตายจากตอนแล้งปีที่แล้วหลายต้น บางต้นก็แห้งเฉพาะส่วนยอด ต้องปีนขึ้นไปเลื่อยเอาส่วนที่ตายออก เพื่อให้แตกกิ่งขึ้นมาใหม่ ปีนี้ต้องดูแลให้ต้นรอดไปก่อน เรื่องลูกคงไม่หวัง
ตัดหญ้าลุยเข้าไปจนถึงกอไผ่ด้านบน ปีนี้คงต้องเอาออก มันร่มมาก ทำให้ต้นไม้อื่นไม่โต ถ้าเคลียร์พื้นที่ตรงนี้ได้ จะปลูกมะพร้าวได้อีกหลายสิบต้น และน่าจะใส่มังคุด หรือทุเรียนได้อีกหลายต้น แต่ต้องคิดเรื่องระบบน้ำเพิ่มเติม ... เอาไว้ค่อยว่ากัน ทำไปทีละขั้นตอน แค่เรื่องเอาไผ่ออกให้หมด ก็ใช้เวลาเป็นเดือนแล้ว
เสร็จจากบนสวนลงมาตอนบ่ายโมงกว่า พ่อเดินมาคุยเรื่องจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้ นัดกันไว้หกโมงเช้า จะได้ไปรอรับบัตรคิวตั้งแต่ช่วงเช้าๆเลย
บ่ายสอง ออกจากบ้านมาเซนทรัล มาจ่ายค่านั่น นี่ นู่น ตามประสาคนมีภาระ ขากลับมาแวะปั๊ม ปตท. ซื้อน้ำ มาเตรียมไว้ พร้อมๆกับตียิม เก็บเหรียญ จับโปเกม่อน ยิมเลเวล 9 ใช้เวลาตี เกือบหนึ่งชั่วโมง
กลับเข้าบ้าน นอนอ่านหนังสือ หลับไปอีกรอบ ตื่นมาหกโมงเย็น อากาศยังร้อนมาก เดินเล่นรอบบ้าน ไม่มีความรู้สึกอยากทำอะไร หิวอีกรอบ เลยจัดมาม่าต้มยำกุ้ง บิ๊กแพค ใส่ไข่กับหมูสับไปอีกหนึ่งซอง
สองทุ่มเข้ามานอน พยายามหลับให้ได้ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่ง แต่ก็ไม่ง่วง เปิดยูทูป บทสวดเจ้าแม่กวนอิม ฟังไปเรื่อยๆ จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
บันทึกของเมื่อวาน 21 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 21 มีนาคม 2560
ตื่นเช้า ยังไม่ทันจะทำอะไร แม่เอาขนมจีนกับก๋วยจั๊บมาให้ ทำให้วันนี้มีเวลาเข้าสวนเร็วขึ้น ไม่ต้องทำกับข้าวมื้อเช้า เดินเอาอาหารให้ปลาตามลำห้วย ยังมีปลาอยู่เป็นปกติ ยังไม่มีใครแอบมาจับ ก่อนจะลงมาเปลี่ยนชุด แบกเครื่องตัดหญ้าขึ้นไปอีกรอบ
ช่วงนี้ของทุกปี ผมจะเจอปัญหาภัยแล้งและภัยลัก ภัยแล้งปีนี้ดูท่าว่าจะไม่น่ากลัว แต่ภัยลักยังไม่ลดลงซักเท่าไหร่ ปีที่แล้วชุดสัปรดที่ผมซื้อแขนงมาจากกุยบุรี เกือบๆสามสิบกอ เอาไปปลูกไว้ที่บนสวนด้านที่ติดกับรั้วโรงเรียน ไม่ได้กินเลย มีคนมาช่วยเก็บตลอด
แต่ปีนี้แปลก สัปรดยังพอเหลือให้ได้กิน อาจจะเพราะยังมีน้อย รอดหูรอดตาโจรมาได้ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะชุดใหม่กำลังจะเริ่มเก็บได้ ทำสวนต้องทำใจ เรื่องขโมยเป็นเรื่องปกติ ทำอะไรมากก็ไม่ได้ หาว่าทำเกินกว่าเหตุ ของแค่นี้เอง หวงอะไรนักหนา
ลองมาทำตั้งแต่ปลูก ดูแล ลงทุนใส่ปุ๋ยดูสิ แล้วจะรู้ว่า เวลาได้ผลผลิตแล้วโดนขโมยมันเจ็บปวดแค่ไหน
เมื่อสามสี่วันก่อนผมถ่ายภาพเหยี่ยวที่ตายอยู่บนยอดไม้มาให้ดู แล้วบอกว่าไม่แน่ใจว่ามันเป็นอะไรตาย วันนี้ผมว่ามันโดนยิงแน่ๆ
ช่วงหลังๆผมตัดหญ้าอยู่อีกด้านนึงของสวน ไม่ได้เดินมาฝั่งนี้ซักเท่าไหร่ ที่ถ่ายเหยี่ยวก็ซูมมาจากที่ไกลๆ แต่วันนี้ผมเดินมาดูมะนาว ที่ปลูกไว้แถวๆที่เหยี่ยวตายนั่นละครับ ว่าจะเก็บมากินซักหน่อย ปรากฏว่าหายเรียบ สิบกว่าลูก
คงเป็นพวกที่ตามเหยี่ยวมา แล้วเอาตัวเหยี่ยวลงมาไม่ได้เพราะมันห้อยติดอยู่บนยอดไม้สูงมาก ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว เอามะนาวติดมือไปด้วยเลยดีกว่า เวรกรรมจริงๆ
วันนี้พ่อขึ้นมาบนสวนด้วย ขับซาเล้งขนน้ำหมักมาให้สองถัง รอให้ตัดหญ้าเสร็จจะรดน้ำหมัก ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินสัปดาห์นี้ ผมจะเร่งให้แปลงนี้เสร็จก่อนวันอาทิตย์ เพราะมีนัดไปทุ่งสง งานวันสถาปนาการรถไฟ 120 ปี
เสร็จงานในส่วนที่ตั้งใจไว้ กลับมาบ้าน ออกไปซื้อชาเย็นมากิน เป็นร้านชาพะยอมแถวบ้าน เอามาฝากพ่อกับแม่คนละถุงด้วย อาบน้ำ กินข้าวกับปลาอินทรีย์เค็ม ที่ซื้อมาเมื่อวาน พักผ่อน อ่านหนังสือต่อจากเมื่อวาน แล้วหลับไปงีบนึง ตื่นมาเกือบๆทุ่ม ตั้งใจว่าจะออกไปกินน้ำชา ขนมปังปิ้งริมน้ำ คลายร้อนก่อนนอนซักแก้ว
ออกจากบ้านไปนิดหน่อยฝนตก เปลี่ยนแผนเป็นซื้อเส้นหมี่น้ำมากินที่บ้านแทน พอขับรถกลับเกือบถึงบ้าน ฝนหยุด ไม่มีวี่แววของฝนเลย สรุปว่าฝนตกเกือบทุกที่ ยกเว้นบ้านผมจริงๆด้วย
นั่งกินก๋วยเตี๋ยว ลงรูปนิดหน่อย นอนดูยูทูป หลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ไม่น่าจะเกินเที่ยงคืน
ตื่นเช้า ยังไม่ทันจะทำอะไร แม่เอาขนมจีนกับก๋วยจั๊บมาให้ ทำให้วันนี้มีเวลาเข้าสวนเร็วขึ้น ไม่ต้องทำกับข้าวมื้อเช้า เดินเอาอาหารให้ปลาตามลำห้วย ยังมีปลาอยู่เป็นปกติ ยังไม่มีใครแอบมาจับ ก่อนจะลงมาเปลี่ยนชุด แบกเครื่องตัดหญ้าขึ้นไปอีกรอบ
ช่วงนี้ของทุกปี ผมจะเจอปัญหาภัยแล้งและภัยลัก ภัยแล้งปีนี้ดูท่าว่าจะไม่น่ากลัว แต่ภัยลักยังไม่ลดลงซักเท่าไหร่ ปีที่แล้วชุดสัปรดที่ผมซื้อแขนงมาจากกุยบุรี เกือบๆสามสิบกอ เอาไปปลูกไว้ที่บนสวนด้านที่ติดกับรั้วโรงเรียน ไม่ได้กินเลย มีคนมาช่วยเก็บตลอด
แต่ปีนี้แปลก สัปรดยังพอเหลือให้ได้กิน อาจจะเพราะยังมีน้อย รอดหูรอดตาโจรมาได้ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะชุดใหม่กำลังจะเริ่มเก็บได้ ทำสวนต้องทำใจ เรื่องขโมยเป็นเรื่องปกติ ทำอะไรมากก็ไม่ได้ หาว่าทำเกินกว่าเหตุ ของแค่นี้เอง หวงอะไรนักหนา
ลองมาทำตั้งแต่ปลูก ดูแล ลงทุนใส่ปุ๋ยดูสิ แล้วจะรู้ว่า เวลาได้ผลผลิตแล้วโดนขโมยมันเจ็บปวดแค่ไหน
เมื่อสามสี่วันก่อนผมถ่ายภาพเหยี่ยวที่ตายอยู่บนยอดไม้มาให้ดู แล้วบอกว่าไม่แน่ใจว่ามันเป็นอะไรตาย วันนี้ผมว่ามันโดนยิงแน่ๆ
ช่วงหลังๆผมตัดหญ้าอยู่อีกด้านนึงของสวน ไม่ได้เดินมาฝั่งนี้ซักเท่าไหร่ ที่ถ่ายเหยี่ยวก็ซูมมาจากที่ไกลๆ แต่วันนี้ผมเดินมาดูมะนาว ที่ปลูกไว้แถวๆที่เหยี่ยวตายนั่นละครับ ว่าจะเก็บมากินซักหน่อย ปรากฏว่าหายเรียบ สิบกว่าลูก
คงเป็นพวกที่ตามเหยี่ยวมา แล้วเอาตัวเหยี่ยวลงมาไม่ได้เพราะมันห้อยติดอยู่บนยอดไม้สูงมาก ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว เอามะนาวติดมือไปด้วยเลยดีกว่า เวรกรรมจริงๆ
วันนี้พ่อขึ้นมาบนสวนด้วย ขับซาเล้งขนน้ำหมักมาให้สองถัง รอให้ตัดหญ้าเสร็จจะรดน้ำหมัก ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินสัปดาห์นี้ ผมจะเร่งให้แปลงนี้เสร็จก่อนวันอาทิตย์ เพราะมีนัดไปทุ่งสง งานวันสถาปนาการรถไฟ 120 ปี
เสร็จงานในส่วนที่ตั้งใจไว้ กลับมาบ้าน ออกไปซื้อชาเย็นมากิน เป็นร้านชาพะยอมแถวบ้าน เอามาฝากพ่อกับแม่คนละถุงด้วย อาบน้ำ กินข้าวกับปลาอินทรีย์เค็ม ที่ซื้อมาเมื่อวาน พักผ่อน อ่านหนังสือต่อจากเมื่อวาน แล้วหลับไปงีบนึง ตื่นมาเกือบๆทุ่ม ตั้งใจว่าจะออกไปกินน้ำชา ขนมปังปิ้งริมน้ำ คลายร้อนก่อนนอนซักแก้ว
ออกจากบ้านไปนิดหน่อยฝนตก เปลี่ยนแผนเป็นซื้อเส้นหมี่น้ำมากินที่บ้านแทน พอขับรถกลับเกือบถึงบ้าน ฝนหยุด ไม่มีวี่แววของฝนเลย สรุปว่าฝนตกเกือบทุกที่ ยกเว้นบ้านผมจริงๆด้วย
นั่งกินก๋วยเตี๋ยว ลงรูปนิดหน่อย นอนดูยูทูป หลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ไม่น่าจะเกินเที่ยงคืน
วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 20 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 20 มีนาคม 2560
ตื่นมาตอนเช้า สภาพอากาศแห้งๆ มีเมฆมากแต่ฝนก็ยังไม่ตกลงมา รอฝนหลายวันแล้ว ต้นไม้เริ่มแห้ง เดินขึ้นไปดูน้ำในห้วย ให้อาหารปลา เริ่มเป็นห่วงว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาเร็วๆนี้ ปลาอาจจะตาย เพราะน้ำทยอยแห้ง ขึ้นไปเรื่อยๆ นกยางเริ่มลงมาเดินหาปลากินหลายตัว
กลับลงมา กินข้าว เตรียมของ ขึ้นไปตัดหญ้าด้นบนสุดของสวนอีกครั้ง วันนี้ตั้งใจว่าจะต้องเสร็จในส่วนนี้ให้ได้ ตัดแบบรวดเดียว พักสามครั้ง น้ำมันหมดไปหนึ่งถัง เสร็จจนได้ แต่เหนื่อยพอสมควร อากาศร้อนมาก
เดินลงมา พักผ่อน ช่วงบ่ายของทุกวันจะเป็นเวลาพักผ่อน และการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ก่อนนอนผมจะอ่านหนังสือ ช่วงนี้ติดเรื่องรหัสลับหลังคาโลก อ่านถึงเล่มที่สองแล้ว อ่านจบจะเล่าให้ฟังอีกทีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ตื่นนอนมาช่วงเย็น ฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว ในเฟซบุ๊คมีแต่คนบอกว่าฝนตก แต่ที่บ้านไม่ตก รอจนทุ่มกว่าๆ มีสายฝนหล่นลงมานิดหน่อย ฝนตกแต่ไม่หนัก ตกอยู่ไม่ถึงชั่วโมงก็หยุด
เดินลงไปเอานิ้วจิ้มๆดิน ด้านล่างยังแห้งอยู่เลย แต่ใบไม้เปียก มีน้ำเกาะพอสดชื่น เอาน่า ... ดีกว่าไม่ตก วันนี้วันพระ แรมแปดค่ำ ตอนแรกว่าจะไปดูหนังตะลุง ทรงกลด ฌามา ที่โรงพยาบาลสวนสราญรมน์ แต่พอดีฝนตก อาบน้ำ ไหว้พระเสร็จ เลยคิดว่าไม่ออกไปดีกว่า
คนโบราณเขาถือนะ เวลากลางคืน ถ้าจะนอนแล้ว ไม่ให้ออกจากบ้าน คือถ้าเปลี่ยนชุด ตั้งใจว่าจะนอน ให้นอนเลย อย่าออกจากบ้าน จะเป็นอันตราย เขาว่าอย่างนั้น
ส่วนใหญ่พวกที่เจออุบัติเหตุกลางคืน เรามักจะได้ยินคำว่า "จะนอนอยู่แล้ว" จากปากญาติๆเสมอ
ในเมื่อตัดสินใจไม่ออกไปไหน ก็นั่งลงรูปไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ผมแสบตา มองหน้าจอคอมนานๆไม่ได้ ต้องค่อยๆทำ ค่อยลงไปเรื่อย ผมไม่รีบ 5555
เมื่อคืนนอนไปตอนเที่ยงคืนกว่าๆอีกแล้ว ดูยูทูป เรื่องราวของเมสซี่ โรนัลโด ตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอล จนถึงปัจจุบัน สองคนนี้สุดยอดมากจริงๆ ดูสนุก ดูเพลิน ถ้าอยู่เมืองไทย ผมว่าต้องได้ศิลปินแห่งชาติสาขาฟุตบอลแน่นอน
ตื่นมาตอนเช้า สภาพอากาศแห้งๆ มีเมฆมากแต่ฝนก็ยังไม่ตกลงมา รอฝนหลายวันแล้ว ต้นไม้เริ่มแห้ง เดินขึ้นไปดูน้ำในห้วย ให้อาหารปลา เริ่มเป็นห่วงว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาเร็วๆนี้ ปลาอาจจะตาย เพราะน้ำทยอยแห้ง ขึ้นไปเรื่อยๆ นกยางเริ่มลงมาเดินหาปลากินหลายตัว
กลับลงมา กินข้าว เตรียมของ ขึ้นไปตัดหญ้าด้นบนสุดของสวนอีกครั้ง วันนี้ตั้งใจว่าจะต้องเสร็จในส่วนนี้ให้ได้ ตัดแบบรวดเดียว พักสามครั้ง น้ำมันหมดไปหนึ่งถัง เสร็จจนได้ แต่เหนื่อยพอสมควร อากาศร้อนมาก
เดินลงมา พักผ่อน ช่วงบ่ายของทุกวันจะเป็นเวลาพักผ่อน และการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ก่อนนอนผมจะอ่านหนังสือ ช่วงนี้ติดเรื่องรหัสลับหลังคาโลก อ่านถึงเล่มที่สองแล้ว อ่านจบจะเล่าให้ฟังอีกทีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ตื่นนอนมาช่วงเย็น ฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว ในเฟซบุ๊คมีแต่คนบอกว่าฝนตก แต่ที่บ้านไม่ตก รอจนทุ่มกว่าๆ มีสายฝนหล่นลงมานิดหน่อย ฝนตกแต่ไม่หนัก ตกอยู่ไม่ถึงชั่วโมงก็หยุด
เดินลงไปเอานิ้วจิ้มๆดิน ด้านล่างยังแห้งอยู่เลย แต่ใบไม้เปียก มีน้ำเกาะพอสดชื่น เอาน่า ... ดีกว่าไม่ตก วันนี้วันพระ แรมแปดค่ำ ตอนแรกว่าจะไปดูหนังตะลุง ทรงกลด ฌามา ที่โรงพยาบาลสวนสราญรมน์ แต่พอดีฝนตก อาบน้ำ ไหว้พระเสร็จ เลยคิดว่าไม่ออกไปดีกว่า
คนโบราณเขาถือนะ เวลากลางคืน ถ้าจะนอนแล้ว ไม่ให้ออกจากบ้าน คือถ้าเปลี่ยนชุด ตั้งใจว่าจะนอน ให้นอนเลย อย่าออกจากบ้าน จะเป็นอันตราย เขาว่าอย่างนั้น
ส่วนใหญ่พวกที่เจออุบัติเหตุกลางคืน เรามักจะได้ยินคำว่า "จะนอนอยู่แล้ว" จากปากญาติๆเสมอ
ในเมื่อตัดสินใจไม่ออกไปไหน ก็นั่งลงรูปไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ผมแสบตา มองหน้าจอคอมนานๆไม่ได้ ต้องค่อยๆทำ ค่อยลงไปเรื่อย ผมไม่รีบ 5555
เมื่อคืนนอนไปตอนเที่ยงคืนกว่าๆอีกแล้ว ดูยูทูป เรื่องราวของเมสซี่ โรนัลโด ตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอล จนถึงปัจจุบัน สองคนนี้สุดยอดมากจริงๆ ดูสนุก ดูเพลิน ถ้าอยู่เมืองไทย ผมว่าต้องได้ศิลปินแห่งชาติสาขาฟุตบอลแน่นอน
คิดถึงเจ้าเหมียว
21 มีนาคม 2556 เป็นวันที่ผมเริ่มเลี้ยงแมวจริงๆ จังๆ เพราะเจ้าเหมียว แมวที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านคลอดลูก
เจ้าเหมียวเป็นลูกแมวจรจัดที่แม่มันมาคลอดทิ้งไว้ที่หลังบ้าน คุณนายที่บ้านเลี้ยงมันมาตั้งแต่มันยังเดินไม่ได้จนกระทั่งมันโตเป็นสาว และในวันนี้เมื่อสี่ปีที่แล้วมันก็กลายเป็นแม่แมว
เจ้าเหมียวมันท้องไม่มีพ่อ แต่ก็โทษมันไม่ได้ ช่วงที่ผมต้องทำงานนอกบ้านทีละหลายๆวันก็ไม่ได้ดูแลมัน ทำให้เจ้าเหมียวกลายเป็นแมวขาดความอบอุ่น เที่ยวกลางคืน และติดผู้ชาย
บางคืนก็มีแมวผู้ชายมาส่งถึงหน้าบ้าน ผมก็ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ใส่ใจมัน มัวทำแต่งาน จนมันกลายเป็นแมวมีปัญหา แต่ก็ไม่ถึงกับเลยเถิดไปจนถึงขั้นไปเป็นสมาชิกวัดธรรมกาย ถ้าถึงขั้นนั้นผมคงเสียใจมากแน่ๆ ที่เจ้าเหมียวมันโง่กว่าควาย
จนกระทั่งผมเริ่มสังเกตเห็นว่ามันท้องโตขึ้นเรื่อย ก็บอกให้มันไปพาเจ้าลูกเขยตัวดีมาขอขมา จะได้จัดงานแต่งให้ถูกต้องตามประเพณี แต่ก็เงียบหายไป เจ้าเหมียวโดนทิ้ง มันกลายเป็นแมวท้องไม่มีพ่อ ... ให้ชาวบ้านนินทากันสนุกปาก
ผมสงสารเจ้าเหมียวมากๆ จะอย่างไรก็ลูกเรา ผมจึงเตรียมอาหารให้มันกิน ดูแลมันมันอย่างดีเท่าที่จะทำได้
จนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงวันที่มันจะคลอด มันอ้อนผิดปกติเดี๋ยววิ่งไป วิ่งมา จนผมก็คิดว่ามันจะต้องคลอดลูกเร็วๆนี้แน่ๆ จึงเตรียมที่ให้มันนอน ทำกะละมังใส่เสื้อผ้าเก่าๆไว้ให้มันคลอดลูก
เช้าวันนี้เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมตื่นออกไปเดินออกกำลังกายตอนตีห้า ก็ไม่เห็นเจ้าเหมียว ที่ปกติจะเดินมาทักทาย Good morning มานอนบนตัก เอาหัวมากลิ้งที่ขาทุกๆเช้า แต่วันนี้ไม่เห็นมัน
แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนผมออกไปทำงาน ด้วยภาระกิจหน้าที่การงานในช่วงนั้น ทำให้ลืมเรื่องเจ้าเหมียวไปเลยทั้งวัน
เลิกงานกลับมาถึงบ้าน คุณนายบอกว่า เจ้าเหมียวคลอดแล้ว ออกมาสี่ตัว เสียชีวิตไปหนึ่ง เหลือสามตัว และที่สำคัญ มันปีนเข้าไปคลอดลูกในตู้เสื้อผ้า ไม่ชายตามามองกะละมังของผมเลยแม้แต่นิดเดียว ( ใครจะไปรู้ก็ผมไม่เคยท้อง และก็ไม่เคยเป็นแมว)
สี่ปีผ่านไป แมวชุดแรก เจ้าเหมียว และลูกทั้งสาม จากไปสวรรค์ กลับไปดาวแมวหมดแล้ว ทั้งด้วยเรื่องสุขภาพ ป่วยเสียชีวิต และแบบมีเงื่อนงำ (อันนี้รอเวรกรรมมาตัดสิน คนที่ทำกับแมวเอง)
แต่ทุกวันนี้ยังมีทายาทเจ้าเหมียวชุดที่สอง และหลานเจ้าเหมียวให้เลี้ยงอีกห้าตัว มีแมวที่เก็บมาเลี้ยงและที่มาอยู่เอง รวมทั้งหมด เจ็ดตัว ที่ผมต้องคอยดูแลมัน เหมือนกับเป็นตัวแทนของเจ้าเหมียว
ถึงแต่ละเดือนจะต้องหาเงินมาซื้ออาหารแมว คอยดูแลเวลามันเจ็บป่วย ค่ายา ค่าหมอ เดือนนึงก็พอสมควร แต่ก็ดีกว่าเลี้ยงคนชั่วๆ ที่รู้หน้า ไม่รู้ใจ อย่างที่เคยพอเจอมา เพราะแมวไม่เคยหักหลัง ทำร้ายผม เพียงเพราะคำว่า เงินและผลประโยชน์
กับคนบางคนที่ผ่านมาในชีวิต แมวพวกนี้ดีกว่ามาก และถ้าต้องกลับไปเจอคนพวกนั้นอีก ... เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวอยู่ในสวน ในป่า แบบนี้ดีกว่าเยอะ
งูเห่า ยังน่ากลัวน้อยกว่าคนพวกนั้น ... จริงๆนะ
เจ้าเหมียวเป็นลูกแมวจรจัดที่แม่มันมาคลอดทิ้งไว้ที่หลังบ้าน คุณนายที่บ้านเลี้ยงมันมาตั้งแต่มันยังเดินไม่ได้จนกระทั่งมันโตเป็นสาว และในวันนี้เมื่อสี่ปีที่แล้วมันก็กลายเป็นแม่แมว
เจ้าเหมียวมันท้องไม่มีพ่อ แต่ก็โทษมันไม่ได้ ช่วงที่ผมต้องทำงานนอกบ้านทีละหลายๆวันก็ไม่ได้ดูแลมัน ทำให้เจ้าเหมียวกลายเป็นแมวขาดความอบอุ่น เที่ยวกลางคืน และติดผู้ชาย
บางคืนก็มีแมวผู้ชายมาส่งถึงหน้าบ้าน ผมก็ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ใส่ใจมัน มัวทำแต่งาน จนมันกลายเป็นแมวมีปัญหา แต่ก็ไม่ถึงกับเลยเถิดไปจนถึงขั้นไปเป็นสมาชิกวัดธรรมกาย ถ้าถึงขั้นนั้นผมคงเสียใจมากแน่ๆ ที่เจ้าเหมียวมันโง่กว่าควาย
จนกระทั่งผมเริ่มสังเกตเห็นว่ามันท้องโตขึ้นเรื่อย ก็บอกให้มันไปพาเจ้าลูกเขยตัวดีมาขอขมา จะได้จัดงานแต่งให้ถูกต้องตามประเพณี แต่ก็เงียบหายไป เจ้าเหมียวโดนทิ้ง มันกลายเป็นแมวท้องไม่มีพ่อ ... ให้ชาวบ้านนินทากันสนุกปาก
ผมสงสารเจ้าเหมียวมากๆ จะอย่างไรก็ลูกเรา ผมจึงเตรียมอาหารให้มันกิน ดูแลมันมันอย่างดีเท่าที่จะทำได้
จนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงวันที่มันจะคลอด มันอ้อนผิดปกติเดี๋ยววิ่งไป วิ่งมา จนผมก็คิดว่ามันจะต้องคลอดลูกเร็วๆนี้แน่ๆ จึงเตรียมที่ให้มันนอน ทำกะละมังใส่เสื้อผ้าเก่าๆไว้ให้มันคลอดลูก
เช้าวันนี้เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมตื่นออกไปเดินออกกำลังกายตอนตีห้า ก็ไม่เห็นเจ้าเหมียว ที่ปกติจะเดินมาทักทาย Good morning มานอนบนตัก เอาหัวมากลิ้งที่ขาทุกๆเช้า แต่วันนี้ไม่เห็นมัน
แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนผมออกไปทำงาน ด้วยภาระกิจหน้าที่การงานในช่วงนั้น ทำให้ลืมเรื่องเจ้าเหมียวไปเลยทั้งวัน
เลิกงานกลับมาถึงบ้าน คุณนายบอกว่า เจ้าเหมียวคลอดแล้ว ออกมาสี่ตัว เสียชีวิตไปหนึ่ง เหลือสามตัว และที่สำคัญ มันปีนเข้าไปคลอดลูกในตู้เสื้อผ้า ไม่ชายตามามองกะละมังของผมเลยแม้แต่นิดเดียว ( ใครจะไปรู้ก็ผมไม่เคยท้อง และก็ไม่เคยเป็นแมว)
สี่ปีผ่านไป แมวชุดแรก เจ้าเหมียว และลูกทั้งสาม จากไปสวรรค์ กลับไปดาวแมวหมดแล้ว ทั้งด้วยเรื่องสุขภาพ ป่วยเสียชีวิต และแบบมีเงื่อนงำ (อันนี้รอเวรกรรมมาตัดสิน คนที่ทำกับแมวเอง)
แต่ทุกวันนี้ยังมีทายาทเจ้าเหมียวชุดที่สอง และหลานเจ้าเหมียวให้เลี้ยงอีกห้าตัว มีแมวที่เก็บมาเลี้ยงและที่มาอยู่เอง รวมทั้งหมด เจ็ดตัว ที่ผมต้องคอยดูแลมัน เหมือนกับเป็นตัวแทนของเจ้าเหมียว
ถึงแต่ละเดือนจะต้องหาเงินมาซื้ออาหารแมว คอยดูแลเวลามันเจ็บป่วย ค่ายา ค่าหมอ เดือนนึงก็พอสมควร แต่ก็ดีกว่าเลี้ยงคนชั่วๆ ที่รู้หน้า ไม่รู้ใจ อย่างที่เคยพอเจอมา เพราะแมวไม่เคยหักหลัง ทำร้ายผม เพียงเพราะคำว่า เงินและผลประโยชน์
กับคนบางคนที่ผ่านมาในชีวิต แมวพวกนี้ดีกว่ามาก และถ้าต้องกลับไปเจอคนพวกนั้นอีก ... เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวอยู่ในสวน ในป่า แบบนี้ดีกว่าเยอะ
งูเห่า ยังน่ากลัวน้อยกว่าคนพวกนั้น ... จริงๆนะ
วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560
เล่าความหลังอีกแล้ว
มันเป็นความทรงจำที่ดีสมัยทำงาน พอเห็นภาพเก่าๆแล้วจะคิดถึงมันขึ้นมาทันที ผมชอบถ่ายภาพแต่ไม่มีภาพตัวเองมากนัก ผมชอบถ่ายบันทึกความทรงจำ การถ่ายภาพเป็นอะไรที่ลึกลับ เราถ่ายปัจจุบัน วินาทีต่อไปมันจะกลายเป็นอดีต แต่จะย้อนความทรงจำกลับมาได้ในอนาคตเมื่อเราเห็นมันอีกครั้ง
เรื่องนี้เคยเล่ามาหลายครั้ง พอเห็นภาพนี้แล้วคิดถึงวันเก่าๆ ทุกครั้งที่เห็นหมาพันธุ์นี้ ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้คนใกล้ๆตัวฟัง ภาพนี้ผมถ่ายกับโทรศัพท์ในสมัยที่กล้องมือถือไม่ชัดเหมือนสมัยนี้ วันนั้นผมไปทำงานที่แถวๆ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากมาย มีคอกหมูอยู่ในสวนปาล์ม เจ้าของที่ใจดี คุยกันบ่อยๆ
เมื่อผมไปถึง ผมเห็นประตูรั้วที่ดินด้านนอกปิดอยู่ แต่กุญแจไม่ได้ล็อค ปกติแล้วประตูนี้จะไม่เคยปิด เจ้าของบ้านจะไม่ไปไหน แกทำสวนปาล์ม เลี้ยงหมู มากี่ครั้งๆก็เจอแกทุกที วันนี้งานของผมเป็นงานด่วน ต้องแก้ไขระบบให้ใช้งานได้เร็วที่สุด ผมเลยเปิดประตูรั้วขับรถเข้าไปทำงานด้านใน โดยไม่รอเจ้าของบ้าน เพราะปกติก็เข้ามาทำงานได้ตลอดอยู่แล้ว
เสาสัญญาณด้านในจะมีรั้วอีกชั้นแบบในรูป ผมรีบเปิดกุญแจเข้าไปทำงาน แล้วผมก็ได้ยินหมาเห่า มันวิ่งตรงมาทางผมอย่างไม่น่าจะเป็นมิตร ผมรีบปิดประตูรั้วแล้วเข้าไปอยู่ด้านใน โดยมีเจ้าหมาตัวนี้เฝ้าอยู่ด้านนอก ผมทำงานอยู่ในรั้วจนเสร็จ โชคดีที่ไม่ต้องใช้ สแปร์ พาร์ทในรถ ไม่งั้นคงจะเหนื่อยกว่านี้
แต่ตอนนี้งานเสร็จแล้ว จะกลับก็กลับไม่ได้ สภาพเหมือนอยู่ในกรง มีหมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนบ่ายกว่าๆ หิวก็หิว จะไปไหนก็ไม่ได้ สภาพเหมือนที่เพื่อนๆชอบพูดกันในวงเหล้าเลย
"กูขังเมียไว้ในห้อง แล้วนอนเฝ้าหน้าห้อง"
หมาตัวนี้ มันเดินไป เดินมาอยู่รอบๆรั้ว พอผมทำท่าจะเปิดประตูออกไป มันก็เห่า ทำท่าจะกระโจนเข้ามาหา รถจอดอยู่ไม่ไกลนัก นั่งคิดว่าถ้าวิ่งขึ้นรถก็น่าจะทัน ติดตรงที่มีเครื่องมือด้วย คงจะไปได้ช้า ประตูไซท์ค่อยกลับมาล็อค หรือจะทิ้งเครื่องมือไว้แล้วค่อยมาเอา คิดไปต่างๆนานา
สุดท้ายก็ได้แต่คิด ไม่กล้าออกไป เพราะผมไม่ค่อยถูกกับหมา ถึงจะเป็นคนปากหมา มีเพื่อนหมาๆอยู่พอสมควร แต่กับหมาแบบนี้ยังไม่กล้า กลัวพลาด โดนมันกัดขึ้นมา กลัวจะโดนถามว่า
"กัดกันเพราะแย่งตัวเมียหรือเปล่า"
ผมนั่งรออยู่ด้านใน จนกระทั่งเจ้าของบ้านกลับมา บุหรี่หมดไปเกือบซอง เจ้าของที่ มาเอาหมากลับเข้ากรง แกหัวเราะใหญ่ แกบอกว่า แกไปธุระข้างนอก เลยปล่อยหมาเอาไว้ แต่หมาแกเป็นหมาปัญญาอ่อน เห่าเป็นอย่างเดียว ทำอะไรใครไม่เป็นหรอก
วันหลังยืนเฉยๆ ให้มันดมๆ เดี๋ยวมันก็ไป ผมก็ได้แต่ยิ้ม นี่ยังโชคดีที่แกไปธุระในตลาด ถ้าแกไปต่างจังหวัด ผมจะทำยังไง ขึ้นรถ ขับออกมา คิดถึงเพลงขี้เมาใจดีของคาราบาวขึ้นมาในทันที
"ติดไม่นานอึดอัดแทบตาย นึกเห็นใจลิงช้างถูกขังลืม
โอ โอ โอ โอ๊ย ... จับมันมาขังทำไม มันโดนข้อหาอะไร"
เรื่องนี้เคยเล่ามาหลายครั้ง พอเห็นภาพนี้แล้วคิดถึงวันเก่าๆ ทุกครั้งที่เห็นหมาพันธุ์นี้ ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้คนใกล้ๆตัวฟัง ภาพนี้ผมถ่ายกับโทรศัพท์ในสมัยที่กล้องมือถือไม่ชัดเหมือนสมัยนี้ วันนั้นผมไปทำงานที่แถวๆ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากมาย มีคอกหมูอยู่ในสวนปาล์ม เจ้าของที่ใจดี คุยกันบ่อยๆ
เมื่อผมไปถึง ผมเห็นประตูรั้วที่ดินด้านนอกปิดอยู่ แต่กุญแจไม่ได้ล็อค ปกติแล้วประตูนี้จะไม่เคยปิด เจ้าของบ้านจะไม่ไปไหน แกทำสวนปาล์ม เลี้ยงหมู มากี่ครั้งๆก็เจอแกทุกที วันนี้งานของผมเป็นงานด่วน ต้องแก้ไขระบบให้ใช้งานได้เร็วที่สุด ผมเลยเปิดประตูรั้วขับรถเข้าไปทำงานด้านใน โดยไม่รอเจ้าของบ้าน เพราะปกติก็เข้ามาทำงานได้ตลอดอยู่แล้ว
เสาสัญญาณด้านในจะมีรั้วอีกชั้นแบบในรูป ผมรีบเปิดกุญแจเข้าไปทำงาน แล้วผมก็ได้ยินหมาเห่า มันวิ่งตรงมาทางผมอย่างไม่น่าจะเป็นมิตร ผมรีบปิดประตูรั้วแล้วเข้าไปอยู่ด้านใน โดยมีเจ้าหมาตัวนี้เฝ้าอยู่ด้านนอก ผมทำงานอยู่ในรั้วจนเสร็จ โชคดีที่ไม่ต้องใช้ สแปร์ พาร์ทในรถ ไม่งั้นคงจะเหนื่อยกว่านี้
แต่ตอนนี้งานเสร็จแล้ว จะกลับก็กลับไม่ได้ สภาพเหมือนอยู่ในกรง มีหมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนบ่ายกว่าๆ หิวก็หิว จะไปไหนก็ไม่ได้ สภาพเหมือนที่เพื่อนๆชอบพูดกันในวงเหล้าเลย
"กูขังเมียไว้ในห้อง แล้วนอนเฝ้าหน้าห้อง"
หมาตัวนี้ มันเดินไป เดินมาอยู่รอบๆรั้ว พอผมทำท่าจะเปิดประตูออกไป มันก็เห่า ทำท่าจะกระโจนเข้ามาหา รถจอดอยู่ไม่ไกลนัก นั่งคิดว่าถ้าวิ่งขึ้นรถก็น่าจะทัน ติดตรงที่มีเครื่องมือด้วย คงจะไปได้ช้า ประตูไซท์ค่อยกลับมาล็อค หรือจะทิ้งเครื่องมือไว้แล้วค่อยมาเอา คิดไปต่างๆนานา
สุดท้ายก็ได้แต่คิด ไม่กล้าออกไป เพราะผมไม่ค่อยถูกกับหมา ถึงจะเป็นคนปากหมา มีเพื่อนหมาๆอยู่พอสมควร แต่กับหมาแบบนี้ยังไม่กล้า กลัวพลาด โดนมันกัดขึ้นมา กลัวจะโดนถามว่า
"กัดกันเพราะแย่งตัวเมียหรือเปล่า"
ผมนั่งรออยู่ด้านใน จนกระทั่งเจ้าของบ้านกลับมา บุหรี่หมดไปเกือบซอง เจ้าของที่ มาเอาหมากลับเข้ากรง แกหัวเราะใหญ่ แกบอกว่า แกไปธุระข้างนอก เลยปล่อยหมาเอาไว้ แต่หมาแกเป็นหมาปัญญาอ่อน เห่าเป็นอย่างเดียว ทำอะไรใครไม่เป็นหรอก
วันหลังยืนเฉยๆ ให้มันดมๆ เดี๋ยวมันก็ไป ผมก็ได้แต่ยิ้ม นี่ยังโชคดีที่แกไปธุระในตลาด ถ้าแกไปต่างจังหวัด ผมจะทำยังไง ขึ้นรถ ขับออกมา คิดถึงเพลงขี้เมาใจดีของคาราบาวขึ้นมาในทันที
"ติดไม่นานอึดอัดแทบตาย นึกเห็นใจลิงช้างถูกขังลืม
โอ โอ โอ โอ๊ย ... จับมันมาขังทำไม มันโดนข้อหาอะไร"
บันทึกของเมื่อวาน 19 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 19 มีนาคม 2560
ตื่นเช้ารีบกินข้าว เข้าสวน วันนี้มีคิวแทงปาล์มให้นายหัว ปาล์มมีไม่มากนัก ได้ไม่กี่ร้อยกิโล ประมาณเที่ยงก็เสร็จ วันนี้อากาศร้อนมาก กลับลงมาอาบน้ำ พักผ่อน นอนอ่านหนังสือ เป็นเรื่องรหัสลับหลังคาโลก ที่อ่านค้างมาหลายวัน วันนี้มีเวลา ตั้งใจว่าจะอ่านให้จบเล่มหนึ่งเสียที เรื่องนี้มี สิบเอ็ดเล่ม กว่าจะจบทั้งหมดคงจะสิ้นปีพอดี 555
หนังสือเรื่องนี้สนุกดี ถ้าคนชอบเรื่องราวลึกลับ ผจญภัย ประวัติศาสตร์ หนังสือเรื่องนี้คงจะถูกใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องคือ พระเอกเป็นนักเพาะพันธุ์สุนัขของทิเบต บังเอิญได้เห็นภาพถ่ายสัตว์ประหลาด ที่คาดว่าจะเป็นกิเลนม่วงในตำนาน จึงเริ่มออกค้นหา
มีเพื่อนร่วมทางเป็นทหาร อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งสาวน้อยที่เป็นคู่รัก การเดินทางในครั้งแรก ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เจออุปสรรคมากมาย เกือบตายกันทั้งหมดในถ้ำน้ำแข็ง และฝูงหนูกระหายเลือด แต่ก็รอดมาได้ สุดท้ายต้องอาศัยบารมีของพ่อ ให้เข้าร่วมกับรัฐบาล เพื่อไปค้นหาอีกครั้ง
การค้นหากิเลนม่วง หรือสุนัขพันธุ์พิเศษ เป็นเป้าหมายของพระเอกกับอาจารย์เท่านั้น แต่กลุ่มอื่นๆที่แย่งกันไปยังดินแดนปลอดมนุษย์ แย่งกันค้นหากลับเป็นสมบัติในเมืองลึกลับ ที่ในตำนานเล่าว่าเจ้ากิเลนม่วงตัวนี้เฝ้าอยู่
ก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง พระเอกและทีมงานต้องเข้าฝึกภาคพิเศษ โดยมีครูฝึกชั้นยอดที่รัฐบาลส่งมา เพื่อเอาตัวรอดให้ได้จากการเข้าไปในดินแดนที่สุดแสนจะอันตราย เรื่องราวในเล่มหนึ่งจบลงตรงนี้
รายละเอียดปลีกย่อยที่ได้รู้เพิ่มเติมในการอ่านเรื่องนี้ จะมีความรู้เรื่องพุทธศาสนามหายาน ตันตระ วัชระยาน เรื่องสภาพพื้นที่ธรณีวิทยา สายพันธุ์สัตว์หายากบนดินแดนหลังคาโลก เรื่องเครื่องยนต์ รถฮัมวี่ การปีนเขา รวมทั้งประวัติศาสตร์จีนสมัยเก่า และอีกมากมาย
ผู้เขียนและผู้แปล เก่งมากๆ
อ่านหนังสือจนหนึ่งทุ่มจึงจบเล่ม ปั่นจักรยานออกไปหมุนเสา จับโปเกม่อน ฟ้ามืดจนน่ากลัว ลมเย็นๆพัดมาอย่างรุนแรง ดีใจมาก มั่นใจเหลือเกินว่าฝนจะต้องตก
กลับบ้าน ลุ้นบอลอีกนิดหน่อย จริงๆแล้วก็แช่งให้เขาแพ้นั่นแหละ แต่ดันชนะกับเสมอ ไม่มีใครแพ้เป็นเพื่อนทีมเราเลย
นอนรอฝน เดินออกไปดูเป็นระยะ ฝนก็ยังไม่ตก ดูในเฟซบุ๊คมีแต่คนโพสต์ว่าฝนตก นอนรอความหวังอยู่เงียบๆ คิดว่าเดี๋ยวก็ตกๆๆๆ สุดท้ายหลับไปตอนเที่ยงคืนกว่า ฝนก็ยังไม่ตก
ตื่นเช้ารีบกินข้าว เข้าสวน วันนี้มีคิวแทงปาล์มให้นายหัว ปาล์มมีไม่มากนัก ได้ไม่กี่ร้อยกิโล ประมาณเที่ยงก็เสร็จ วันนี้อากาศร้อนมาก กลับลงมาอาบน้ำ พักผ่อน นอนอ่านหนังสือ เป็นเรื่องรหัสลับหลังคาโลก ที่อ่านค้างมาหลายวัน วันนี้มีเวลา ตั้งใจว่าจะอ่านให้จบเล่มหนึ่งเสียที เรื่องนี้มี สิบเอ็ดเล่ม กว่าจะจบทั้งหมดคงจะสิ้นปีพอดี 555
หนังสือเรื่องนี้สนุกดี ถ้าคนชอบเรื่องราวลึกลับ ผจญภัย ประวัติศาสตร์ หนังสือเรื่องนี้คงจะถูกใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องคือ พระเอกเป็นนักเพาะพันธุ์สุนัขของทิเบต บังเอิญได้เห็นภาพถ่ายสัตว์ประหลาด ที่คาดว่าจะเป็นกิเลนม่วงในตำนาน จึงเริ่มออกค้นหา
มีเพื่อนร่วมทางเป็นทหาร อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งสาวน้อยที่เป็นคู่รัก การเดินทางในครั้งแรก ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เจออุปสรรคมากมาย เกือบตายกันทั้งหมดในถ้ำน้ำแข็ง และฝูงหนูกระหายเลือด แต่ก็รอดมาได้ สุดท้ายต้องอาศัยบารมีของพ่อ ให้เข้าร่วมกับรัฐบาล เพื่อไปค้นหาอีกครั้ง
การค้นหากิเลนม่วง หรือสุนัขพันธุ์พิเศษ เป็นเป้าหมายของพระเอกกับอาจารย์เท่านั้น แต่กลุ่มอื่นๆที่แย่งกันไปยังดินแดนปลอดมนุษย์ แย่งกันค้นหากลับเป็นสมบัติในเมืองลึกลับ ที่ในตำนานเล่าว่าเจ้ากิเลนม่วงตัวนี้เฝ้าอยู่
ก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง พระเอกและทีมงานต้องเข้าฝึกภาคพิเศษ โดยมีครูฝึกชั้นยอดที่รัฐบาลส่งมา เพื่อเอาตัวรอดให้ได้จากการเข้าไปในดินแดนที่สุดแสนจะอันตราย เรื่องราวในเล่มหนึ่งจบลงตรงนี้
รายละเอียดปลีกย่อยที่ได้รู้เพิ่มเติมในการอ่านเรื่องนี้ จะมีความรู้เรื่องพุทธศาสนามหายาน ตันตระ วัชระยาน เรื่องสภาพพื้นที่ธรณีวิทยา สายพันธุ์สัตว์หายากบนดินแดนหลังคาโลก เรื่องเครื่องยนต์ รถฮัมวี่ การปีนเขา รวมทั้งประวัติศาสตร์จีนสมัยเก่า และอีกมากมาย
ผู้เขียนและผู้แปล เก่งมากๆ
อ่านหนังสือจนหนึ่งทุ่มจึงจบเล่ม ปั่นจักรยานออกไปหมุนเสา จับโปเกม่อน ฟ้ามืดจนน่ากลัว ลมเย็นๆพัดมาอย่างรุนแรง ดีใจมาก มั่นใจเหลือเกินว่าฝนจะต้องตก
กลับบ้าน ลุ้นบอลอีกนิดหน่อย จริงๆแล้วก็แช่งให้เขาแพ้นั่นแหละ แต่ดันชนะกับเสมอ ไม่มีใครแพ้เป็นเพื่อนทีมเราเลย
นอนรอฝน เดินออกไปดูเป็นระยะ ฝนก็ยังไม่ตก ดูในเฟซบุ๊คมีแต่คนโพสต์ว่าฝนตก นอนรอความหวังอยู่เงียบๆ คิดว่าเดี๋ยวก็ตกๆๆๆ สุดท้ายหลับไปตอนเที่ยงคืนกว่า ฝนก็ยังไม่ตก
วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 18 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 18 มีนาคม 2560
เช้านี้มีนกมากมายมาร้องปลุกอยู่หน้าบ้าน นกแซงแซว ร้องแกร๊กๆๆดังมาก มันมาหาหญ้าไปทำรัง เดินออกมาถ่ายรูปเก็บไว้นิดหน่อย ช่วงหลังๆมันเข้ามาอยู่ใกล้บ้านมากขึ้น คนไม่ทำอะไรมันหรอก กลัวแต่ว่าแมวจะเอาไปกินเสียก่อน
รีบกินข้าว ทอดไข่ดาวสองลูก ตามด้วยคาราบาวแดง แล้วขึ้นไปบนสวนเลย วันนี้ได้ลองใบตัดหญ้าอันใหม่ด้วย เอาแบบใบเรียวมาใช้ป้องกันหญ้าพันใบตัด ใบมีดแบบนี้ตัดดีเหมือนกันแต่ช้าไปนิด ใบมันแคบกว่าของเดิมเกือบสองนิ้ว แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ ใช้ดีอยู่เหมือนกัน
วันนี้ตัดหญ้าด้านบนสุดของสวน มองดูในห้วยต้นน้ำด้านบน ยังพอมีน้ำอยู่ ยังมีน้ำไหลมาต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มากนัก ช่วงนี้ของปีที่แล้วน้ำในสวนแห้งแล้ว เริ่มจับปลามาปล่อยในบ่อหน้าบ้านกันแล้ว แต่ปีนี้ระดับน้ำยังอยู่ในปริมาณที่น่าพอใจ ปีนี้คงจะผ่านหน้าแล้งไปได้อย่างไม่ลำบากนัก
มีคนบอกผม ถามผมอยู่ประจำ ว่าทำไมผมถึงเดือดร้อนเรื่องน้ำนัก ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ จากที่มาทดลองทำ มาศึกษาดูแล้ว ผมก็พอจะรู้นั่นแหละว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ติดอยู่ตรงที่ไม่มีตังค์นี่ละครับ
เอาไว้ค่อยๆทำไป ปีละนิดปีละหน่อย ปีที่แล้วบ่อที่ผมขุด คูที่ผมลอกไว้ ฝายที่ผมทำไว้ ปีนี้ได้ผลตามที่คาดมีน้ำมีปลาสวยงาม ตามที่คิดไว้ ปีนี้จะทำเพิ่มอีกตามกำลังที่มี ไม่ได้จ้างใคร อีกไม่กี่ปีก็คงจะเสร็จทั้งหมด
ไม่รีบไปไหน คิดว่าจะอยู่อีกนาน
เสร็จจากบนสวน ลงมาอาบน้ำไปตลาด ไปซื้อวัสดุ ส่วนผสมมาทำฮอโมนเร่งตาดอก อันนี้เป็นสูตรจากเมือง กาญนะจ๊ะบุรี บ้านคุณนายที่บ้าน แวะซื้อข้าวหมูแดงมากิน แล้วกลับมารดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน
รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านอยู่สองชั่วโมง อากาศมันแล้ง ต้นไม้เริ่มเหี่ยว รดน้ำตอนบ่ายสามกว่าต้องรดให้ชุ่มจริงๆ ไม่งั้นมันจะตาย เลยเปิดรด เปิดฉีด เปิดแช่ไปเต็มๆ สองชั่วโมง
ทุ่มครึ่งดูอาร์เซนอลแพ้ เวสต์บรอมไป 3:1 คือถ้าเล่นแบบนี้ถึงชนะก็ไม่น่าดู ใจไม่สู้ ผลการแข่งขันไม่สำคัญเท่าหัวใจและความสวยงามในการเล่น ผมว่าเวนเกอร์ต้องยอมรับความจริงเสียที ว่าโลกนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว อดีตกับปัจจุบันมันต่างกันมาก ... วางมือเถอะให้คนอื่นมาทำทีมบ้าง
บอลจบ ยังไม่ง่วงหรือนอนไม่หลับก็ไม่รู้ ออกไปขับรถเล่น ตียิม จับโปเกม่อน แวะเข้าไปโคออฟ ยืนดูพี่เสือร้องเพลงได้แป๊บนึง ระบบไฟบนเวที ดูแปลกๆ แสบตาและไม่สวย มุมในการวางไฟมันแยงตาคนดู ก้มลงมาส่องหน้าเต็มๆ ใช้ไฟสองสี เหลืองกับแดงกระพริบไปมาจนเวียนหัว
กลับบ้าน ทั้งๆที่อยากดูต่อ ผมว่างานแสงสีพวกนี้มันเป็นงานศิลปะ ที่ต้องหาคนที่เข้าใจมันมาทำ และทำทุกครั้งต้องตั้งใจด้วย เพลงดี นักร้องดี เสียงดี แต่แสงไม่ดี ทุกอย่างก็จบ ... ใครเป็นคนคิดคนแรกว่าไฟที่สว่างมากๆ แล้วกระพริบถี่ๆ แล้วมันจะสวย ดูยิ่งใหญ่อลังการ
แสบตาจะตายห่า
กลับบ้านนอนหลับตา ยังเห็นเป็นแสงไฟวาบๆอยู่เลย
เช้านี้มีนกมากมายมาร้องปลุกอยู่หน้าบ้าน นกแซงแซว ร้องแกร๊กๆๆดังมาก มันมาหาหญ้าไปทำรัง เดินออกมาถ่ายรูปเก็บไว้นิดหน่อย ช่วงหลังๆมันเข้ามาอยู่ใกล้บ้านมากขึ้น คนไม่ทำอะไรมันหรอก กลัวแต่ว่าแมวจะเอาไปกินเสียก่อน
รีบกินข้าว ทอดไข่ดาวสองลูก ตามด้วยคาราบาวแดง แล้วขึ้นไปบนสวนเลย วันนี้ได้ลองใบตัดหญ้าอันใหม่ด้วย เอาแบบใบเรียวมาใช้ป้องกันหญ้าพันใบตัด ใบมีดแบบนี้ตัดดีเหมือนกันแต่ช้าไปนิด ใบมันแคบกว่าของเดิมเกือบสองนิ้ว แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ ใช้ดีอยู่เหมือนกัน
วันนี้ตัดหญ้าด้านบนสุดของสวน มองดูในห้วยต้นน้ำด้านบน ยังพอมีน้ำอยู่ ยังมีน้ำไหลมาต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มากนัก ช่วงนี้ของปีที่แล้วน้ำในสวนแห้งแล้ว เริ่มจับปลามาปล่อยในบ่อหน้าบ้านกันแล้ว แต่ปีนี้ระดับน้ำยังอยู่ในปริมาณที่น่าพอใจ ปีนี้คงจะผ่านหน้าแล้งไปได้อย่างไม่ลำบากนัก
มีคนบอกผม ถามผมอยู่ประจำ ว่าทำไมผมถึงเดือดร้อนเรื่องน้ำนัก ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ จากที่มาทดลองทำ มาศึกษาดูแล้ว ผมก็พอจะรู้นั่นแหละว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ติดอยู่ตรงที่ไม่มีตังค์นี่ละครับ
เอาไว้ค่อยๆทำไป ปีละนิดปีละหน่อย ปีที่แล้วบ่อที่ผมขุด คูที่ผมลอกไว้ ฝายที่ผมทำไว้ ปีนี้ได้ผลตามที่คาดมีน้ำมีปลาสวยงาม ตามที่คิดไว้ ปีนี้จะทำเพิ่มอีกตามกำลังที่มี ไม่ได้จ้างใคร อีกไม่กี่ปีก็คงจะเสร็จทั้งหมด
ไม่รีบไปไหน คิดว่าจะอยู่อีกนาน
เสร็จจากบนสวน ลงมาอาบน้ำไปตลาด ไปซื้อวัสดุ ส่วนผสมมาทำฮอโมนเร่งตาดอก อันนี้เป็นสูตรจากเมือง กาญนะจ๊ะบุรี บ้านคุณนายที่บ้าน แวะซื้อข้าวหมูแดงมากิน แล้วกลับมารดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน
รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านอยู่สองชั่วโมง อากาศมันแล้ง ต้นไม้เริ่มเหี่ยว รดน้ำตอนบ่ายสามกว่าต้องรดให้ชุ่มจริงๆ ไม่งั้นมันจะตาย เลยเปิดรด เปิดฉีด เปิดแช่ไปเต็มๆ สองชั่วโมง
ทุ่มครึ่งดูอาร์เซนอลแพ้ เวสต์บรอมไป 3:1 คือถ้าเล่นแบบนี้ถึงชนะก็ไม่น่าดู ใจไม่สู้ ผลการแข่งขันไม่สำคัญเท่าหัวใจและความสวยงามในการเล่น ผมว่าเวนเกอร์ต้องยอมรับความจริงเสียที ว่าโลกนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว อดีตกับปัจจุบันมันต่างกันมาก ... วางมือเถอะให้คนอื่นมาทำทีมบ้าง
บอลจบ ยังไม่ง่วงหรือนอนไม่หลับก็ไม่รู้ ออกไปขับรถเล่น ตียิม จับโปเกม่อน แวะเข้าไปโคออฟ ยืนดูพี่เสือร้องเพลงได้แป๊บนึง ระบบไฟบนเวที ดูแปลกๆ แสบตาและไม่สวย มุมในการวางไฟมันแยงตาคนดู ก้มลงมาส่องหน้าเต็มๆ ใช้ไฟสองสี เหลืองกับแดงกระพริบไปมาจนเวียนหัว
กลับบ้าน ทั้งๆที่อยากดูต่อ ผมว่างานแสงสีพวกนี้มันเป็นงานศิลปะ ที่ต้องหาคนที่เข้าใจมันมาทำ และทำทุกครั้งต้องตั้งใจด้วย เพลงดี นักร้องดี เสียงดี แต่แสงไม่ดี ทุกอย่างก็จบ ... ใครเป็นคนคิดคนแรกว่าไฟที่สว่างมากๆ แล้วกระพริบถี่ๆ แล้วมันจะสวย ดูยิ่งใหญ่อลังการ
แสบตาจะตายห่า
กลับบ้านนอนหลับตา ยังเห็นเป็นแสงไฟวาบๆอยู่เลย
วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560
นกแซงแซวหน้าบ้าน
เจ้านกแซงแซวสองตัวนี้ มาช่วยกันดึงรากกล้วยไม้ที่เกาะตามต้นไม้ เพื่อเอาไปทำรัง มันไม่กลัวคน เพราะรู้ว่าที่บ้านไม่มีใครทำอะไรมัน มันเข้ามาใกล้จนบางครั้งเริ่มรู้สึกรำคาญกับเสียง แกร๊กๆๆ ของมัน
บันทึกของเมื่อวาน 17 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 17 มีนาคม 2560
เช้านี้อากาศยังร้อนเหมือนเดิม ฝนยังไม่ตกลงมา พยากรณ์อากาศเชื่อถือไม่ได้มากนัก เดินแบกกล้องกับอาหารปลา เข้าไปในสวนหลังบ้าน ตั้งใจว่าจะถ่ายภาพปลากั้งเก็บไว้ซักชุด
ให้อาหารปลา นั่งถ่ายรูปเงียบๆอยู่พักใหญ่ ช่วงที่เดินกลับ เห็นอะไรแปลกๆตาอยู่บนยอดไม้ เอากล้องซูมขึ้นไป เห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ตายห้อยติดอยู่บนยอดไม้
เหยี่ยวพวกนี้จะมาอยู่บริเวณนี้หลายตัว ช่วงเย็นๆจะเห็นมันบินร่อนอยู่บนฟ้าไกลๆ สูงมาก แต่ทำไมมันถึงตกลงมาตาย อันนี้ไม่รู้จริงๆ สองปีที่แล้ว เคยมีคนถือปืนเดินตาม ไล่ยิงมัน ก็ได้แต่ขอร้องว่าอย่ายิงนก อย่าดักนกในนี้เลย ผมเลี้ยงมันไว้ แต่ก็ยังมีแอบๆมาดัก มายิงอยู่บ้าง ทั้งๆที่เนื้อของมันก็ไม่ได้กินอร่อย หรือจะมีอะไรพิเศษ
คนทุกวันนี้น่ากลัวกว่าสัตว์ ไม่ได้ล่าเพื่อดำรงชีวิต แต่ล่าเพื่อความสนุกสนาน
กลับลงมาจากสวน ออกไปตลาด หาของกินมาทำกับข้าว กินสามชั้นทอดน้ำปลา แล้วเอาเครื่องตัดหญ้าเข้าไปทำงานในสวน อากาศร้อนมาก ต้องพักเป็นระยะ งานตัดหญ้าเหลืออีกไม่มากแล้ว จะเร่งให้เสร็จเสียที ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย
เสร็จจากงานบนสวน ลงมาพักผ่อน พ่อมานอนเล่นที่บ้าน จนบ่ายสามกว่าๆ เดินดูกล้วยหลังบ้าน มีกล้วยน้ำว้าตัดได้อยู่นิดหน่อย แต่ยังไม่รู้จะเอาไปไหน เลยยังไม่ตัด รออีกซักวัน สองวัน
ห้าโมงเย็น ออกไปโลตัส ซื้อไข่ไก่มาแผงนึง จะเอามาทำฮอโมนเร่งดอก เอาเครื่องตัดหญ้าไปเปลี่ยนใบ ที่ร้านป็อก เอาสัปรดไปฝาก 2 ลูก เก็บมาจากบนสวนเมื่อตอนบ่าย ร้านป็อกลูกค้าเยอะ ไม่ได้คุยอะไรมากรีบกลับออกมา ยังมีธุระอีกหลายที่
เข้าไปวัดเกาะ ไปบอกหลวงพี่ เรื่องจะทำบุญที่บ้าน เรื่องยืมของมาใช้ตอนทำบุญบ้าน เจอหลวงเล็ก วัดตันเข้ามานิมนต์หลวงพี่ ไปงานฉลองพัดยศด้วย นั่งคุยกันพักใหญ่ ก็กราบลากลับบ้าน
เมื่อคืนนอนเร็วขึ้นกว่าเดิม หลับก่อนสี่ทุ่ม ระยะหลังๆมา ร่างกายเริ่มปรับตัว นอนเร็วขึ้น ตื่นเช้าขึ้น
เช้านี้อากาศยังร้อนเหมือนเดิม ฝนยังไม่ตกลงมา พยากรณ์อากาศเชื่อถือไม่ได้มากนัก เดินแบกกล้องกับอาหารปลา เข้าไปในสวนหลังบ้าน ตั้งใจว่าจะถ่ายภาพปลากั้งเก็บไว้ซักชุด
ให้อาหารปลา นั่งถ่ายรูปเงียบๆอยู่พักใหญ่ ช่วงที่เดินกลับ เห็นอะไรแปลกๆตาอยู่บนยอดไม้ เอากล้องซูมขึ้นไป เห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ตายห้อยติดอยู่บนยอดไม้
เหยี่ยวพวกนี้จะมาอยู่บริเวณนี้หลายตัว ช่วงเย็นๆจะเห็นมันบินร่อนอยู่บนฟ้าไกลๆ สูงมาก แต่ทำไมมันถึงตกลงมาตาย อันนี้ไม่รู้จริงๆ สองปีที่แล้ว เคยมีคนถือปืนเดินตาม ไล่ยิงมัน ก็ได้แต่ขอร้องว่าอย่ายิงนก อย่าดักนกในนี้เลย ผมเลี้ยงมันไว้ แต่ก็ยังมีแอบๆมาดัก มายิงอยู่บ้าง ทั้งๆที่เนื้อของมันก็ไม่ได้กินอร่อย หรือจะมีอะไรพิเศษ
คนทุกวันนี้น่ากลัวกว่าสัตว์ ไม่ได้ล่าเพื่อดำรงชีวิต แต่ล่าเพื่อความสนุกสนาน
กลับลงมาจากสวน ออกไปตลาด หาของกินมาทำกับข้าว กินสามชั้นทอดน้ำปลา แล้วเอาเครื่องตัดหญ้าเข้าไปทำงานในสวน อากาศร้อนมาก ต้องพักเป็นระยะ งานตัดหญ้าเหลืออีกไม่มากแล้ว จะเร่งให้เสร็จเสียที ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย
เสร็จจากงานบนสวน ลงมาพักผ่อน พ่อมานอนเล่นที่บ้าน จนบ่ายสามกว่าๆ เดินดูกล้วยหลังบ้าน มีกล้วยน้ำว้าตัดได้อยู่นิดหน่อย แต่ยังไม่รู้จะเอาไปไหน เลยยังไม่ตัด รออีกซักวัน สองวัน
ห้าโมงเย็น ออกไปโลตัส ซื้อไข่ไก่มาแผงนึง จะเอามาทำฮอโมนเร่งดอก เอาเครื่องตัดหญ้าไปเปลี่ยนใบ ที่ร้านป็อก เอาสัปรดไปฝาก 2 ลูก เก็บมาจากบนสวนเมื่อตอนบ่าย ร้านป็อกลูกค้าเยอะ ไม่ได้คุยอะไรมากรีบกลับออกมา ยังมีธุระอีกหลายที่
เข้าไปวัดเกาะ ไปบอกหลวงพี่ เรื่องจะทำบุญที่บ้าน เรื่องยืมของมาใช้ตอนทำบุญบ้าน เจอหลวงเล็ก วัดตันเข้ามานิมนต์หลวงพี่ ไปงานฉลองพัดยศด้วย นั่งคุยกันพักใหญ่ ก็กราบลากลับบ้าน
เมื่อคืนนอนเร็วขึ้นกว่าเดิม หลับก่อนสี่ทุ่ม ระยะหลังๆมา ร่างกายเริ่มปรับตัว นอนเร็วขึ้น ตื่นเช้าขึ้น
วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560
เหยี่ยวตายบนยอดไม้หลังบ้าน
วันนี้ในสวน มีเหยี่ยวตายอยู่บนยอดไม้ ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร ดูจากสภาพแล้วคงจะร่วงลงมาจากบนฟ้าลงมาติดอยู่บนยอดไม้ตรงนี้ อาจจะโดนยิงมาจากที่ไหนซักที่นึง แต่คงไม่ใช่ร้อนจนเป็นลมตกลงมาตายแน่ๆ มันบินอยู่แบบนี้ทุกปี ไม่เคยเห็นมันเป็นอะไรเลย
บันทึกของเมื่อวาน 16 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 16 มีนาคม 2560
ตื่นสาย ยังมีตัวขี้เกียจยังเกาะอยู่บนบ่า ยังสลัดออกไปได้ไม่หมด แต่ก็ต้องรีบอาบน้ำ นัดพ่อไว้แปดโมงครึ่ง ไปดูสวนยางที่บ้านนาเดิม คนตัดยางขอไม้กระถินเทพาไปสามต้น
เขามาโค่นแล้วเลื่อยทำแผ่นในสวนเลย เอาไปแต่ไม้ที่ใช้ พวกกิ่งกับเปลือกไม้ ยังกองทิ้งไว้ในสวน เดือนหน้ามีงานกิ่งไม้ มาให้เก็บเพิ่มอีกพอสมควร นอกเหนือจากงานตัดหญ้ากับใส่ปุ๋ย
เสร็จธุระแล้วรีบกลับเข้าบ้าน วันนี้คนซื้อมะพร้าวอ่อน มาขอกรณีพิเศษ ให้ช่วยหามะพร้าวให้หน่อยไม่มีของขายแล้ว ช่วงนี้อากาศร้อน คงจะขายดี เข้าไปตัด เล็มๆเอาในสวนกับหน้าบ้านพ่อ ได้มาสี่สิบกว่าลูก
ขนลงมากองไว้ด้านล่าง รอคนซื้อมาขนเอาไป ลูกละ สิบบาทเหมือนเดิม กลับเข้าไปในสวนอีกรอบ ไปเก็บลูกมะพร้าวแห้ง กับทางมะพร้าวที่หล่นอยู่ในสวน จนบ่ายโมงกว่าๆกลับลงมาพักผ่อน
อาบน้ำทำท่าว่าจะนอน แม่มาบอกว่า พ่อจะไปโรงพยาบาล ไปตรวจสุขภาพที่คลีนิคนอกเวลา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปโรงพยาบาล ส่งพ่อที่ในโรงพยาบาลแล้วขับออกไปฝากรถด้านนอก ค่าฝากรถ 50 บาท
เข้ามาในโรงพยาบาล พ่อกับแม่นั่งรออยู่แล้ว ยื่นบัตรเรียบร้อย รับบัตรคิว ได้คิวที่ 26 นั่งรออยู่ด้านนอกจนสี่โมงเย็นก็เข้าไปรอด้านใน
รอแล้วก็รอ รอไปเรื่อยๆ พ่อได้ตรวจตอนหกโมงกว่าๆ ได้ยามากิน และหมอนัดตรวจอีกครั้งเดือนหน้า แต่อาการโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
พาพ่อกับแม่มากินข้าวร้านกุ๊กสุทธิ์ ร้านประจำแถวๆสยามธานี ให้พ่อซดน้ำ ปลากะพงต้มยำน้ำใส เมนูประจำ รสเด็ดถึงใจ เหงื่อซึมกันเลยทีเดียว
กลับบ้านถึงบ้าน หลับตั้งแต่สามทุ่ม เหมือนปิดสวิทช์ กดปุ๊บ ดับปั๊บ หลับยาวเลย
ตื่นสาย ยังมีตัวขี้เกียจยังเกาะอยู่บนบ่า ยังสลัดออกไปได้ไม่หมด แต่ก็ต้องรีบอาบน้ำ นัดพ่อไว้แปดโมงครึ่ง ไปดูสวนยางที่บ้านนาเดิม คนตัดยางขอไม้กระถินเทพาไปสามต้น
เขามาโค่นแล้วเลื่อยทำแผ่นในสวนเลย เอาไปแต่ไม้ที่ใช้ พวกกิ่งกับเปลือกไม้ ยังกองทิ้งไว้ในสวน เดือนหน้ามีงานกิ่งไม้ มาให้เก็บเพิ่มอีกพอสมควร นอกเหนือจากงานตัดหญ้ากับใส่ปุ๋ย
เสร็จธุระแล้วรีบกลับเข้าบ้าน วันนี้คนซื้อมะพร้าวอ่อน มาขอกรณีพิเศษ ให้ช่วยหามะพร้าวให้หน่อยไม่มีของขายแล้ว ช่วงนี้อากาศร้อน คงจะขายดี เข้าไปตัด เล็มๆเอาในสวนกับหน้าบ้านพ่อ ได้มาสี่สิบกว่าลูก
ขนลงมากองไว้ด้านล่าง รอคนซื้อมาขนเอาไป ลูกละ สิบบาทเหมือนเดิม กลับเข้าไปในสวนอีกรอบ ไปเก็บลูกมะพร้าวแห้ง กับทางมะพร้าวที่หล่นอยู่ในสวน จนบ่ายโมงกว่าๆกลับลงมาพักผ่อน
อาบน้ำทำท่าว่าจะนอน แม่มาบอกว่า พ่อจะไปโรงพยาบาล ไปตรวจสุขภาพที่คลีนิคนอกเวลา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปโรงพยาบาล ส่งพ่อที่ในโรงพยาบาลแล้วขับออกไปฝากรถด้านนอก ค่าฝากรถ 50 บาท
เข้ามาในโรงพยาบาล พ่อกับแม่นั่งรออยู่แล้ว ยื่นบัตรเรียบร้อย รับบัตรคิว ได้คิวที่ 26 นั่งรออยู่ด้านนอกจนสี่โมงเย็นก็เข้าไปรอด้านใน
รอแล้วก็รอ รอไปเรื่อยๆ พ่อได้ตรวจตอนหกโมงกว่าๆ ได้ยามากิน และหมอนัดตรวจอีกครั้งเดือนหน้า แต่อาการโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
พาพ่อกับแม่มากินข้าวร้านกุ๊กสุทธิ์ ร้านประจำแถวๆสยามธานี ให้พ่อซดน้ำ ปลากะพงต้มยำน้ำใส เมนูประจำ รสเด็ดถึงใจ เหงื่อซึมกันเลยทีเดียว
กลับบ้านถึงบ้าน หลับตั้งแต่สามทุ่ม เหมือนปิดสวิทช์ กดปุ๊บ ดับปั๊บ หลับยาวเลย
ปลากั้งในห้วยหลังบ้าน
ปลากั้งในห้วยหลังบ้าน ที่บ้านไม่มีใครกินมัน สมัยก่อนที่ยังจับปลากิน จะเลือกกินแต่ปลาช่อนตัวใหญ่ๆ ปลากั้งจะปล่อยทั้งหมด
ตอนนี้มันขยายพันธุ์เต็มไปทั้งสวน ตรงไหนที่น้ำไหลผ่าน จะเห็นมันซุ่มอยู่เงียบๆริมน้ำ ปีไหนน้ำแห้ง ผมจะจับมาใส่บ่อที่บ้านไว้ก่อน พอฝนตกมีน้ำขังก็จะเอาไปปล่อยกลับคืน บางครั้งเวลาเดินเข้าไปในสวน จะเห็นมันกัดกัน เวลามันกัดกันจะคล้ายๆเวลาปลากัด หรือ ปลาหัวตะกั่วสู้กัน เอาหางตบๆกันไปมา เอาปากกัดข้างแก้ม มีการกัดปากบิดกันเหมือนปลากัด นั่งดูเพลินดี
บันทึกของเมื่อวาน 15 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 15 มีนาคม 2560
ตื่นนอนแบบขี้เกียจ หลังจากเสร็จสิ้นภาะกิจเรื่องศาลพระภูมิหน้าบ้านพ่อ ที่ทำงานกลางแดดติดๆกันมาหลายวัน ตื่นนอนบิดไป บิดมา อากาศร้อนตั้งแต่เช้า ยังไม่มีความรู้สึกอยากจะถ่ายรูปนกหลังบ้าน ทั้งๆที่ช่วงนี้ได้ยินเสียงร้องอยู่ใกล้ๆ
พ่อมาชวนออกไปข้างนอก จะไปนวดที่บ้านหมอนวดตาบอดในเมือง นัดไว้สิบโมงครึ่ง ยังพอมีเวลา เดินเข้าสวนไปดูน้ำ ดูปลา น้ำแห้งไปอีกล็อคนึง ด้านบนผมกั้นน้ำไว้เป็นฝายชลอน้ำ แบ่งเป็นล็อคๆไว้ ตอนนี้เริ่มแห้งขึ้นไปมากแล้ว
ตัดกล้วยหอมลงมาหนึ่งเครือ มีอยู่สามหวี พอได้กินเล่นๆ ตอนเดินกลับลงมาเห็นหน่อไม้อยู่สองสามหน่อ เอาไว้กลับมาจากในเมืองค่อยเดินขึ้นมาตัด รีบลงมาอาบน้ำ พาพ่อเข้ามาในเมือง
พ่อได้คิวนวดตอนสิบเอ็ดโมง เสร็จประมาณบ่ายโมง ส่งพ่อเสร็จไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเพื่อนยิ้วที่หลังโรงเรียนเมือง สั่งใส่ถุงมาให้พ่อ กับเตรียมไว้มื้อเย็นด้วยเลย
มารอพ่อในวัดหลวงพ่อพัฒน์ ตียิมจับโปเกม่อนไปเรื่อยๆ จนบ่ายโมงไปรับพ่อกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านอากาศร้อนมาก ร้อนจนไม่อยากจะทำอะไร กินเกาเหลาที่ซื้อมาจากร้านยิ้วอีกรอบ แม่เอาโค้กมาให้ แต่ไม่มีน้ำแข็ง เย็นๆค่อยออกไปซื้อที่ตลาด ช่วงนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าพวกน้ำเย็นๆแบบนี้
อิ่มดีแล้ว เข้าไปตัดหน่อไม้ เอามาใส่ไว้ท้ายรถ ช่วงเย็นตอนไปตลาด ค่อยเอาไปให้ป็อกที่ร้าน แต่ตอนนี้ขอหลับเอาแรงก่อน ตื่นมาตอนสี่โมงกว่า เอาหน่อไม้ไปให้ป็อก แล้วเข้าไปในซอยจีรพันธ์ ซื้อน้ำแข็งซื้อกับข้าว มาเผื่อพรุ่งนี้ด้วยเลย ขี้เกียจออกมาตลาดหลายรอบ
กลับบ้าน กินข้าวกับขาหมูที่ซื้อมาจากตลาด ไม่แน่ใจว่าเป็นขาหมูพะโล้ หรือขาหมูเชื่อม หวานมาก แต่ก็กินจนหมด ว่าจะลงรูปต่อให้เสร็จ แต่อากาศมันร้อนจนไม่อยากจะทำอะไร นอนเล่นๆไปเรื่อยๆ หลับไปตอนเที่ยงคืนกว่าๆ
ตื่นนอนแบบขี้เกียจ หลังจากเสร็จสิ้นภาะกิจเรื่องศาลพระภูมิหน้าบ้านพ่อ ที่ทำงานกลางแดดติดๆกันมาหลายวัน ตื่นนอนบิดไป บิดมา อากาศร้อนตั้งแต่เช้า ยังไม่มีความรู้สึกอยากจะถ่ายรูปนกหลังบ้าน ทั้งๆที่ช่วงนี้ได้ยินเสียงร้องอยู่ใกล้ๆ
พ่อมาชวนออกไปข้างนอก จะไปนวดที่บ้านหมอนวดตาบอดในเมือง นัดไว้สิบโมงครึ่ง ยังพอมีเวลา เดินเข้าสวนไปดูน้ำ ดูปลา น้ำแห้งไปอีกล็อคนึง ด้านบนผมกั้นน้ำไว้เป็นฝายชลอน้ำ แบ่งเป็นล็อคๆไว้ ตอนนี้เริ่มแห้งขึ้นไปมากแล้ว
ตัดกล้วยหอมลงมาหนึ่งเครือ มีอยู่สามหวี พอได้กินเล่นๆ ตอนเดินกลับลงมาเห็นหน่อไม้อยู่สองสามหน่อ เอาไว้กลับมาจากในเมืองค่อยเดินขึ้นมาตัด รีบลงมาอาบน้ำ พาพ่อเข้ามาในเมือง
พ่อได้คิวนวดตอนสิบเอ็ดโมง เสร็จประมาณบ่ายโมง ส่งพ่อเสร็จไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเพื่อนยิ้วที่หลังโรงเรียนเมือง สั่งใส่ถุงมาให้พ่อ กับเตรียมไว้มื้อเย็นด้วยเลย
มารอพ่อในวัดหลวงพ่อพัฒน์ ตียิมจับโปเกม่อนไปเรื่อยๆ จนบ่ายโมงไปรับพ่อกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านอากาศร้อนมาก ร้อนจนไม่อยากจะทำอะไร กินเกาเหลาที่ซื้อมาจากร้านยิ้วอีกรอบ แม่เอาโค้กมาให้ แต่ไม่มีน้ำแข็ง เย็นๆค่อยออกไปซื้อที่ตลาด ช่วงนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าพวกน้ำเย็นๆแบบนี้
อิ่มดีแล้ว เข้าไปตัดหน่อไม้ เอามาใส่ไว้ท้ายรถ ช่วงเย็นตอนไปตลาด ค่อยเอาไปให้ป็อกที่ร้าน แต่ตอนนี้ขอหลับเอาแรงก่อน ตื่นมาตอนสี่โมงกว่า เอาหน่อไม้ไปให้ป็อก แล้วเข้าไปในซอยจีรพันธ์ ซื้อน้ำแข็งซื้อกับข้าว มาเผื่อพรุ่งนี้ด้วยเลย ขี้เกียจออกมาตลาดหลายรอบ
กลับบ้าน กินข้าวกับขาหมูที่ซื้อมาจากตลาด ไม่แน่ใจว่าเป็นขาหมูพะโล้ หรือขาหมูเชื่อม หวานมาก แต่ก็กินจนหมด ว่าจะลงรูปต่อให้เสร็จ แต่อากาศมันร้อนจนไม่อยากจะทำอะไร นอนเล่นๆไปเรื่อยๆ หลับไปตอนเที่ยงคืนกว่าๆ
บันทึกของเมื่อวาน 14 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 14 มีนาคม 2560
ตื่นเช้าอีกวัน รีบออกจากบ้านไปส่งคุณนายที่บ้านดอน อบรมวิธีชงกาแฟสด ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ปกติกินกาแฟซอง ยี่ห้ออะไรก็ได้ ไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ช่วงเช้าๆ รถในเมืองยังไม่มาก ไปกลับใช้เวลาไม่นาน
กลับมาถึงบ้าน เข้าสวนช่วงเช้า เอาอาหารไปให้ปลาในห้วย น้ำลดลงมาก บริเวณปลายน้ำที่ปล่อยออก ที่ไม่ได้ทำฝายกั้นไว้ เริ่มแห้งแล้ว ถ้าอากาศยังร้อนจัดแบบนี้อีกซักเดือน ต้นไม้คงจะเริ่มเหี่ยว ต้องหาน้ำมารดกันอีก
เก็บมะนาวลงมาให้แม่ แล้วดูความเรียบร้อยเรื่องของไหว้ ตั้งศาลพระภูมิ ปกติที่บ้านไม่เคยมีศาลพระภูมิ แต่พออายุมากขึ้น เริ่มเข้าใจว่า อะไรที่ทำให้ใจสงบ มีความสุขก็ทำไปเถิด
ยุคนี้ไหว้ผี ดีกว่าไหว้พระชั่วๆ ผมยังเชื่อเช่นนั้น พระดีเรายกไว้ คำสอนที่ดีเรานำมาปฏิบัติ แต่อะไรที่มันเกินไปเราก็วางเสีย ใครจะว่าพระภูมิไม่ใช่พุทธแท้ ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะทุกวันนี้ พุทธแท้ๆอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
เที่ยงตรงออกไปรับหมอทำพิธีแถวๆตลาดดอนนก กลับมาถึงบ้าน พี่เขียว กับพี่แจ๋ว มาถึงก่อนแล้ว ช่วยกันจัดเตรียมของ วางของไหว้ ทำพิธีเชิญเจ้าที่ เจ้าทาง ตามแบบโบราณที่ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เสร็จประมาณบ่ายสองกว่า เสร็จเรื่องเสร็จราว เกิดความสบายใจ รู้สึกหายเหนื่อย หลังจากที่ทำฐาน ก่ออิฐ เทปูน กลางแดดอยู่หลายวัน
พี่เจนนี่เข้ามาพอดี เอาหนังสือมาคืน เอามะม่วงกับมะปรางมาฝาก ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก เพราะต้องรีบออกไปส่งหมอที่ในเมือง ออกจากบ้านสอบถามวิธีการบูชา เรื่องราวอื่นๆที่สงสัยไปในรถ จนส่งหมอเสร็จแวะรับคุณนาย ที่อบรมเสร็จพอดีเหมือนกันกลับบ้าน
บ่ายสามกว่าๆ หลับสนิท คงเป็นเพราะเหนื่อยติดๆมาหลายวัน ตื่นมาอีกทีทุ่มกว่าๆ ออกจากบ้านไปโคออฟ ตั้งใจไว้นานแล้วว่า คืนนี้จะไปดูน้าซู วงซูซู ที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก
ถึงโคออฟ หาของกินในอาคารติดแอร์ อาหารอร่อยกว่างานฟู๊ดแฟร์ที่บ้านดอน แต่ขายในราคาพอๆกัน งานโคออฟช่วงหลังๆมีการพัฒนาขึ้นมาก ทั้งเรื่องการบริหารจัดการร้านค้า การแสดงบนเวที ดูจะมีอะไรๆที่น่าสนใจมากกว่างานในเมืองสุราษฎร์ธานี
งานริมน้ำในเมือง ตอนนี้มีงานฟู๊ดแฟร์ หลังจากนี้ก็ยังมีงานต่ออีก เห็นติดป้ายว่าเป็นงานสมโภชน์หลักเมืองไปยืนอ่านป้าย ดูรายการศิลปินที่มาแสดงบนเวที น้ำตาแทบไหล ... ไม่รู้จักซักคน
กินอิ่ม เข้าไปนั่งหามุมสงบๆแถวๆเวที ดูวงดนตรีที่แสดงบนเวที วันนี้เล่นดีมาก ผมดูวงนี้หลายครั้งแล้ว วันนี้เล่นดีกว่าครั้งก่อนๆ แสดงว่ามีการพัฒนาขึ้น นักร้องดูจะมีประสบการณ์ด้านหน้าเวทีมากขึ้น ระบบเสียงดี ทำให้รู้สึกว่าคืนนี้ ตอนน้าซูเล่นต้องสนุกแน่ๆ
สี่ทุ่มกว่าๆ น้าซูขึ้นเวที เล่นเพลงเก่าๆสมัยที่ติดตามฟัง สนุกมาก อย่างที่เขียนไปก่อนหน้านี้ เลื่อนๆลงไปอ่านด้านล่างได้ ดูน้าซูไปจนห้าทุ่มกว่าๆ ก็กลับออกมา
เวลาไปเที่ยวดูงานแบบนี้ ผมไม่ค่อยชอบกลับพร้อมคนมากๆ มันวุ่นวาย จะกลับออกมาก่อนซักสิบนาทีเป็นประจำ กลับถึงบ้านเที่ยงคืนกว่าๆ นั่งดูรูป ลงรูปแล้วเขียนถึงน้าซู นอนพลิกไป พลิกมา จนตีสองกว่าก็ยังนอนไม่หลับ
นึกได้ว่าตอนก่อนเข้าไปดูน้าซู ซื้อกาแฟเย็นไปแก้วนึงด้วย มิน่าล่ะป่านนี้แล้วถึงยังไม่ง่วง สุดท้ายเปิดยูทูป นอนดูอะไรๆไปเรื่อยเปื่อย จนตีสี่ ตัดใจหลับตานอนจนหลับไป
ตื่นเช้าอีกวัน รีบออกจากบ้านไปส่งคุณนายที่บ้านดอน อบรมวิธีชงกาแฟสด ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ปกติกินกาแฟซอง ยี่ห้ออะไรก็ได้ ไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ช่วงเช้าๆ รถในเมืองยังไม่มาก ไปกลับใช้เวลาไม่นาน
กลับมาถึงบ้าน เข้าสวนช่วงเช้า เอาอาหารไปให้ปลาในห้วย น้ำลดลงมาก บริเวณปลายน้ำที่ปล่อยออก ที่ไม่ได้ทำฝายกั้นไว้ เริ่มแห้งแล้ว ถ้าอากาศยังร้อนจัดแบบนี้อีกซักเดือน ต้นไม้คงจะเริ่มเหี่ยว ต้องหาน้ำมารดกันอีก
เก็บมะนาวลงมาให้แม่ แล้วดูความเรียบร้อยเรื่องของไหว้ ตั้งศาลพระภูมิ ปกติที่บ้านไม่เคยมีศาลพระภูมิ แต่พออายุมากขึ้น เริ่มเข้าใจว่า อะไรที่ทำให้ใจสงบ มีความสุขก็ทำไปเถิด
ยุคนี้ไหว้ผี ดีกว่าไหว้พระชั่วๆ ผมยังเชื่อเช่นนั้น พระดีเรายกไว้ คำสอนที่ดีเรานำมาปฏิบัติ แต่อะไรที่มันเกินไปเราก็วางเสีย ใครจะว่าพระภูมิไม่ใช่พุทธแท้ ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะทุกวันนี้ พุทธแท้ๆอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
เที่ยงตรงออกไปรับหมอทำพิธีแถวๆตลาดดอนนก กลับมาถึงบ้าน พี่เขียว กับพี่แจ๋ว มาถึงก่อนแล้ว ช่วยกันจัดเตรียมของ วางของไหว้ ทำพิธีเชิญเจ้าที่ เจ้าทาง ตามแบบโบราณที่ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เสร็จประมาณบ่ายสองกว่า เสร็จเรื่องเสร็จราว เกิดความสบายใจ รู้สึกหายเหนื่อย หลังจากที่ทำฐาน ก่ออิฐ เทปูน กลางแดดอยู่หลายวัน
พี่เจนนี่เข้ามาพอดี เอาหนังสือมาคืน เอามะม่วงกับมะปรางมาฝาก ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก เพราะต้องรีบออกไปส่งหมอที่ในเมือง ออกจากบ้านสอบถามวิธีการบูชา เรื่องราวอื่นๆที่สงสัยไปในรถ จนส่งหมอเสร็จแวะรับคุณนาย ที่อบรมเสร็จพอดีเหมือนกันกลับบ้าน
บ่ายสามกว่าๆ หลับสนิท คงเป็นเพราะเหนื่อยติดๆมาหลายวัน ตื่นมาอีกทีทุ่มกว่าๆ ออกจากบ้านไปโคออฟ ตั้งใจไว้นานแล้วว่า คืนนี้จะไปดูน้าซู วงซูซู ที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก
ถึงโคออฟ หาของกินในอาคารติดแอร์ อาหารอร่อยกว่างานฟู๊ดแฟร์ที่บ้านดอน แต่ขายในราคาพอๆกัน งานโคออฟช่วงหลังๆมีการพัฒนาขึ้นมาก ทั้งเรื่องการบริหารจัดการร้านค้า การแสดงบนเวที ดูจะมีอะไรๆที่น่าสนใจมากกว่างานในเมืองสุราษฎร์ธานี
งานริมน้ำในเมือง ตอนนี้มีงานฟู๊ดแฟร์ หลังจากนี้ก็ยังมีงานต่ออีก เห็นติดป้ายว่าเป็นงานสมโภชน์หลักเมืองไปยืนอ่านป้าย ดูรายการศิลปินที่มาแสดงบนเวที น้ำตาแทบไหล ... ไม่รู้จักซักคน
กินอิ่ม เข้าไปนั่งหามุมสงบๆแถวๆเวที ดูวงดนตรีที่แสดงบนเวที วันนี้เล่นดีมาก ผมดูวงนี้หลายครั้งแล้ว วันนี้เล่นดีกว่าครั้งก่อนๆ แสดงว่ามีการพัฒนาขึ้น นักร้องดูจะมีประสบการณ์ด้านหน้าเวทีมากขึ้น ระบบเสียงดี ทำให้รู้สึกว่าคืนนี้ ตอนน้าซูเล่นต้องสนุกแน่ๆ
สี่ทุ่มกว่าๆ น้าซูขึ้นเวที เล่นเพลงเก่าๆสมัยที่ติดตามฟัง สนุกมาก อย่างที่เขียนไปก่อนหน้านี้ เลื่อนๆลงไปอ่านด้านล่างได้ ดูน้าซูไปจนห้าทุ่มกว่าๆ ก็กลับออกมา
เวลาไปเที่ยวดูงานแบบนี้ ผมไม่ค่อยชอบกลับพร้อมคนมากๆ มันวุ่นวาย จะกลับออกมาก่อนซักสิบนาทีเป็นประจำ กลับถึงบ้านเที่ยงคืนกว่าๆ นั่งดูรูป ลงรูปแล้วเขียนถึงน้าซู นอนพลิกไป พลิกมา จนตีสองกว่าก็ยังนอนไม่หลับ
นึกได้ว่าตอนก่อนเข้าไปดูน้าซู ซื้อกาแฟเย็นไปแก้วนึงด้วย มิน่าล่ะป่านนี้แล้วถึงยังไม่ง่วง สุดท้ายเปิดยูทูป นอนดูอะไรๆไปเรื่อยเปื่อย จนตีสี่ ตัดใจหลับตานอนจนหลับไป
วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560
น้าซู วงซูซู
น้าครับ วันนี้ได้ไปนั่งดูน้าเล่นที่โคออฟ สุราษฎร์ธานี สามสิบปีแล้วนะที่น้าอยู่ในใจของผมมาตลอด ในชีวิตที่ฟังเพลงเพื่อชีวิต เริ่มต้นจากวงคาราบาว แล้วก็เป็น เพลงของน้านี่แหละ
วงอื่นผมก็ฟังนะ คาราวาน พงษ์เทพ คนด่านเกวียน แต่วงที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกมากๆทุกครั้งคือ คาราบาว กับ น้าซู ผมฟังเพลงของน้าตั้งแต่เป็นกระท้อน จนผ่านมาหลายยุคหลายทีมงานจนถึงปัจจุบัน ไม่นับวงสองวัยสมัยก่อนนะ ทุกวันนี้น้าก็ยังอยู่ในใจเสมอ
วันนี้น้าเล่นสนุกเหมือนเดิม น้องๆที่มาเล่นกับน้าก็เต็มไปด้วยพลัง มีความสนุกในการเล่น และมากไปด้วยฝีมือ เพลงเก่าๆหลายเพลงที่น้าเล่น ทำให้คิดถึงวันเก่าๆ
ผมไม่ได้จำเพลงของน้าจากเสียงของนักร้องนำ แต่จำได้จากสำเนียงกีตาร์ และจังหวะของเพลง ใครร้องก็เหมือนกันในความรู้สึกของผม
เพลงที่ไม่ได้ฟังมานานแล้ว อย่าง นางสาวไทยแลนด์ มยุรา ราชาสามช่า ใครสักคน สาวรำวง และอีกหลายเพลงมันทำให้รู้สึกกลับไปเป็นวัยรุ่น
ตอนน้าเล่นเพลงมยุราในรายการเจ็ดสีคอนเสิร์ต ผมยังนั่งดูอยู่หน้าทีวีที่บ้าน วันนี้ได้ฟังเพลงนี้อีกครั้ง ทำให้ความทรงจำยุคนั้นกลับมาอีกที เมื่อคืนยังได้รู้ข่าวเพื่อนเก่า เจ้าม้งลงแดง เปลี่ยนรถจากมาสด้าเป็นโตโยต้า แต่เป็นคันสีแดงๆเหมือนเดิม สนุกเหมือนเดิม
เพลงใหม่ๆของน้า เพลงกีตาร์คาลอส ก็ไม่ผิดหวัง น้าเล่นกันสุดยอดกันทั้งวง เหมือนที่ผมเปิดดูในยูทูปมานับครั้งไม่ถ้วน เพลงใหม่อีกเพลงที่จำชื่อเพลงไม่ได้ แต่จำเนื้อได้แค่ ขี้จุ๊ มุสา อลัชชี นะจ๊ะๆๆ ก็สนุกดี
ขอบคุณความสุขในค่ำคืนนี้ สามสิบปีที่ผ่านมา เพลงของน้ายังทำให้ผมมีความสุขอยู่เหมือนเดิม ขอให้น้ามีสุขภาพแข็งแรง สร้างความสุขด้านเสียงเพลงให้แฟนๆได้ชมได้ฟังกันไปอีกนานๆนะครับ
ในภาพอาจจะมี 1 คน, อยู่บนเวที และ กำลังเล่นเครื่องดนตรี
บันทึกของเมื่อวาน 13 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 13 มีนาคม 2560
ตื่นเช้า รีบออกจากบ้านไปตลาด ซื้อข้าว ซื้อปูน มาทำฐานศาลพระภูมิต่อจากเมื่อวาน วันนี้ต้องเสร็จ เพราะพรุ่งนี้จะทำพิธีตั้งศาล
จัดการเทปูนจนเสร็จเรียบร้อย ประมาณเที่ยง กลับมาพักผ่อน จนบ่ายสาม เอากล้วยไปส่งให้แม่ค้า ได้มาสองร้อยสามสิบบาท กลับมาบ้านอีกครั้ง ปรับพื้นที่รอบศาล ตัดกิ่งไม้ เก็บขยะ เคลียร์พื้นที่ จัดความเรียบร้อย
หกโมงกว่าๆ ออกไปริมน้ำ นอนจับโปเกม่อน หมุนเสาในรถ จนสองทุ่ม ออกไปเดินงานฟู๊ดแฟร์ ซื้ออาหารมากินสองสามอย่าง ... อาหารที่โคออฟ อร่อยกว่าเยอะเลย
นั่งรอดูมโนราห์ แต่ไม่เต็มที่ เหมือนกับมีข้อจำกัดเรื่องเวลา รีบเล่น รีบไป ค่อยหาโอกาสไปดูที่อื่นอีกที รู้สึกว่ามันค้างๆคาๆ ไม่เต็มอิ่ม
นั่งดูมโนราห์อยู่ด้านข้าง ห่างเวทีพอสมควร ใช้เลนส์ซูมถ่ายเอา พอถึงช่วงรำสวยๆ ยกกล้องกำลังจะถ่าย มีพม่ามาจากไหนไม่รู้ ห้า หกคน ยืนบังมิดเลย แล้วมันก็ไม่ใช่ดูบนเวที มันยืนคุยกัน แต่มันก็ไกลเกินกว่าที่จะบอกให้เขาขยับ
แต่เอาเข้าจริงๆ คงไม่กล้าบอกหรอก กลัวสื่อสารกันไม่เข้าใจ กลัวมันมีมีด มีปืน เดี๋ยวจะตายเอาง่ายๆ มาเที่ยวงานฟรี ดูมโนราห์ฟรี อาจจะตายฟรีๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้
ช่วงหลังๆ ในเมืองสุราษฎร์ธานี จะจัดงานบ่อยมากขึ้น แต่คุณภาพลดลงไปจริงๆนะ ส่วนที่โคออฟ ถึงจะจัดงานบ่อยพอๆกัน แต่มาตรฐานการจัดงานดีกว่า พวกการแสดงมีศิลปิน มากมายหลายแนวกว่า
แต่ก็ช่างเถอะ เขาให้ดูฟรี จะบ่นเอาอะไรนักหนา เดี๋ยวจะโดนด่าเอาเปล่าๆ กลับมาถึงบ้าน นอน พักผ่อน พรุ่งนี้มีธุระตั้งแต่เช้า
ตื่นเช้า รีบออกจากบ้านไปตลาด ซื้อข้าว ซื้อปูน มาทำฐานศาลพระภูมิต่อจากเมื่อวาน วันนี้ต้องเสร็จ เพราะพรุ่งนี้จะทำพิธีตั้งศาล
จัดการเทปูนจนเสร็จเรียบร้อย ประมาณเที่ยง กลับมาพักผ่อน จนบ่ายสาม เอากล้วยไปส่งให้แม่ค้า ได้มาสองร้อยสามสิบบาท กลับมาบ้านอีกครั้ง ปรับพื้นที่รอบศาล ตัดกิ่งไม้ เก็บขยะ เคลียร์พื้นที่ จัดความเรียบร้อย
หกโมงกว่าๆ ออกไปริมน้ำ นอนจับโปเกม่อน หมุนเสาในรถ จนสองทุ่ม ออกไปเดินงานฟู๊ดแฟร์ ซื้ออาหารมากินสองสามอย่าง ... อาหารที่โคออฟ อร่อยกว่าเยอะเลย
นั่งรอดูมโนราห์ แต่ไม่เต็มที่ เหมือนกับมีข้อจำกัดเรื่องเวลา รีบเล่น รีบไป ค่อยหาโอกาสไปดูที่อื่นอีกที รู้สึกว่ามันค้างๆคาๆ ไม่เต็มอิ่ม
นั่งดูมโนราห์อยู่ด้านข้าง ห่างเวทีพอสมควร ใช้เลนส์ซูมถ่ายเอา พอถึงช่วงรำสวยๆ ยกกล้องกำลังจะถ่าย มีพม่ามาจากไหนไม่รู้ ห้า หกคน ยืนบังมิดเลย แล้วมันก็ไม่ใช่ดูบนเวที มันยืนคุยกัน แต่มันก็ไกลเกินกว่าที่จะบอกให้เขาขยับ
แต่เอาเข้าจริงๆ คงไม่กล้าบอกหรอก กลัวสื่อสารกันไม่เข้าใจ กลัวมันมีมีด มีปืน เดี๋ยวจะตายเอาง่ายๆ มาเที่ยวงานฟรี ดูมโนราห์ฟรี อาจจะตายฟรีๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้
ช่วงหลังๆ ในเมืองสุราษฎร์ธานี จะจัดงานบ่อยมากขึ้น แต่คุณภาพลดลงไปจริงๆนะ ส่วนที่โคออฟ ถึงจะจัดงานบ่อยพอๆกัน แต่มาตรฐานการจัดงานดีกว่า พวกการแสดงมีศิลปิน มากมายหลายแนวกว่า
แต่ก็ช่างเถอะ เขาให้ดูฟรี จะบ่นเอาอะไรนักหนา เดี๋ยวจะโดนด่าเอาเปล่าๆ กลับมาถึงบ้าน นอน พักผ่อน พรุ่งนี้มีธุระตั้งแต่เช้า
วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 12 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 12 มีนาคม 2560
ตื่นมาแบบปวดเมื่อยไปทั้งตัว ผสมปูนเทพื้นศาลพระภูมิได้ครึ่งนึง ตามที่วางแผนไว้ วันนี้จะเอาฐานไปวางแล้วเทปูนทับฐานให้แข็งแรง
กินข้าวเช้าเสร็จก็ลุยเลย ผสมปูน เทพื้น จัดการปรับพื้นให้ได้ฉาก ระหว่างที่รอปูนแห้ง เข้าไปในสวน ตัดกล้วยหักมุก กับกล้วยหอมลงมาเตรียมส่งแม่ค้า ได้กล้วยหอมมาห้าหวี เอาไปให้พ่อสองหวี ที่เหลือเก็บไว้กินเอง
กล้วยหักมุกได้มายี่สิบสามหวี ส่งหวีละสิบบาท พอได้ค่ากับข้าวพรุ่งนี้ ตัดกล้วยออกจากเครือ แล้ววางไว้ก่อน กลับออกมาจากสวน แม่เอาราดหน้ามาให้หม้อใหญ่ แถมเส้นอีกประมาณกิโลนึง กินไปได้ทั้งวัน
กินเที่ยงอิ่มแล้วออกมายกฐานศาลพระภูมิ มาตั้งบนฐานที่เตรียมไว้ จัดเหลี่ยม จัดมุมให้เข้าที่เข้าทาง ผสมปูนเทพื้นไปเรื่อยๆ แต่ปูนหมดเสียก่อน เหลืออีกนิดเดียวเอง พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปในตลาดซื้อมาอีกซักกระสอบ คงจะเสร็จทันตามกำหนดที่นัดไว้
พี่เจนนี่โทรมาขอยืมหนังสือเกี่ยวกับศรีวิชัย จะเอาไปประกอบงานเขียน สงสัยจะเป็นงานด่วน แกมาเอาเองที่หน้าบ้าน ชวนมานั่งในบ้านก็ไม่ทัน บอกว่ารีบมาก ต้องส่งคืนนี้ ให้หนังสือไปสองเล่ม คงจะพอได้ข้อมูลอยู่พอสมควร
กลับเข้าบ้าน อาบน้ำ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว นึกได้ว่า วันนี้ยังไม่ได้จับโปเกม่อน กับหมุนบอล เดินออกไปบนควนท่าล้อน หมุนบอล กับจับโปเกม่อนตัวแรกของวัน ได้ระยะเดิน ไปกลับเพิ่มมาอีกสี่ร้อยเมตร
กินราดหน้าชุดสุดท้าย แล้วกินยาแก้ปวดเมื่อยไปชุดนึง ว่าจะรีบนอน แต่ก็แอบแช่งลิเวอร์พูลให้เสมอ เช็คผลไปเรื่อยๆ สุดท้าย หิวอีกรอบ เดินเข้าครัว ตักข้าว เปิดปลากระป๋อง กินไปอีกมื้อ ก่อนนอน
ตื่นมาแบบปวดเมื่อยไปทั้งตัว ผสมปูนเทพื้นศาลพระภูมิได้ครึ่งนึง ตามที่วางแผนไว้ วันนี้จะเอาฐานไปวางแล้วเทปูนทับฐานให้แข็งแรง
กินข้าวเช้าเสร็จก็ลุยเลย ผสมปูน เทพื้น จัดการปรับพื้นให้ได้ฉาก ระหว่างที่รอปูนแห้ง เข้าไปในสวน ตัดกล้วยหักมุก กับกล้วยหอมลงมาเตรียมส่งแม่ค้า ได้กล้วยหอมมาห้าหวี เอาไปให้พ่อสองหวี ที่เหลือเก็บไว้กินเอง
กล้วยหักมุกได้มายี่สิบสามหวี ส่งหวีละสิบบาท พอได้ค่ากับข้าวพรุ่งนี้ ตัดกล้วยออกจากเครือ แล้ววางไว้ก่อน กลับออกมาจากสวน แม่เอาราดหน้ามาให้หม้อใหญ่ แถมเส้นอีกประมาณกิโลนึง กินไปได้ทั้งวัน
กินเที่ยงอิ่มแล้วออกมายกฐานศาลพระภูมิ มาตั้งบนฐานที่เตรียมไว้ จัดเหลี่ยม จัดมุมให้เข้าที่เข้าทาง ผสมปูนเทพื้นไปเรื่อยๆ แต่ปูนหมดเสียก่อน เหลืออีกนิดเดียวเอง พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปในตลาดซื้อมาอีกซักกระสอบ คงจะเสร็จทันตามกำหนดที่นัดไว้
พี่เจนนี่โทรมาขอยืมหนังสือเกี่ยวกับศรีวิชัย จะเอาไปประกอบงานเขียน สงสัยจะเป็นงานด่วน แกมาเอาเองที่หน้าบ้าน ชวนมานั่งในบ้านก็ไม่ทัน บอกว่ารีบมาก ต้องส่งคืนนี้ ให้หนังสือไปสองเล่ม คงจะพอได้ข้อมูลอยู่พอสมควร
กลับเข้าบ้าน อาบน้ำ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว นึกได้ว่า วันนี้ยังไม่ได้จับโปเกม่อน กับหมุนบอล เดินออกไปบนควนท่าล้อน หมุนบอล กับจับโปเกม่อนตัวแรกของวัน ได้ระยะเดิน ไปกลับเพิ่มมาอีกสี่ร้อยเมตร
กินราดหน้าชุดสุดท้าย แล้วกินยาแก้ปวดเมื่อยไปชุดนึง ว่าจะรีบนอน แต่ก็แอบแช่งลิเวอร์พูลให้เสมอ เช็คผลไปเรื่อยๆ สุดท้าย หิวอีกรอบ เดินเข้าครัว ตักข้าว เปิดปลากระป๋อง กินไปอีกมื้อ ก่อนนอน
บันทึกของเมื่อวาน 11 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 11 มีนาคม 2560
วันนี้ไม่รีบตื่นนอน ตั้งใจว่าจะหยุดงานในสวนมาทำฐานตั้งศาลพระภูมิให้พ่อให้เสร็จเสียที มีคนกล่าวว่า พระภูมิไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา แต่ผมว่า ยุคนี้ไหว้ผีดีกว่าไหว้พระชั่วๆ ... จริงๆนะ
ใครจะว่ามันเป็นเปลือก แต่ท่านพุทธทาสบอกว่า ผลไม้ที่มีเปลือกจะอยู่ได้นานกว่าผลไม้ที่ปอกเปลือกออก ต้นไม้ที่เหลือแต่แก่น ไม่นานมันก็ตาย โลกนี้ไม่มีสิ่งใดไร้ประโยชน์ ของอย่างเดียวกันเราอาจจะใช้งานไม่เหมือนกันก็ได้
ออกจากบ้านไปตอนเก้าโมง ซื้ออาหารแมว อาหารปลา กับปูนสองกระสอบ แวะถามราคาศาลพระภูมิที่ร้านแถวๆวัดดอนกระถิน ราคาถูกกว่าแถวบ้านพอสมควร รีบกลับบ้านเอาของลงจากรถ ถอดถังเก็บของหลังรถออก จะได้มีพื้นที่ขนของมากขึ้น
กลับมาซื้อศาลพระภูมิให้เสร็จเสียเลย ไหนๆก็เจอร้านที่ราคาพอสมควรแล้ว จะได้ไม่ต้องออกมาหลายครั้ง
ซื้อมันย่างมาฝากพ่อถุงนึง
พี่เขียว แวะมาเยี่ยมพ่อ นั่งคุยกันเรื่องเทพื้นศาล มีหลักการ มีเคล็ด อะไรอยู่มากพอสมควร แต่ก็ดีที่ได้รู้ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่มากทีเดียว ว่างๆจะค้นข้อมูลมาเล่าให้ฟัง
หลังจากพี่เขียวกลับไป เริ่มงาน จัดเตรียมของ ผสมปูน ทราย หิน ลงเทพื้นเป็นฐานชั้นแรก เทเสร็จ รู้เลยว่าทรายไม่พอ โทรหาเพื่อนกาญจนา เจ้าของท่าทรายแถวๆบางเดือน ออกไปขอทรายมาซักนิดหน่อย พอได้เทฐานให้เสร็จ
นั่งคุยกันที่ท่าทราย ถามว่าดูดทรายขึ้นมาเคยเจอของเก่าๆบ้างหรือเปล่า ก็เจออยู่บ้าง พวกหม้อ ไห เก่าๆ แต่ที่สุดยอดคือ เจอกำไลข้อมือ หรือ ข้อเท้า ที่เป็นทองคำผิวเรียบๆ น้ำหนักประมาณห้าบาท แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ใช่เจ้าของ เลยไม่ได้ครอบครอง
มีคนมาสั่งทราย ลูกน้องก็ตักไปเทให้ที่บ้านลูกค้า พอเขาตักทรายที่กองไว้ จะเอาไปใช้งานก็เจอกำไลอยู่ในกองทราย สงสัยว่าจะเป็นของเขามาตั้งแต่อดีต เลยได้กลับไปอยู่กับเขาอีกครั้ง
เก็บใบเหรียงข้างบ้านกาญจนามาอีกกำใหญ่ๆ แล้วกลับบ้าน ผสมปูนเทพื้นอีกสองชุด พ่อเดินมาดูเป็นระยะ แม่กำลังจะออกจากบ้านไปงานแต่งงาน เลยบอกว่าพรุ่งนี้อยากกินราดหน้า แม่บอกว่าได้ เดี๋ยวจะทำให้พม่าที่เทปูนกิน
ทำงานไปเรื่อยๆ ตอนเทไม่เหนื่อย เหนื่อยสุดก็ตอนที่ผสมปูน คนไปกวนมา จนเมื่อยไปหมดทั้งตัว ทำไปเรื่อยๆจนปูนหมดกระสอบ เลิกงานตอนทุ่มกว่า
กลับเข้าบ้านอาบน้ำ ทำท่าจะนอน เห็นโปรแกรมบอล อาร์เซนอลเตะตอนเที่ยงคืนครึ่ง เลยนอนดูยูทูป ดูคาราบาวยุคเก่าๆ แล้วดูบอลต่อ จนตีสองกว่า แล้วค่อยหลับ
วันนี้ไม่รีบตื่นนอน ตั้งใจว่าจะหยุดงานในสวนมาทำฐานตั้งศาลพระภูมิให้พ่อให้เสร็จเสียที มีคนกล่าวว่า พระภูมิไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา แต่ผมว่า ยุคนี้ไหว้ผีดีกว่าไหว้พระชั่วๆ ... จริงๆนะ
ใครจะว่ามันเป็นเปลือก แต่ท่านพุทธทาสบอกว่า ผลไม้ที่มีเปลือกจะอยู่ได้นานกว่าผลไม้ที่ปอกเปลือกออก ต้นไม้ที่เหลือแต่แก่น ไม่นานมันก็ตาย โลกนี้ไม่มีสิ่งใดไร้ประโยชน์ ของอย่างเดียวกันเราอาจจะใช้งานไม่เหมือนกันก็ได้
ออกจากบ้านไปตอนเก้าโมง ซื้ออาหารแมว อาหารปลา กับปูนสองกระสอบ แวะถามราคาศาลพระภูมิที่ร้านแถวๆวัดดอนกระถิน ราคาถูกกว่าแถวบ้านพอสมควร รีบกลับบ้านเอาของลงจากรถ ถอดถังเก็บของหลังรถออก จะได้มีพื้นที่ขนของมากขึ้น
กลับมาซื้อศาลพระภูมิให้เสร็จเสียเลย ไหนๆก็เจอร้านที่ราคาพอสมควรแล้ว จะได้ไม่ต้องออกมาหลายครั้ง
ซื้อมันย่างมาฝากพ่อถุงนึง
พี่เขียว แวะมาเยี่ยมพ่อ นั่งคุยกันเรื่องเทพื้นศาล มีหลักการ มีเคล็ด อะไรอยู่มากพอสมควร แต่ก็ดีที่ได้รู้ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่มากทีเดียว ว่างๆจะค้นข้อมูลมาเล่าให้ฟัง
หลังจากพี่เขียวกลับไป เริ่มงาน จัดเตรียมของ ผสมปูน ทราย หิน ลงเทพื้นเป็นฐานชั้นแรก เทเสร็จ รู้เลยว่าทรายไม่พอ โทรหาเพื่อนกาญจนา เจ้าของท่าทรายแถวๆบางเดือน ออกไปขอทรายมาซักนิดหน่อย พอได้เทฐานให้เสร็จ
นั่งคุยกันที่ท่าทราย ถามว่าดูดทรายขึ้นมาเคยเจอของเก่าๆบ้างหรือเปล่า ก็เจออยู่บ้าง พวกหม้อ ไห เก่าๆ แต่ที่สุดยอดคือ เจอกำไลข้อมือ หรือ ข้อเท้า ที่เป็นทองคำผิวเรียบๆ น้ำหนักประมาณห้าบาท แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ใช่เจ้าของ เลยไม่ได้ครอบครอง
มีคนมาสั่งทราย ลูกน้องก็ตักไปเทให้ที่บ้านลูกค้า พอเขาตักทรายที่กองไว้ จะเอาไปใช้งานก็เจอกำไลอยู่ในกองทราย สงสัยว่าจะเป็นของเขามาตั้งแต่อดีต เลยได้กลับไปอยู่กับเขาอีกครั้ง
เก็บใบเหรียงข้างบ้านกาญจนามาอีกกำใหญ่ๆ แล้วกลับบ้าน ผสมปูนเทพื้นอีกสองชุด พ่อเดินมาดูเป็นระยะ แม่กำลังจะออกจากบ้านไปงานแต่งงาน เลยบอกว่าพรุ่งนี้อยากกินราดหน้า แม่บอกว่าได้ เดี๋ยวจะทำให้พม่าที่เทปูนกิน
ทำงานไปเรื่อยๆ ตอนเทไม่เหนื่อย เหนื่อยสุดก็ตอนที่ผสมปูน คนไปกวนมา จนเมื่อยไปหมดทั้งตัว ทำไปเรื่อยๆจนปูนหมดกระสอบ เลิกงานตอนทุ่มกว่า
กลับเข้าบ้านอาบน้ำ ทำท่าจะนอน เห็นโปรแกรมบอล อาร์เซนอลเตะตอนเที่ยงคืนครึ่ง เลยนอนดูยูทูป ดูคาราบาวยุคเก่าๆ แล้วดูบอลต่อ จนตีสองกว่า แล้วค่อยหลับ
วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 10 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 10 มีนาคม 2560
ตื่นนอนมาแบบเพลียๆ เมื่อคืนสงสารแมวตัวที่ขาเจ็บ นอนปลอบมัน จนมันหลับ ถึงจะได้นอน ตื่นมาแปดโมงกว่าๆ กินข้าวเสร็จ เตรียมอุปกรณ์ เดินเข้าสวน จะไปตัดหญ้าต่อจากเมื่อวาน วันนี้ถ้าตัดตรงนี้เสร็จ จะหมดในส่วนของมังคุด คนหลังจะแต่งกิ่ง แต่งโคนต้น ต่อได้เลย
เดินขึ้นมาถึงด้านบน ป้าสุรีย์ โทรมาว่ามาถึงหน้าบ้าน ลงกลับมาที่บ้านอีกรอบ แกมาธุระที่ธนารักษ์ แถวบ้าน เลยแวะซื้อข้าวหมกไก่ทอดมาฝาก พร้อมขนมอีกสองสามอย่าง มีข้าวต้มมัด กับลอดช่องมาด้วย
พูดถึงข้าวต้มมัด บ้านผมเรียกต้มกล้วย ที่อื่นเรียกอย่างไรก็แล้วแต่พื้นที่นะครับ ไม่เหมือนกัน จำได้ว่าสมัยที่ตลกคาเฟ่ ยังรุ่งเรือง พี่เป็ด เชิญยิ้มยังเล่นตามคาเฟ่อยู่ ยังไม่ได้เป็นนายก สมาคมตลก เรื่องข้าวต้มมัดนี่แกจะเล่นอยู่บ่อยๆ
ข้าวต้มมัด ที่บ้านผมเรียกต้มกล้วย แต่บ้านแม่ที่ฉวางเรียกข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวปิ้ง ว่าเหนียวห่อกล้วยเหมือนกับแถวๆอำเภอห้วยยอด บ้านของพี่เป็ด
เวลาแกเล่นตลกก็จะมีคนถามว่า ทำไมบ้านพี่เป็ดที่ห้วยยอดถึงเรียก เหนียวห่อกล้วย แกตอบว่า ก็ข้าวเหนียวมีไส้เป็นกล้วยไง
แล้วถ้าไส้เป็นเผือกล่ะ ... ก็เรียกเหนียวห่อเผือก
แล้วถ้าไม่มีไส้ล่ะ ... เรียกใบกล้วยห่อเหนียวไง ไอ้สัตว์
ช่วงนั้น เราคงจะไม่มีปัญหาชีวิต การเมือง ศาสนากันมากมายนัก ถึงได้สนุกสนานกับเรื่องราวต่างๆได้ง่ายๆ เรียกได้ว่า เส้นตื้นกว่าคนยุคปัจจุบันมาก
ป้าสุรีย์กลับไปธุระ ผมเดินเข้าสวนอีกรอบ พ่อหิ้วเสื่อมานอนเล่น ดูผมทำงาน สั่งนั่น สั่งนี่นิดหน่อย แล้วกลับลงมาตอนเที่ยง ผมตัดหญ้าต่อจนเสร็จตามที่ตั้งใจไว้ ลงมาจากสวนประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ตั้งใจว่าจะหยุดงานในสวนซักสองวัน จะจัดการเรื่องศาลพระภูมิของพ่อ ให้เรียบร้อย
ลงมาอาบน้ำ กินข้าว พ่อมานอนเล่นที่บ้าน นอนคุยกันนิดหน่อย จนบ่ายสองกว่า ออกไปตลาด ซื้อถัง กับน้ำตาล มาทำมะม่วงแช่อิ่ม กลับเข้าบ้านมาตอนบ่ายสาม
อ่านหนังสือ รหัสลับหลังคาโลก ต่อจากเมื่อวาน หลับไปเฉยเลย ตื่นมาเกือบทุ่มนึง ตื่นมาตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอนเล่นๆ อ่านเรื่องชาวบ้าน จากในเฟซบุ๊คไปเรื่อยๆ จนเกือบเที่ยงคืนถึงจะหลับ
ตื่นนอนมาแบบเพลียๆ เมื่อคืนสงสารแมวตัวที่ขาเจ็บ นอนปลอบมัน จนมันหลับ ถึงจะได้นอน ตื่นมาแปดโมงกว่าๆ กินข้าวเสร็จ เตรียมอุปกรณ์ เดินเข้าสวน จะไปตัดหญ้าต่อจากเมื่อวาน วันนี้ถ้าตัดตรงนี้เสร็จ จะหมดในส่วนของมังคุด คนหลังจะแต่งกิ่ง แต่งโคนต้น ต่อได้เลย
เดินขึ้นมาถึงด้านบน ป้าสุรีย์ โทรมาว่ามาถึงหน้าบ้าน ลงกลับมาที่บ้านอีกรอบ แกมาธุระที่ธนารักษ์ แถวบ้าน เลยแวะซื้อข้าวหมกไก่ทอดมาฝาก พร้อมขนมอีกสองสามอย่าง มีข้าวต้มมัด กับลอดช่องมาด้วย
พูดถึงข้าวต้มมัด บ้านผมเรียกต้มกล้วย ที่อื่นเรียกอย่างไรก็แล้วแต่พื้นที่นะครับ ไม่เหมือนกัน จำได้ว่าสมัยที่ตลกคาเฟ่ ยังรุ่งเรือง พี่เป็ด เชิญยิ้มยังเล่นตามคาเฟ่อยู่ ยังไม่ได้เป็นนายก สมาคมตลก เรื่องข้าวต้มมัดนี่แกจะเล่นอยู่บ่อยๆ
ข้าวต้มมัด ที่บ้านผมเรียกต้มกล้วย แต่บ้านแม่ที่ฉวางเรียกข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวปิ้ง ว่าเหนียวห่อกล้วยเหมือนกับแถวๆอำเภอห้วยยอด บ้านของพี่เป็ด
เวลาแกเล่นตลกก็จะมีคนถามว่า ทำไมบ้านพี่เป็ดที่ห้วยยอดถึงเรียก เหนียวห่อกล้วย แกตอบว่า ก็ข้าวเหนียวมีไส้เป็นกล้วยไง
แล้วถ้าไส้เป็นเผือกล่ะ ... ก็เรียกเหนียวห่อเผือก
แล้วถ้าไม่มีไส้ล่ะ ... เรียกใบกล้วยห่อเหนียวไง ไอ้สัตว์
ช่วงนั้น เราคงจะไม่มีปัญหาชีวิต การเมือง ศาสนากันมากมายนัก ถึงได้สนุกสนานกับเรื่องราวต่างๆได้ง่ายๆ เรียกได้ว่า เส้นตื้นกว่าคนยุคปัจจุบันมาก
ป้าสุรีย์กลับไปธุระ ผมเดินเข้าสวนอีกรอบ พ่อหิ้วเสื่อมานอนเล่น ดูผมทำงาน สั่งนั่น สั่งนี่นิดหน่อย แล้วกลับลงมาตอนเที่ยง ผมตัดหญ้าต่อจนเสร็จตามที่ตั้งใจไว้ ลงมาจากสวนประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ตั้งใจว่าจะหยุดงานในสวนซักสองวัน จะจัดการเรื่องศาลพระภูมิของพ่อ ให้เรียบร้อย
ลงมาอาบน้ำ กินข้าว พ่อมานอนเล่นที่บ้าน นอนคุยกันนิดหน่อย จนบ่ายสองกว่า ออกไปตลาด ซื้อถัง กับน้ำตาล มาทำมะม่วงแช่อิ่ม กลับเข้าบ้านมาตอนบ่ายสาม
อ่านหนังสือ รหัสลับหลังคาโลก ต่อจากเมื่อวาน หลับไปเฉยเลย ตื่นมาเกือบทุ่มนึง ตื่นมาตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอนเล่นๆ อ่านเรื่องชาวบ้าน จากในเฟซบุ๊คไปเรื่อยๆ จนเกือบเที่ยงคืนถึงจะหลับ
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 9 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 9 มีนาคม 2560
ตื่นนอนตอนเก้าโมง สาเหตุมาจากกาแฟรอบดึก ที่ไม่รู้ว่าจะกินไปทำไม ตื่นมาก็อยากกินกาแฟอีกเหมือนเดิม ว่าแล้วก็จัดการต้มน้ำ ชงกาแฟ มานั่งหน้าบ้าน
เมื่อก่อน นานมาแล้วแหละ บ้านผมจะมีคนแวะมาบ่อยมาก ถ้ามีลูกสาวก็ประมาณว่า หัวกระไดบ้านไม่แห้งเลยทีเดียว ทีนี้พอมีคนเยอะ ก็ต้องใช้กาน้ำร้อนใบใหญ่ ซื้อกาแฟถุงละร้อยซอง มาเก็บไว้ เพราะต้องรับแขก ไทย เขมร จีน แทบทุกวัน
จนบางช่วง น้ำเดือดไม่ทัน ต้องซื้อกระติกน้ำร้อน มาไว้หน้าบ้าน จัดชุดชา กาแฟ ไว้ที่หน้าบ้านอีกชุด เพื่อให้ทันต่อความต้องการ ของผู้มาเยือน
เวลาผ่านไป ในเวลาที่ไม่ได้ทำอะไรๆ ที่จะช่วยใครได้อีกในเรื่องธุระกิจ กิจการต่างๆ คนก็เริ่มหาย กาน้ำร้อนแบบเสียบปลั๊กทิ้งไว้ก็ไม่มีความหมาย เปลี่ยนมาใช้แบบกดน้ำต้มเป็นครั้งๆไป กาแฟก็กินกัน สองคน ตายาย ในแต่ละวันก็ไม่เกินสามซอง
แต่ก็สงบดี ทุกวันนี้อยู่เงียบๆ นานๆจะมีเพื่อนมาเยี่ยมซักที นั่งคุยกันเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงานเหมือนเมื่อก่อน ได้นั่งกินกาแฟ นั่งดูนก ดูต้นไม้ ดูปลา คิดอะไรเงียบๆ เพลินดี ไม่ต้องกินพลางปวดหัวไปพลาง เหมือนเมื่อก่อน
กินกาแฟไม่ทันหมด เสียงนกบินหลามาร้องอยู่บนต้นทุ้งฟ้าหน้าบ้าน ปัญหาคือต้นไม้ด้านล่าง ใบมันเยอะ ต้นศรียะลากำลังออกดอก ส่วนต้นทุ้งฟ้ามันก็สูงสมชื่อ ถ้าถ่ายจากด้านล่างตรงหน้าบ้านจะมองไม่เห็นนก
ดังนั้นถ้าจะถ่ายนกตัวนี้ ต้องเดินย้อนไปหลังบ้าน ด้านบนสวนแล้วซูมกลับลงมา แบกกล้องเดินขึ้นไปด้านบน แล้วหันหลังกลับมาถ่าย กดชัตเตอร์ แช๊ะเดียว นกบินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ ... ฮ่วย
ไหนๆก็ออกจากบ้านมาแล้ว เลยเดินย้อนกลับเข้าไปในสวนถ่ายนกตัวเล็กๆมาได้อีกสอง สามรูป แล้วกลับมากินกาแฟอีกครั้ง
กินข้าวกับไก่ทอดที่เหลือมาจากเมื่อวาน ลับใบเครื่องตัดหญ้า เข้าสวนไปทำงานต่อช่วงนี้ยังมีอะไรๆให้ทำอีกเยอะมาก วันนี้เข้ามาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว อากาศร้อนมากกว่าทุกวัน แต่วันนี้ตัดหญ้าฝั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ เลยพอจะได้งานมากหน่อย ไม่ร้อนจนต้องหนีกลับบ้าน
เสร็จงานตัดหญ้า ลงมาอ่านหนังสือ รหัสลับ หลังคาโลกต่อจากเมื่อวาน กำลังสนุก ทีมงานเดินทางไปตามหากิเลนม่วงในตำนาน ที่ทิเบตแล้ว เจอคนบ้าที่มาจากเผ่าที่สูญหาย ดูลึกลับ น่าติดตาม อ่านไปได้สองตอน ... หลับ
ตื่นมาช่วงเย็น ออกไปซื้อน้ำมันมาใส่เครื่องตัดหญ้า แวะเอามะม่วงเบาไปให้ป็อกที่ร้าน ส่วนที่เหลือปอก ผ่า ทำมะม่วงแช่อิ่มไว้ที่บ้าน กลับมาจัดการขนอิฐ มาจัดเตรียมเทพื้นศาลพระภูมิให้พ่อ
จนค่ำๆ ออกไปโคออฟ ว่าจะดูพี่ป้าง แต่ง่วงนอน ค่อยมาวันหลังดีกว่า ไม่แน่จะมาอีกทีวันที่ สิบแปด มาดูพี่เสือ ธนพล ไหนๆก็มาแล้ว เดินไปซื้อหมูย่างสองชิ้นกับขนมถังแตก แล้วกลับบ้าน
คืนนี้นอนเร็ว แมวที่บ้านขาเจ็บอยู่ตัวนึง รักษาไปตามอาการเบื้องต้น ดูๆแล้วมันคงเจ็บมาก จากมาเฟียประจำบ้าน กลายเป็นแมวหงอยไปเลย นอนนิ่งมาสองวันแล้ว ป้อนหมูให้กินบ้าง ซื้อแบรนด์มาให้กิน แต่ยังไม่มีตังค์พาไปหาหมอ ... ช่วงนี้คนก็ลำบาก แมวเลยต้องอดทนไปก่อน
ตื่นนอนตอนเก้าโมง สาเหตุมาจากกาแฟรอบดึก ที่ไม่รู้ว่าจะกินไปทำไม ตื่นมาก็อยากกินกาแฟอีกเหมือนเดิม ว่าแล้วก็จัดการต้มน้ำ ชงกาแฟ มานั่งหน้าบ้าน
เมื่อก่อน นานมาแล้วแหละ บ้านผมจะมีคนแวะมาบ่อยมาก ถ้ามีลูกสาวก็ประมาณว่า หัวกระไดบ้านไม่แห้งเลยทีเดียว ทีนี้พอมีคนเยอะ ก็ต้องใช้กาน้ำร้อนใบใหญ่ ซื้อกาแฟถุงละร้อยซอง มาเก็บไว้ เพราะต้องรับแขก ไทย เขมร จีน แทบทุกวัน
จนบางช่วง น้ำเดือดไม่ทัน ต้องซื้อกระติกน้ำร้อน มาไว้หน้าบ้าน จัดชุดชา กาแฟ ไว้ที่หน้าบ้านอีกชุด เพื่อให้ทันต่อความต้องการ ของผู้มาเยือน
เวลาผ่านไป ในเวลาที่ไม่ได้ทำอะไรๆ ที่จะช่วยใครได้อีกในเรื่องธุระกิจ กิจการต่างๆ คนก็เริ่มหาย กาน้ำร้อนแบบเสียบปลั๊กทิ้งไว้ก็ไม่มีความหมาย เปลี่ยนมาใช้แบบกดน้ำต้มเป็นครั้งๆไป กาแฟก็กินกัน สองคน ตายาย ในแต่ละวันก็ไม่เกินสามซอง
แต่ก็สงบดี ทุกวันนี้อยู่เงียบๆ นานๆจะมีเพื่อนมาเยี่ยมซักที นั่งคุยกันเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงานเหมือนเมื่อก่อน ได้นั่งกินกาแฟ นั่งดูนก ดูต้นไม้ ดูปลา คิดอะไรเงียบๆ เพลินดี ไม่ต้องกินพลางปวดหัวไปพลาง เหมือนเมื่อก่อน
กินกาแฟไม่ทันหมด เสียงนกบินหลามาร้องอยู่บนต้นทุ้งฟ้าหน้าบ้าน ปัญหาคือต้นไม้ด้านล่าง ใบมันเยอะ ต้นศรียะลากำลังออกดอก ส่วนต้นทุ้งฟ้ามันก็สูงสมชื่อ ถ้าถ่ายจากด้านล่างตรงหน้าบ้านจะมองไม่เห็นนก
ดังนั้นถ้าจะถ่ายนกตัวนี้ ต้องเดินย้อนไปหลังบ้าน ด้านบนสวนแล้วซูมกลับลงมา แบกกล้องเดินขึ้นไปด้านบน แล้วหันหลังกลับมาถ่าย กดชัตเตอร์ แช๊ะเดียว นกบินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ ... ฮ่วย
ไหนๆก็ออกจากบ้านมาแล้ว เลยเดินย้อนกลับเข้าไปในสวนถ่ายนกตัวเล็กๆมาได้อีกสอง สามรูป แล้วกลับมากินกาแฟอีกครั้ง
กินข้าวกับไก่ทอดที่เหลือมาจากเมื่อวาน ลับใบเครื่องตัดหญ้า เข้าสวนไปทำงานต่อช่วงนี้ยังมีอะไรๆให้ทำอีกเยอะมาก วันนี้เข้ามาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว อากาศร้อนมากกว่าทุกวัน แต่วันนี้ตัดหญ้าฝั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ เลยพอจะได้งานมากหน่อย ไม่ร้อนจนต้องหนีกลับบ้าน
เสร็จงานตัดหญ้า ลงมาอ่านหนังสือ รหัสลับ หลังคาโลกต่อจากเมื่อวาน กำลังสนุก ทีมงานเดินทางไปตามหากิเลนม่วงในตำนาน ที่ทิเบตแล้ว เจอคนบ้าที่มาจากเผ่าที่สูญหาย ดูลึกลับ น่าติดตาม อ่านไปได้สองตอน ... หลับ
ตื่นมาช่วงเย็น ออกไปซื้อน้ำมันมาใส่เครื่องตัดหญ้า แวะเอามะม่วงเบาไปให้ป็อกที่ร้าน ส่วนที่เหลือปอก ผ่า ทำมะม่วงแช่อิ่มไว้ที่บ้าน กลับมาจัดการขนอิฐ มาจัดเตรียมเทพื้นศาลพระภูมิให้พ่อ
จนค่ำๆ ออกไปโคออฟ ว่าจะดูพี่ป้าง แต่ง่วงนอน ค่อยมาวันหลังดีกว่า ไม่แน่จะมาอีกทีวันที่ สิบแปด มาดูพี่เสือ ธนพล ไหนๆก็มาแล้ว เดินไปซื้อหมูย่างสองชิ้นกับขนมถังแตก แล้วกลับบ้าน
คืนนี้นอนเร็ว แมวที่บ้านขาเจ็บอยู่ตัวนึง รักษาไปตามอาการเบื้องต้น ดูๆแล้วมันคงเจ็บมาก จากมาเฟียประจำบ้าน กลายเป็นแมวหงอยไปเลย นอนนิ่งมาสองวันแล้ว ป้อนหมูให้กินบ้าง ซื้อแบรนด์มาให้กิน แต่ยังไม่มีตังค์พาไปหาหมอ ... ช่วงนี้คนก็ลำบาก แมวเลยต้องอดทนไปก่อน
คิดถึงสุโขทัย
คิดถึงสุโขทัย จะไป จะไป จะไป
จนจะปี แล้วยังไม่ได้ไป
คิดถึง คิดถึง คิดถึง
รออีกไม่นาน จะไปหานะ สุโขทัย
จนจะปี แล้วยังไม่ได้ไป
คิดถึง คิดถึง คิดถึง
รออีกไม่นาน จะไปหานะ สุโขทัย
บันทึกของเมื่อวาน 8 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 8 มีนาคม 2560
ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ ตอนตื่นนอน อาร์เซนอลนำบาเยิร์น มิวนิคอยู่ 1:0 ดูไป ดูมา โดนจุดโทษ โดนไล่ออก เสมอกัน 1:1 เลิกดู มานอนเล่นเฟซบุ๊ค แล้วกลับไปเช็คผลอีกที แพ้ไป 5:1 หลับต่ออีกรอบ
ตื่นอีกครั้งตอนแปดโมงครึ่ง ขึ้นไปถ่ายรูปนกในสวน ลงมากินข้าวกับน้ำพริก ไข่เจียวชะอม แล้วเข้าสวนไปทำงานต่อ พ่อขึ้นมาดูมังคุด บอกว่าน่าจะเริ่มมีดอกเพิ่มขึ้น วันนี้ตัดหญ้าแบบม้วนเดียวจบ น้ำมันไม่พอต้องลงมาเอาขึ้นไปเพิ่ม สงสัยเป็นพลังแค้นจากฟุตบอลเมื่อคืน วันนี้เหวี่ยงเอา เหวี่ยงเอา แบบไม่มีเหนื่อย
ลงมาตอนเที่ยง พี่บุญฤทธิ์กับป้าสุรีย์มาเยี่ยม นั่งคุยกัน พาขึ้นไปชมสวนหลังบ้าน ได้คำแนะนำมากมาย เกี่ยวกับเรื่องการตลาด ลงมาแยกย้ายกันตอนบ่ายโมงกว่าๆ
วันนี้หยิบหนังสือรหัสลับหลังคาโลกมาอ่าน หนังสือชุดนี้มี 11 เล่มจบ คุณนายที่บ้านอ่านจบไปแล้ว ตอนอ่านติดหนึบเหมือนตอนอ่านเพชรพระอุมา แต่ผมยังไม่ได้อ่าน ช่วงนั้นไม่ว่างเลย พอหยุดงานก็ยังไม่มีอารมณ์ในการอ่านหนังสือ จนช่วงนี้เริ่มที่จะอ่านได้บ้างแล้ว
หนังสือสนุกดี อ่านจนเกือบห้าโมงเย็น ต้องพักก่อน ลงไปขนอิฐมาเรียงทำฐานศาลพระภูมิให้พ่อ ขนได้เที่ยวเดียว แม่บอกให้เก็บมะม่วงเบาก่อน เลยวางมือจากงานก่อสร้างไปเป็นเกษตรกรอีกครั้ง
เก็บมะม่วงเบาได้มาพอสมควร แบ่งไว้ให้ป็อกถุงนึง ที่เหลือจะทำมะม่วงแช่อิ่มไว้กินช่วงเมษายน ช่วงที่อากาศร้อนมากๆ คงจะอร่อยดี
แม่ให้ไก่ทอด กับหมูยอทอดมากินมื้อเย็น วันนี้เลยไม่ได้ออกไปไหน นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ปั่นบอล จับโปเกม่อน ของวันนี้เลย
จัดการปั่นจักรยานออกไปหมุนเสา กับ เก็บบอล มีคนฝากไปด้วยอีกเครื่อง สภาพที่คนขับรถผ่านไป ผ่านมา คงจะเห็นประมาณว่า ลุงแก่ๆคนนึง นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนรถจักรยาน คนเดียวสองเครื่องด้วย ... บ้าหรือเปล่า
กลับลงมากินข้าว อ่านหนังสือต่อ กำลังมัน เรื่องนี้สนุกดีจริงๆ มิน่าถึงมียอดขายหลายล้านเล่ม อ่านไปได้ไม่นาน อยากกินกาแฟ จัดการต้มน้ำ กินกาแฟไปหนึ่งแก้ว ตอนประมาณสองทุ่ม คราวนี้นอนไม่หลับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบตีสาม
ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ ตอนตื่นนอน อาร์เซนอลนำบาเยิร์น มิวนิคอยู่ 1:0 ดูไป ดูมา โดนจุดโทษ โดนไล่ออก เสมอกัน 1:1 เลิกดู มานอนเล่นเฟซบุ๊ค แล้วกลับไปเช็คผลอีกที แพ้ไป 5:1 หลับต่ออีกรอบ
ตื่นอีกครั้งตอนแปดโมงครึ่ง ขึ้นไปถ่ายรูปนกในสวน ลงมากินข้าวกับน้ำพริก ไข่เจียวชะอม แล้วเข้าสวนไปทำงานต่อ พ่อขึ้นมาดูมังคุด บอกว่าน่าจะเริ่มมีดอกเพิ่มขึ้น วันนี้ตัดหญ้าแบบม้วนเดียวจบ น้ำมันไม่พอต้องลงมาเอาขึ้นไปเพิ่ม สงสัยเป็นพลังแค้นจากฟุตบอลเมื่อคืน วันนี้เหวี่ยงเอา เหวี่ยงเอา แบบไม่มีเหนื่อย
ลงมาตอนเที่ยง พี่บุญฤทธิ์กับป้าสุรีย์มาเยี่ยม นั่งคุยกัน พาขึ้นไปชมสวนหลังบ้าน ได้คำแนะนำมากมาย เกี่ยวกับเรื่องการตลาด ลงมาแยกย้ายกันตอนบ่ายโมงกว่าๆ
วันนี้หยิบหนังสือรหัสลับหลังคาโลกมาอ่าน หนังสือชุดนี้มี 11 เล่มจบ คุณนายที่บ้านอ่านจบไปแล้ว ตอนอ่านติดหนึบเหมือนตอนอ่านเพชรพระอุมา แต่ผมยังไม่ได้อ่าน ช่วงนั้นไม่ว่างเลย พอหยุดงานก็ยังไม่มีอารมณ์ในการอ่านหนังสือ จนช่วงนี้เริ่มที่จะอ่านได้บ้างแล้ว
หนังสือสนุกดี อ่านจนเกือบห้าโมงเย็น ต้องพักก่อน ลงไปขนอิฐมาเรียงทำฐานศาลพระภูมิให้พ่อ ขนได้เที่ยวเดียว แม่บอกให้เก็บมะม่วงเบาก่อน เลยวางมือจากงานก่อสร้างไปเป็นเกษตรกรอีกครั้ง
เก็บมะม่วงเบาได้มาพอสมควร แบ่งไว้ให้ป็อกถุงนึง ที่เหลือจะทำมะม่วงแช่อิ่มไว้กินช่วงเมษายน ช่วงที่อากาศร้อนมากๆ คงจะอร่อยดี
แม่ให้ไก่ทอด กับหมูยอทอดมากินมื้อเย็น วันนี้เลยไม่ได้ออกไปไหน นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ปั่นบอล จับโปเกม่อน ของวันนี้เลย
จัดการปั่นจักรยานออกไปหมุนเสา กับ เก็บบอล มีคนฝากไปด้วยอีกเครื่อง สภาพที่คนขับรถผ่านไป ผ่านมา คงจะเห็นประมาณว่า ลุงแก่ๆคนนึง นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนรถจักรยาน คนเดียวสองเครื่องด้วย ... บ้าหรือเปล่า
กลับลงมากินข้าว อ่านหนังสือต่อ กำลังมัน เรื่องนี้สนุกดีจริงๆ มิน่าถึงมียอดขายหลายล้านเล่ม อ่านไปได้ไม่นาน อยากกินกาแฟ จัดการต้มน้ำ กินกาแฟไปหนึ่งแก้ว ตอนประมาณสองทุ่ม คราวนี้นอนไม่หลับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบตีสาม
วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 7 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 7 มีนาคม 2560
เขียนตั้งแต่เช้า พร้อมๆกับฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก อาร์เซนอล เสมอ บาเยิร์น มิวนิก 1:1 นำก่อนครึ่งแรก มาเสียจุดโทษพร้อมใบแดง ในครึ่งหลัง ตอนนี้ยังไม่จบแต่ไม่ดูแล้ว ค่อยไปเช็คผลเอา
คนเก่งคนเดียว ทำให้เป็นทีมไม่ได้ ผมไม่ชอบมุมมองแบบ สตาร์คนเดียวแบกทีมทั้งทีม .. ช่างมันเถอะ
ตื่นเช้ามาก กินกาแฟแล้วเดินเข้าไปดูนก วันนี้เริ่มเห็นนกมากขึ้น มีนกแซงแซว นกหัวขวาน แต่ยังไม่มีมุมดีๆเก็บภาพมา รีบกลับลงไปกินข้าวเหนียวหมู แล้วขึ้นมาตัดหญ้าแต่งกิ่งมะนาว
สองวันมานี้ตัดหญ้าบริเวณด้านบน เป็นพื้นที่ ที่ยากที่สุดในสวนแล้ว หญ้าจะขึ้นรกมาก มันมากับขี้วัวที่เอามาใส่ต้นไม้ เป็นเอเลี่ยนสปีชี่ ไม่ใช่วัชพืชหรือหญ้าพื้นเมือง ผมใช้เวลาสองวันกับพื้นที่ตรงนี้ ที่จะทำให้เรียบจริงๆ ให้มั่นใจว่าหญ้าต่างถิ่นตายจริงๆ
ในสวน สองสามปีมานี้ ผมตั้งใจไว้ว่า นอกจากจะไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าแล้ว ขี้วัวก็จะไม่ใส่เช่นกัน มันมีเมล็ดหญ้า ติดมาด้วย เป็นวัชพืชต่างถิ่นมาแพร่พันธุ์ ถึงใครจะบอกว่าใส่แล้วเพิ่มผลผลิตขนาดไหนก็ไม่เอา
จริงๆแล้วถ้าเลี้ยงวัวเอง แล้วเอาขี้วัวมาใส่ ก็ไม่มีปัญหา หญ้าที่วัวกินเป็นหญ้าบริเวณนั้นอยู่แล้ว ไม่มีการเข้ามาของวัชพืชต่างถิ่น ที่ไม่เคยมีมาก่อนในพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา
วันนี้เข้ามาตั้งแต่เช้า กลับออกมาเที่ยง ป็อกโทรมาว่าจะเอาแกงหมูกับหน่อไม้มาให้ เข้าทางเลย กำลังหาคนช่วยถอดล้อรถซาเล้งของพ่ออยู่พอดี พยายามมาสองวันแล้ว ถอดไม่ออก ล้อรั่วตั้งแต่วันเขาขนปาล์ม พ่อไม่ได้ขับเข้าสวน เดินก็ไม่ค่อยไหว
ถอดล้อไปเปลี่ยนยางใน ซื้อจากร้านแถวหนองขรี ค่ายางในร้อยนึง เสร็จแล้วป็อกกลับเอามาใส่ให้อีก จนเสร็จเรียบร้อย ออกไปย้ายค่ายมือถือที่เซนทรัล แล้วแวะไปนั่งคุยกับพี่บุญฤทธิ์ ก่อนจะกลับมากินข้าวที่บ้าน
วันนี้เป็นวันมะม่วงแห่งชาติหรือเปล่า ตอนเช้าอาปุกให้มะม่วงมาถุงใหญ่ ตอนเย็นป้าสุรีย์ให้ข้าวเหนียวมะม่วง มาอีกชุดใหญ่ สามทุ่มกว่าก็ง่วงนอนแล้ว แต่พอจะนอน มีเสียงเพลงดังๆ ไม่รู้ที่ไหนจัดงาน เสียงรถดังๆ ดูวุ่นวายไปหมด
คือบางครั้งอยากถามนะ ว่าถ้ามึงอยากฟังดังๆ ทำไมมึงไม่ปิดกระจกแล้วฟังคนเดียว เคยมีครั้งนึงไปเดินตลาดกับหลาน เจอพวกรถยนต์เปิดเพลงดังๆแบบนี้ หลานถามว่าทำไมเขาเปิดเสียงดัง
ผมตอบไปว่า บ้านเขาจนนะลูก อยากฟังเพลงดังๆ แต่ไม่มีเงินซื้อหูฟัง อย่าไปว่าเขาเลย.. เขาน่าสงสารนะลูก
กลับไปดูผลบอล อาร์เซนอลคงเส้น คงวา เหมือนเดิม นัดแรกแพ้มา 5:1 นัดนี้ก็แพ้ 5:1 เหมือนเดิม สาธุๆๆๆๆ
เขียนตั้งแต่เช้า พร้อมๆกับฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก อาร์เซนอล เสมอ บาเยิร์น มิวนิก 1:1 นำก่อนครึ่งแรก มาเสียจุดโทษพร้อมใบแดง ในครึ่งหลัง ตอนนี้ยังไม่จบแต่ไม่ดูแล้ว ค่อยไปเช็คผลเอา
คนเก่งคนเดียว ทำให้เป็นทีมไม่ได้ ผมไม่ชอบมุมมองแบบ สตาร์คนเดียวแบกทีมทั้งทีม .. ช่างมันเถอะ
ตื่นเช้ามาก กินกาแฟแล้วเดินเข้าไปดูนก วันนี้เริ่มเห็นนกมากขึ้น มีนกแซงแซว นกหัวขวาน แต่ยังไม่มีมุมดีๆเก็บภาพมา รีบกลับลงไปกินข้าวเหนียวหมู แล้วขึ้นมาตัดหญ้าแต่งกิ่งมะนาว
สองวันมานี้ตัดหญ้าบริเวณด้านบน เป็นพื้นที่ ที่ยากที่สุดในสวนแล้ว หญ้าจะขึ้นรกมาก มันมากับขี้วัวที่เอามาใส่ต้นไม้ เป็นเอเลี่ยนสปีชี่ ไม่ใช่วัชพืชหรือหญ้าพื้นเมือง ผมใช้เวลาสองวันกับพื้นที่ตรงนี้ ที่จะทำให้เรียบจริงๆ ให้มั่นใจว่าหญ้าต่างถิ่นตายจริงๆ
ในสวน สองสามปีมานี้ ผมตั้งใจไว้ว่า นอกจากจะไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าแล้ว ขี้วัวก็จะไม่ใส่เช่นกัน มันมีเมล็ดหญ้า ติดมาด้วย เป็นวัชพืชต่างถิ่นมาแพร่พันธุ์ ถึงใครจะบอกว่าใส่แล้วเพิ่มผลผลิตขนาดไหนก็ไม่เอา
จริงๆแล้วถ้าเลี้ยงวัวเอง แล้วเอาขี้วัวมาใส่ ก็ไม่มีปัญหา หญ้าที่วัวกินเป็นหญ้าบริเวณนั้นอยู่แล้ว ไม่มีการเข้ามาของวัชพืชต่างถิ่น ที่ไม่เคยมีมาก่อนในพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา
วันนี้เข้ามาตั้งแต่เช้า กลับออกมาเที่ยง ป็อกโทรมาว่าจะเอาแกงหมูกับหน่อไม้มาให้ เข้าทางเลย กำลังหาคนช่วยถอดล้อรถซาเล้งของพ่ออยู่พอดี พยายามมาสองวันแล้ว ถอดไม่ออก ล้อรั่วตั้งแต่วันเขาขนปาล์ม พ่อไม่ได้ขับเข้าสวน เดินก็ไม่ค่อยไหว
ถอดล้อไปเปลี่ยนยางใน ซื้อจากร้านแถวหนองขรี ค่ายางในร้อยนึง เสร็จแล้วป็อกกลับเอามาใส่ให้อีก จนเสร็จเรียบร้อย ออกไปย้ายค่ายมือถือที่เซนทรัล แล้วแวะไปนั่งคุยกับพี่บุญฤทธิ์ ก่อนจะกลับมากินข้าวที่บ้าน
วันนี้เป็นวันมะม่วงแห่งชาติหรือเปล่า ตอนเช้าอาปุกให้มะม่วงมาถุงใหญ่ ตอนเย็นป้าสุรีย์ให้ข้าวเหนียวมะม่วง มาอีกชุดใหญ่ สามทุ่มกว่าก็ง่วงนอนแล้ว แต่พอจะนอน มีเสียงเพลงดังๆ ไม่รู้ที่ไหนจัดงาน เสียงรถดังๆ ดูวุ่นวายไปหมด
คือบางครั้งอยากถามนะ ว่าถ้ามึงอยากฟังดังๆ ทำไมมึงไม่ปิดกระจกแล้วฟังคนเดียว เคยมีครั้งนึงไปเดินตลาดกับหลาน เจอพวกรถยนต์เปิดเพลงดังๆแบบนี้ หลานถามว่าทำไมเขาเปิดเสียงดัง
ผมตอบไปว่า บ้านเขาจนนะลูก อยากฟังเพลงดังๆ แต่ไม่มีเงินซื้อหูฟัง อย่าไปว่าเขาเลย.. เขาน่าสงสารนะลูก
กลับไปดูผลบอล อาร์เซนอลคงเส้น คงวา เหมือนเดิม นัดแรกแพ้มา 5:1 นัดนี้ก็แพ้ 5:1 เหมือนเดิม สาธุๆๆๆๆ
วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560
บันทึกของเมื่อวาน 6 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 6 มีนาคม 2560
เช้านี้อากาศร้อนตั้งแต่ตื่นนอน ดูสภาพแล้วคงจะร้อนมากขึ้นในตอนเที่ยงๆ กินข้าวกับแกงจืดลูกชิ้นที่ซื้อมาเมื่อวานตอนเย็น อุ่นให้ร้อนๆ ถุงเดียวกินสองคน พอประคองชีวิตไปได้อีกวัน
แม่เอาเงินค่าลูกเนียงมาให้ 500 รู้สึกว่ามันเยอะมาก เนียงต้นหลังบ้านยังพอมีให้เก็บอยู่อีกนิดหน่อย คงพอได้ค่าน้ำ ค่าไฟเดือนนี้ กินข้าวเสร็จเดินเข้าสวน วันนี้พ่อเข้ามานอนเล่นในสวนด้วย
ตัดหญ้าไปได้ไม่มาก คุณนายบอกว่าตอนเที่ยงเขาจะมาเอามะพร้าวน้ำหอม ให้ตัดไว้ให้ด้วย หยุดพักงานตัดหญ้าลงมาตัดมะพร้าวก่อน ได้ไป แปดสิบลูก ลูกละสิบบาท ... ดีกว่าอยู่เปล่าๆจริงๆ
เที่ยงตรงกลับมาตัดหญ้าต่อ ได้ไปอีกไม่มากเท่าไหร่ อากาศร้อนจนไม่มีแรง บ่ายโมงกว่าๆเลิกงานสวนกลับลงมาที่บ้าน หาข้อมูลตำนานเก่า มาลงไว้ในบันทึก ช่วงนี้รู้สึกว่าจะอ่านหนังสือได้มากขึ้น
เมื่อก่อนถ้าเป็นเล่มไม่หนามาก ผมอ่านวันละสองเล่ม แต่ถ้าเป็นนิยาย จะอ่านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบ แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน จนกระทั่ง มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทำให้จินตนาการด้านนี้ของผมหายไป อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง มีอะไรให้คิดเยอะมาก
ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านแบบจริงจังเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ วางทุกอย่าง งานหนักๆ เพื่อนเหี้ยๆ แล้วเลิกสนใจอะไรๆที่เราควบคุมไม่ได้ (เหลือเรื่องธรรมชโยนะจ๊ะเรื่องเดียว แต่ตอนนี้ ช่างแม่งไปแล้ว) ชีวิตก็เริ่มสงบสุขขื้นมาก
มีรายได้พอประทังชีวิตไปแบบเดือนไม่ค่อยชนเดือน แต่ความสบายใจมีสะสมไว้ใช้ได้อีกหลายปี
วันนี้มีคนติดต่องานติดตั้ง 4G เข้ามา เห็นส่งรายละเอียดมาว่ามี 1000 ไซท์ แต่ผมไม่สู้เสียแล้ว เจ็บมามากพอแล้ว ทั้งงาน ทั้งเงิน ทั้งคน เลยปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่ว่า ขอใช้ชีวิตเงียบๆในสวนแบบนี้ดีกว่า
วันนี้ได้หน่อไผ่หวานมานิดหน่อย รวมกับหน่อตงลืมแล้งอีกสองหน่อ เอาไปให้ป็อกที่ร้าน แวะเติมน้ำมันไป 500 ... เงินได้มาไม่ทันอุ่น จ่ายออกไปอีกแล้ว
ซื้อกับข้าวที่ตลาดท่าข้าม กลับบ้านกินข้าว พักผ่อน วันนี้รู้สึกเพลียมาก นอนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เช้านี้อากาศร้อนตั้งแต่ตื่นนอน ดูสภาพแล้วคงจะร้อนมากขึ้นในตอนเที่ยงๆ กินข้าวกับแกงจืดลูกชิ้นที่ซื้อมาเมื่อวานตอนเย็น อุ่นให้ร้อนๆ ถุงเดียวกินสองคน พอประคองชีวิตไปได้อีกวัน
แม่เอาเงินค่าลูกเนียงมาให้ 500 รู้สึกว่ามันเยอะมาก เนียงต้นหลังบ้านยังพอมีให้เก็บอยู่อีกนิดหน่อย คงพอได้ค่าน้ำ ค่าไฟเดือนนี้ กินข้าวเสร็จเดินเข้าสวน วันนี้พ่อเข้ามานอนเล่นในสวนด้วย
ตัดหญ้าไปได้ไม่มาก คุณนายบอกว่าตอนเที่ยงเขาจะมาเอามะพร้าวน้ำหอม ให้ตัดไว้ให้ด้วย หยุดพักงานตัดหญ้าลงมาตัดมะพร้าวก่อน ได้ไป แปดสิบลูก ลูกละสิบบาท ... ดีกว่าอยู่เปล่าๆจริงๆ
เที่ยงตรงกลับมาตัดหญ้าต่อ ได้ไปอีกไม่มากเท่าไหร่ อากาศร้อนจนไม่มีแรง บ่ายโมงกว่าๆเลิกงานสวนกลับลงมาที่บ้าน หาข้อมูลตำนานเก่า มาลงไว้ในบันทึก ช่วงนี้รู้สึกว่าจะอ่านหนังสือได้มากขึ้น
เมื่อก่อนถ้าเป็นเล่มไม่หนามาก ผมอ่านวันละสองเล่ม แต่ถ้าเป็นนิยาย จะอ่านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบ แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน จนกระทั่ง มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทำให้จินตนาการด้านนี้ของผมหายไป อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง มีอะไรให้คิดเยอะมาก
ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านแบบจริงจังเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ วางทุกอย่าง งานหนักๆ เพื่อนเหี้ยๆ แล้วเลิกสนใจอะไรๆที่เราควบคุมไม่ได้ (เหลือเรื่องธรรมชโยนะจ๊ะเรื่องเดียว แต่ตอนนี้ ช่างแม่งไปแล้ว) ชีวิตก็เริ่มสงบสุขขื้นมาก
มีรายได้พอประทังชีวิตไปแบบเดือนไม่ค่อยชนเดือน แต่ความสบายใจมีสะสมไว้ใช้ได้อีกหลายปี
วันนี้มีคนติดต่องานติดตั้ง 4G เข้ามา เห็นส่งรายละเอียดมาว่ามี 1000 ไซท์ แต่ผมไม่สู้เสียแล้ว เจ็บมามากพอแล้ว ทั้งงาน ทั้งเงิน ทั้งคน เลยปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่ว่า ขอใช้ชีวิตเงียบๆในสวนแบบนี้ดีกว่า
วันนี้ได้หน่อไผ่หวานมานิดหน่อย รวมกับหน่อตงลืมแล้งอีกสองหน่อ เอาไปให้ป็อกที่ร้าน แวะเติมน้ำมันไป 500 ... เงินได้มาไม่ทันอุ่น จ่ายออกไปอีกแล้ว
ซื้อกับข้าวที่ตลาดท่าข้าม กลับบ้านกินข้าว พักผ่อน วันนี้รู้สึกเพลียมาก นอนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
บันทึกไว้กันลืม 2
บันทึกไว้กันลืม 2
จากหนังสือประชุมพระนิพนธ์ สรรพความรู้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ในหนังสือทำเนียบสมณศักดิ์ของชาวเมืองเวียงจันทน์แต่โบราณ เรียกพระภิกษุว่า "เจ้าหัว" และ "เจ้าหม่อม" คำว่า "หัว" "หม่อม" คือหัวของผู้เรียกนั่นเอง
เป็นคำเดียวกันกับที่เรียกเจ้าผู้ครองเมืองว่า "เจ้าย่ำกระหม่อม" หรือ "พระเจ้าอยู่หัว"
ภาษาชาวใต้แต่โบราณเรียกพระว่า "เจ้ากู" มีอยู่ในมหาชาติคำหลวง ซึ่งแต่งในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๕ และยังปรากฏใช้คำว่า "เจ้ากู" มาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ กรุงรัตนโกสินทร์
(คำว่าชาวใต้ ในสมัยก่อน คนทางเหนือจะใช้เรียกพวกแถบภาคกลาง อยุธยา บางกอก ถ้าภาคใต้ในสมัยนี้ จะเรียก ถลาง ไชยา นครศรีธรรมราช หรือมลายู ... อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว)
ภาษาขอม (เขมรเก่า) มีในศิลาจารึก เรียกเจ้าว่า "กมฺรเต็ญอัญ" "กมฺรเต็ญ" แปลตรงกับคำว่า "กู"
ภาษามอญ เรียกพระภิกษุว่า "ตะละปอยน์" ตะละ แปลว่า "เจ้า" ปอยน์ ตรงกับคำว่า "กู"
ภาษามลายู เรียกเจ้าว่า "ตวนกู" ตวน แปลว่าเจ้า ส่วนกู ตรงกับ "กู" ที่ไทยใช้
จากหนังสือประชุมพระนิพนธ์ สรรพความรู้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ในหนังสือทำเนียบสมณศักดิ์ของชาวเมืองเวียงจันทน์แต่โบราณ เรียกพระภิกษุว่า "เจ้าหัว" และ "เจ้าหม่อม" คำว่า "หัว" "หม่อม" คือหัวของผู้เรียกนั่นเอง
เป็นคำเดียวกันกับที่เรียกเจ้าผู้ครองเมืองว่า "เจ้าย่ำกระหม่อม" หรือ "พระเจ้าอยู่หัว"
ภาษาชาวใต้แต่โบราณเรียกพระว่า "เจ้ากู" มีอยู่ในมหาชาติคำหลวง ซึ่งแต่งในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๕ และยังปรากฏใช้คำว่า "เจ้ากู" มาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ กรุงรัตนโกสินทร์
(คำว่าชาวใต้ ในสมัยก่อน คนทางเหนือจะใช้เรียกพวกแถบภาคกลาง อยุธยา บางกอก ถ้าภาคใต้ในสมัยนี้ จะเรียก ถลาง ไชยา นครศรีธรรมราช หรือมลายู ... อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว)
ภาษาขอม (เขมรเก่า) มีในศิลาจารึก เรียกเจ้าว่า "กมฺรเต็ญอัญ" "กมฺรเต็ญ" แปลตรงกับคำว่า "กู"
ภาษามอญ เรียกพระภิกษุว่า "ตะละปอยน์" ตะละ แปลว่า "เจ้า" ปอยน์ ตรงกับคำว่า "กู"
ภาษามลายู เรียกเจ้าว่า "ตวนกู" ตวน แปลว่าเจ้า ส่วนกู ตรงกับ "กู" ที่ไทยใช้
มหาราชแห่งซาบากตีเมืองกัมโพชา
เรื่องเล่า "กษัตริย์เขมรผู้ทะเยอทะยาน" นั่งคุยกับพี่บุญฤทธิ์ เรื่องศรีษะแช่น้ำผึ้ง ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องราวเต็มๆจะอยู่ในหนังสือ "พนม ทวาราวดี ศรีวิชัย" ของท่านธรรมทาส พานิช ... วันนี้จะเล่าแบบย่อๆให้ฟัง
เรื่องกษัตริย์ซาบากปราบกษัตริย์แห่งกัมโพชานี้มีอยู่ในบันทึกเก่าๆหลายที่ เรื่องราวก็จะเป็นแนวนี้ทั้งสิ้น แตกต่างกันบ้างที่รายละเอียดบางอย่าง
ประมาณ พ.ศ 1394 พ่อค้าชาวอาหรับชื่อสุไลมาน ได้เขียนบันทึกเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาเมื่อคราวเดินเรือมายังดินแดนทะเลใต้เอาไว้ว่า มีกษัตริย์ไศเลนทรวงศ์ เมืองซาบาก พระองค์หนึ่งแล่นเรือไปยังดินแดนกัมโพชา เพื่อสั่งสอนกษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองนั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณร้อยปีก่อนที่สุไลมานจะมาถึง คงจะปี พ.ศ.1294 ดินแดนกัมโพชามีความเจริญรุ่งเรืองอยู่มาก เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ก็ยังคงน้อยกว่าซาบาก ที่มีกองทัพและกองเรือค้าขายที่ยิ่งใหญ่ สามารถควบคุมการเดินเรือในแถบนี้ไว้ได้ทั้งหมด โดยระยะทางจากเมืองซาบาก ถึง กัมโพชา ใช้เวลา 10 -20 วัน ขึ้นอยู่กับกระแสลม
วันหนึ่งกษัตริย์หนุ่มได้ตรัสกับเสนาบดีว่า "ฉันอยากได้เห็นศีรษะของมหาราชแห่งซาบาก ใส่ถาดมาวางตรงหน้าฉัน" เสนาบดีผู้ใหญ่ท่านนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า กษัตริย์หนุ่มผู้นี้ กล่าวขึ้นเช่นนี้เพราะมีความริษยามหาราชแห่งซาบาก รวมทั้งอายุยังน้อยถึงได้หุนหันพลันแล่นเช่นนี้
เสนาบดีได้ทัดทาน ห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผล กษัตริย์หนุ่มยังพูดแบบเดียวกันกับ นายทหารและข้าราชสำนักอีกหลายคน จนข่าวแพร่กระจายออกไปถึงพระกรรณของมหาราชแห่งซาบาก เมื่อรับทราบเรื่องท่านได้เรียกเสนาบดีเข้ามาพบแล้วตรัสว่า
"เนื่องด้วยคำกล่าว แห่งพระราชาเขมรผู้โง่เขลา กล่าวออกไปด้วยความหนุ่มคะนองต่อประชาชนเช่นนั้น ฉันต้องออกรับ การไม่เอาใจใส่ต่อคำพูดหมิ่นเช่นนี้ จะเป็นการอ่อนข้อต่อเขา"
พระองค์กำชับให้เสนาบดีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จัดเตรียมกองเรือและอาวุธ ป่าวประกาศไปยังเมืองต่างๆในหมู่เกาะทะเลใต้ว่า ท่านจะออกประพาสท้องทะเล เมืองต่างๆก็เตรียมตัวต้อนรับมหาราชกันอย่างยิ่งใหญ่
แต่เมื่อถึงวันเดินทาง มหาราชแห่งซาบาก รับสั่งให้เดินทางมุ่งตรงไปสู่นครกัมโพชาในทันที กษัตริย์หนุ่มแห่งกัมโพชา กว่าจะรู้ตัวก็โดนกองกำลังของมหาราชยึดเมืองไว้ได้ทั้งหมดเสียแล้ว
มหาราชแห่งซาบาก เสด็จขึ้นประทับบนบัลลังก์ของกษัตริย์เขมรพระองค์นั้น แล้วให้เบิกตัวกษัตริย์เชลยออกมาเข้าเฝ้า
"ทำไมท่านถึงคิดในสิ่งอันไม่อยู่ในวิสัยที่ท่านจะทำได้ แต่ถึงแม้จะเป็นไปได้ก็ไม่มีใครเห็นด้วย ถ้าท่านอยากจะยึดอาณาจักรของฉันทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน ฉันก็จะทำกับกัมโพชาเหมือนกับที่ท่านจะทำกับอาณาจักรของฉัน
แต่นี่ท่านปรารถนาแค่จะเห็นศีรษะฉันใส่ถาดมาตั้งตรงหน้าของท่าน ฉันก็จะทำกับท่าน เพียงเท่าที่ท่านจะทำแก่ฉัน"
แล้วรับสั่งให้ตัดศีรษะของกษัตริย์เขมร พร้อมทั้งรับสั่งกับเสนาบดีให้เลือกผู้ที่เหมาะสมขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อเถิด แล้วมหาราชแห่งซาบากก็เดินทางกลับเมือง พร้อมศีรษะของกษัตริย์เขมร โดยที่ไม่นำทรัพย์สมบัติใดๆของเมืองกัมโพชากลับมาด้วยเลย
เมื่อกลับถึงพระนครของพระองค์ รับสั่งเรียกประชุมเสนาบดีทั้งหมด พร้อมทั้งนำศีรษะของกษัตริย์เขมร ใส่ถาดออกมาวางตรงหน้า แล้วรับสั่งเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เสนาบดีทั้งหลายได้รับทราบถึงเหตุผลที่พระองค์ต้องทำเช่นนั้น
หลังจากนั้นทรงรับสั่งให้ทำความสะอาดศีรษะ บรรจุใส่กล่อง หรือหีบ แล้วส่งกลับไปให้กษัตริย์เขมรพระองค์ใหม่พร้อมกับแจ้งไปว่า
"เราจำต้องทำ อย่างที่ได้ทำมาแล้ว ก็เพราะความอาฆาตมาดร้าย ของพระราชาองค์ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้คิดอาฆาตต่อเราก่อน เราได้ลงโทษเขาแล้ว เพื่อเป็นบทเรียนต่อผู้อื่น ที่อยากจะลองเอาอย่างเขา"
เมื่อเรื่องราวแพร่หลายออกไปประชาชนรวมทั้งอาณาจักรใกล้เคียงต่างสรรเสริญพระองค์และให้ความยำเกรงอาณาจักรซาบากเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นราชาแห่งกัมโพชา เมื่อนอนจะหันศีรษะลงมาทางใต้ เป็นทิศหัวนอน เมื่อตื่นนอนจะโค้งศีรษะลงมาทางใต้ เพื่อทำความเคารพมหาราชแห่งซาบากเป็นประจำทุกวัน
เรื่องกษัตริย์ซาบากปราบกษัตริย์แห่งกัมโพชานี้มีอยู่ในบันทึกเก่าๆหลายที่ เรื่องราวก็จะเป็นแนวนี้ทั้งสิ้น แตกต่างกันบ้างที่รายละเอียดบางอย่าง
ประมาณ พ.ศ 1394 พ่อค้าชาวอาหรับชื่อสุไลมาน ได้เขียนบันทึกเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาเมื่อคราวเดินเรือมายังดินแดนทะเลใต้เอาไว้ว่า มีกษัตริย์ไศเลนทรวงศ์ เมืองซาบาก พระองค์หนึ่งแล่นเรือไปยังดินแดนกัมโพชา เพื่อสั่งสอนกษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองนั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณร้อยปีก่อนที่สุไลมานจะมาถึง คงจะปี พ.ศ.1294 ดินแดนกัมโพชามีความเจริญรุ่งเรืองอยู่มาก เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ก็ยังคงน้อยกว่าซาบาก ที่มีกองทัพและกองเรือค้าขายที่ยิ่งใหญ่ สามารถควบคุมการเดินเรือในแถบนี้ไว้ได้ทั้งหมด โดยระยะทางจากเมืองซาบาก ถึง กัมโพชา ใช้เวลา 10 -20 วัน ขึ้นอยู่กับกระแสลม
วันหนึ่งกษัตริย์หนุ่มได้ตรัสกับเสนาบดีว่า "ฉันอยากได้เห็นศีรษะของมหาราชแห่งซาบาก ใส่ถาดมาวางตรงหน้าฉัน" เสนาบดีผู้ใหญ่ท่านนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า กษัตริย์หนุ่มผู้นี้ กล่าวขึ้นเช่นนี้เพราะมีความริษยามหาราชแห่งซาบาก รวมทั้งอายุยังน้อยถึงได้หุนหันพลันแล่นเช่นนี้
เสนาบดีได้ทัดทาน ห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผล กษัตริย์หนุ่มยังพูดแบบเดียวกันกับ นายทหารและข้าราชสำนักอีกหลายคน จนข่าวแพร่กระจายออกไปถึงพระกรรณของมหาราชแห่งซาบาก เมื่อรับทราบเรื่องท่านได้เรียกเสนาบดีเข้ามาพบแล้วตรัสว่า
"เนื่องด้วยคำกล่าว แห่งพระราชาเขมรผู้โง่เขลา กล่าวออกไปด้วยความหนุ่มคะนองต่อประชาชนเช่นนั้น ฉันต้องออกรับ การไม่เอาใจใส่ต่อคำพูดหมิ่นเช่นนี้ จะเป็นการอ่อนข้อต่อเขา"
พระองค์กำชับให้เสนาบดีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จัดเตรียมกองเรือและอาวุธ ป่าวประกาศไปยังเมืองต่างๆในหมู่เกาะทะเลใต้ว่า ท่านจะออกประพาสท้องทะเล เมืองต่างๆก็เตรียมตัวต้อนรับมหาราชกันอย่างยิ่งใหญ่
แต่เมื่อถึงวันเดินทาง มหาราชแห่งซาบาก รับสั่งให้เดินทางมุ่งตรงไปสู่นครกัมโพชาในทันที กษัตริย์หนุ่มแห่งกัมโพชา กว่าจะรู้ตัวก็โดนกองกำลังของมหาราชยึดเมืองไว้ได้ทั้งหมดเสียแล้ว
มหาราชแห่งซาบาก เสด็จขึ้นประทับบนบัลลังก์ของกษัตริย์เขมรพระองค์นั้น แล้วให้เบิกตัวกษัตริย์เชลยออกมาเข้าเฝ้า
"ทำไมท่านถึงคิดในสิ่งอันไม่อยู่ในวิสัยที่ท่านจะทำได้ แต่ถึงแม้จะเป็นไปได้ก็ไม่มีใครเห็นด้วย ถ้าท่านอยากจะยึดอาณาจักรของฉันทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน ฉันก็จะทำกับกัมโพชาเหมือนกับที่ท่านจะทำกับอาณาจักรของฉัน
แต่นี่ท่านปรารถนาแค่จะเห็นศีรษะฉันใส่ถาดมาตั้งตรงหน้าของท่าน ฉันก็จะทำกับท่าน เพียงเท่าที่ท่านจะทำแก่ฉัน"
แล้วรับสั่งให้ตัดศีรษะของกษัตริย์เขมร พร้อมทั้งรับสั่งกับเสนาบดีให้เลือกผู้ที่เหมาะสมขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อเถิด แล้วมหาราชแห่งซาบากก็เดินทางกลับเมือง พร้อมศีรษะของกษัตริย์เขมร โดยที่ไม่นำทรัพย์สมบัติใดๆของเมืองกัมโพชากลับมาด้วยเลย
เมื่อกลับถึงพระนครของพระองค์ รับสั่งเรียกประชุมเสนาบดีทั้งหมด พร้อมทั้งนำศีรษะของกษัตริย์เขมร ใส่ถาดออกมาวางตรงหน้า แล้วรับสั่งเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เสนาบดีทั้งหลายได้รับทราบถึงเหตุผลที่พระองค์ต้องทำเช่นนั้น
หลังจากนั้นทรงรับสั่งให้ทำความสะอาดศีรษะ บรรจุใส่กล่อง หรือหีบ แล้วส่งกลับไปให้กษัตริย์เขมรพระองค์ใหม่พร้อมกับแจ้งไปว่า
"เราจำต้องทำ อย่างที่ได้ทำมาแล้ว ก็เพราะความอาฆาตมาดร้าย ของพระราชาองค์ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้คิดอาฆาตต่อเราก่อน เราได้ลงโทษเขาแล้ว เพื่อเป็นบทเรียนต่อผู้อื่น ที่อยากจะลองเอาอย่างเขา"
เมื่อเรื่องราวแพร่หลายออกไปประชาชนรวมทั้งอาณาจักรใกล้เคียงต่างสรรเสริญพระองค์และให้ความยำเกรงอาณาจักรซาบากเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นราชาแห่งกัมโพชา เมื่อนอนจะหันศีรษะลงมาทางใต้ เป็นทิศหัวนอน เมื่อตื่นนอนจะโค้งศีรษะลงมาทางใต้ เพื่อทำความเคารพมหาราชแห่งซาบากเป็นประจำทุกวัน
บันทึกของเมื่อวาน 5 มีนาคม 2560
บันทึกของเมื่อวาน 5 มีนาคม 2560
ตื่นมาเช็คผลบอล เป็นไปตามคาด แพ้ลิเวอร์พูลไป 3:1 คงถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรๆหลายอย่าง อาร์เซนอล มีนักเตะดีๆเยอะ แต่ขาดหัวใจและทีมเวิร์ค
บางครั้งคนเราอยู่กับสิ่งเดิมๆนานๆ ทำให้ขาดแรงจูงใจ อาร์เซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลก็เช่นกัน เคยผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ทำให้ค่อนข้างจะหัวรั้น ไม่ฟังใคร โลกฟุตบอลเปลี่ยนไปตลอดเวลา แผนเดิมๆโดนจับทางได้ มุมมองการแก้ไขไม่ทันสมัย
คงต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ให้คลื่นลูกใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนได้แล้ว ... คิดๆไปก็คล้ายๆกันกับผมเนอะ แก่แล้วให้ทำงานเหมือนเดิมก็ไม่ไหว ไม่ทันเด็กรุ่นใหม่ๆแล้ว ต้องมาเป็นหมาแก่ตัดหญ้า ขุดดินอยู่ในสวนแบบนี้แหละ
กินกาแฟเสร็จ แบกกล้องออกไปเดินดูนกหลังบ้าน มีนกหลายตัว แต่ถ่ายยากเหมือนเดิม ได้ภาพนกบินหลามา แต่ยังไม่แจ่ม ต้องรอมาดักถ่ายใหม่อีกครั้ง ส่วนนกโพระดกกับนกหัวขวาน ได้ยินแต่เสียงหาตัวไม่เจอ
กลับมากินข้าวแล้วเข้าสวน ทำงานเหมือนเดิม เดินไปดูปลาดุก ว่าจะตักไปให้โอมกับบอยที่ขอไว้ แต่ตัวมันใหญ่มาก โตไวจริงๆ คงต้องรอลูกรุ่นหลังอีกที เห็นมะม่วงเบามีดอกอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ปีนี้ว่าจะคัดไว้เพาะต้นพันธุ์เพิ่มอีกซักยี่สิบต้น เมื่อสามปีที่แล้ว ผมปลูกมะม่วงไว้ห้าต้น ปีนี้กำลังงาม แต่ยังไม่เป็นลูก
มังคุดต้นริมบ่อน้ำ มียอดแหลมๆสีแดงที่เรียกว่าปากนกแก้ว ออกมาบ้างแล้ว สังเกตจากปีที่แล้วว่าถ้ามังคุด ออกยอดแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นดอก แต่ทั้งสวนก็เพิ่งเจอต้นเดียวนี่แหละ ... สู้ๆ ทำไปเรื่อยๆ ตามประสา เกษตรกรมือใหม่
ลงจากสวนมาตอนบ่ายสอง อาบน้ำ นอน พ่อเดินมานอนเล่นที่บ้านด้วย วันนี้หยิบหนังสือเก่าของป้าอี๊ด ทมยันตี มาอ่าน เรื่องสนธยากาล เป็นเรื่องเล่าในอดีต ที่เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ ในการเขียนเล่มนี้ ป้าอี๊ดใช้นามปากกา มายาวดี อ่านไปจนหกโมงเย็น ได้ครึ่งเล่ม ออกไปตลาดศรีท่าข้ามซื้อกับข้าว มาเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
กลับมาอ่านหนังสือต่อจนจบประมาณสามทุ่ม นานมากแล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสือรวดเดียวจบเล่ม ตั้งแต่มีเฟซบุ๊ค มีไลน์ แต่วันนี้อ่านจนจบ ตอนแรกตั้งใจว่าจะหาข้อมูลเรื่อง ตำนานพระเจ้ากรุงศรีวิชัย ข้ามทะเลไปตัดหัวพระเจ้ากรุงกัมโภช แต่เจอเล่มนี้เสียก่อน
พรุ่งนี้ค่อยค้นข้อมูลเรื่องพระเจ้ากรุงศรีวิชัยอีกที ... ถ้าไม่เจอเล่มไหนตัดหน้ามาให้อ่านก่อน คงจะเจอ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าอยู่ในหนังสือของท่านธรรมทาส พานิช
คืนนี้นอนเร็วเช่นเดิม เหนื่อยมาทั้งวัน หลับตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ก็ดีที่ได้นอนเร็ว ตื่นมาไม่เพลีย ทำงานได้ ไม่เหมือนสมัยนอนดึก ตื่นมาจะเพลียๆ ไม่ค่อยมีแรงทำงาน
ตื่นมาเช็คผลบอล เป็นไปตามคาด แพ้ลิเวอร์พูลไป 3:1 คงถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรๆหลายอย่าง อาร์เซนอล มีนักเตะดีๆเยอะ แต่ขาดหัวใจและทีมเวิร์ค
บางครั้งคนเราอยู่กับสิ่งเดิมๆนานๆ ทำให้ขาดแรงจูงใจ อาร์เซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลก็เช่นกัน เคยผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ทำให้ค่อนข้างจะหัวรั้น ไม่ฟังใคร โลกฟุตบอลเปลี่ยนไปตลอดเวลา แผนเดิมๆโดนจับทางได้ มุมมองการแก้ไขไม่ทันสมัย
คงต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ให้คลื่นลูกใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนได้แล้ว ... คิดๆไปก็คล้ายๆกันกับผมเนอะ แก่แล้วให้ทำงานเหมือนเดิมก็ไม่ไหว ไม่ทันเด็กรุ่นใหม่ๆแล้ว ต้องมาเป็นหมาแก่ตัดหญ้า ขุดดินอยู่ในสวนแบบนี้แหละ
กินกาแฟเสร็จ แบกกล้องออกไปเดินดูนกหลังบ้าน มีนกหลายตัว แต่ถ่ายยากเหมือนเดิม ได้ภาพนกบินหลามา แต่ยังไม่แจ่ม ต้องรอมาดักถ่ายใหม่อีกครั้ง ส่วนนกโพระดกกับนกหัวขวาน ได้ยินแต่เสียงหาตัวไม่เจอ
กลับมากินข้าวแล้วเข้าสวน ทำงานเหมือนเดิม เดินไปดูปลาดุก ว่าจะตักไปให้โอมกับบอยที่ขอไว้ แต่ตัวมันใหญ่มาก โตไวจริงๆ คงต้องรอลูกรุ่นหลังอีกที เห็นมะม่วงเบามีดอกอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ปีนี้ว่าจะคัดไว้เพาะต้นพันธุ์เพิ่มอีกซักยี่สิบต้น เมื่อสามปีที่แล้ว ผมปลูกมะม่วงไว้ห้าต้น ปีนี้กำลังงาม แต่ยังไม่เป็นลูก
มังคุดต้นริมบ่อน้ำ มียอดแหลมๆสีแดงที่เรียกว่าปากนกแก้ว ออกมาบ้างแล้ว สังเกตจากปีที่แล้วว่าถ้ามังคุด ออกยอดแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นดอก แต่ทั้งสวนก็เพิ่งเจอต้นเดียวนี่แหละ ... สู้ๆ ทำไปเรื่อยๆ ตามประสา เกษตรกรมือใหม่
ลงจากสวนมาตอนบ่ายสอง อาบน้ำ นอน พ่อเดินมานอนเล่นที่บ้านด้วย วันนี้หยิบหนังสือเก่าของป้าอี๊ด ทมยันตี มาอ่าน เรื่องสนธยากาล เป็นเรื่องเล่าในอดีต ที่เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ ในการเขียนเล่มนี้ ป้าอี๊ดใช้นามปากกา มายาวดี อ่านไปจนหกโมงเย็น ได้ครึ่งเล่ม ออกไปตลาดศรีท่าข้ามซื้อกับข้าว มาเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
กลับมาอ่านหนังสือต่อจนจบประมาณสามทุ่ม นานมากแล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสือรวดเดียวจบเล่ม ตั้งแต่มีเฟซบุ๊ค มีไลน์ แต่วันนี้อ่านจนจบ ตอนแรกตั้งใจว่าจะหาข้อมูลเรื่อง ตำนานพระเจ้ากรุงศรีวิชัย ข้ามทะเลไปตัดหัวพระเจ้ากรุงกัมโภช แต่เจอเล่มนี้เสียก่อน
พรุ่งนี้ค่อยค้นข้อมูลเรื่องพระเจ้ากรุงศรีวิชัยอีกที ... ถ้าไม่เจอเล่มไหนตัดหน้ามาให้อ่านก่อน คงจะเจอ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าอยู่ในหนังสือของท่านธรรมทาส พานิช
คืนนี้นอนเร็วเช่นเดิม เหนื่อยมาทั้งวัน หลับตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ก็ดีที่ได้นอนเร็ว ตื่นมาไม่เพลีย ทำงานได้ ไม่เหมือนสมัยนอนดึก ตื่นมาจะเพลียๆ ไม่ค่อยมีแรงทำงาน
บันทึกไว้กันลืม / 1
บันทึกไว้กันลืม / 1
"สูปะ" แปลว่า อาหารที่เป็นน้ำ เช่น แกง "พยัญชนะ" นอกจากแปลว่าการออกเสียง หรือตัวอักษร ยังแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า อาหารแห้ง (ที่ไม่ใช่แกง)
ใช้คู่กับคำว่าสูปะ เป็นคำว่า "สูปะพยัญชนะ" แปลว่ากับข้าว
"สูปะ" แปลว่า อาหารที่เป็นน้ำ เช่น แกง "พยัญชนะ" นอกจากแปลว่าการออกเสียง หรือตัวอักษร ยังแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า อาหารแห้ง (ที่ไม่ใช่แกง)
ใช้คู่กับคำว่าสูปะ เป็นคำว่า "สูปะพยัญชนะ" แปลว่ากับข้าว
เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์พระเทพญาณมหามุนี
เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์
ด้วย พระเทพญาณมหามุนี (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีกระทําความผิดข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ตามที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ที่ ๙๔๒/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และยังถูกกล่าวหาในคดีอาญาฐานอื่นอีกหลายฐานความผิด ซึ่งอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องในบางคดีด้วยแล้ว แต่พระเทพญาณมหามุนีไม่ยอมมอบตัวตามหมายเรียก และได้หลบหนีคดีดังกล่าว จึงไม่สมควรดํารงอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป และได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไปแล้ว
บัดนี้ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอน พระเทพญาณมหามุนี(พระไชยบูลย์ สุทธิผล) ออกจากสมณศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๐
ประกาศ ณ วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560
ตุ๊กกาย หรือ ตุ๊กแกป่า
ตุ๊กกาย : ภาพจากในสวนผมเอง
ข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย
ตุ๊กกาย หรือ ตุ๊กแกป่า (อังกฤษ: Curve-toed geckos) สัตว์เลื้อยคลานจำพวกหนึ่ง มีรูปร่างคล้ายตุ๊กแก แต่มีขนาดเล็กกว่า อยู่ในวงศ์ Gekkonidae เช่นเดียวกับตุ๊กแกและจิ้งจก โดยอยู่ในสกุล Cyrtodactylus
มีลักษณะสำคัญ คือ มีนิ้วเท้าและเล็บที่แหลมยาว ไม่มีปุ่มดูดจึงไม่สามารถดูดติดเกาะผนังได้เหมือนตุ๊กแกและจิ้งจก ใช้ได้เพียงแค่ปีนป่ายเหมือนกิ้งก่าเท่านั้น
อาศัยอยู่ในถ้ำและป่า ของทวีปเอเชียไม่พบในเมือง มีประมาณ 89 ชนิด ปัจจุบันพบแล้วในประเทศไทยประมาณ 30 ชนิด
สถานะปัจจุบันเป็นสัตว์หายากชนิดหนึ่ง เคยเป็นสัตว์ที่ถูกบรรจุชื่อไว้ในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แต่เมื่อมีการปรับปรุงใหม่ในปี พ.ศ. 2546 ถูกถอดชื่อออกไป
โดยคำว่า "ตุ๊กกาย" ผู้ที่บัญญัติชื่อนี้ขึ้นมา คือ นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล อดีตนักอนุรักษ์ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของไทย