เรื่องเล่า "กษัตริย์เขมรผู้ทะเยอทะยาน" นั่งคุยกับพี่บุญฤทธิ์ เรื่องศรีษะแช่น้ำผึ้ง ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องราวเต็มๆจะอยู่ในหนังสือ "พนม ทวาราวดี ศรีวิชัย" ของท่านธรรมทาส พานิช ... วันนี้จะเล่าแบบย่อๆให้ฟัง
เรื่องกษัตริย์ซาบากปราบกษัตริย์แห่งกัมโพชานี้มีอยู่ในบันทึกเก่าๆหลายที่ เรื่องราวก็จะเป็นแนวนี้ทั้งสิ้น แตกต่างกันบ้างที่รายละเอียดบางอย่าง
ประมาณ พ.ศ 1394 พ่อค้าชาวอาหรับชื่อสุไลมาน ได้เขียนบันทึกเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาเมื่อคราวเดินเรือมายังดินแดนทะเลใต้เอาไว้ว่า มีกษัตริย์ไศเลนทรวงศ์ เมืองซาบาก พระองค์หนึ่งแล่นเรือไปยังดินแดนกัมโพชา เพื่อสั่งสอนกษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองนั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณร้อยปีก่อนที่สุไลมานจะมาถึง คงจะปี พ.ศ.1294 ดินแดนกัมโพชามีความเจริญรุ่งเรืองอยู่มาก เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ก็ยังคงน้อยกว่าซาบาก ที่มีกองทัพและกองเรือค้าขายที่ยิ่งใหญ่ สามารถควบคุมการเดินเรือในแถบนี้ไว้ได้ทั้งหมด โดยระยะทางจากเมืองซาบาก ถึง กัมโพชา ใช้เวลา 10 -20 วัน ขึ้นอยู่กับกระแสลม
วันหนึ่งกษัตริย์หนุ่มได้ตรัสกับเสนาบดีว่า "ฉันอยากได้เห็นศีรษะของมหาราชแห่งซาบาก ใส่ถาดมาวางตรงหน้าฉัน" เสนาบดีผู้ใหญ่ท่านนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า กษัตริย์หนุ่มผู้นี้ กล่าวขึ้นเช่นนี้เพราะมีความริษยามหาราชแห่งซาบาก รวมทั้งอายุยังน้อยถึงได้หุนหันพลันแล่นเช่นนี้
เสนาบดีได้ทัดทาน ห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผล กษัตริย์หนุ่มยังพูดแบบเดียวกันกับ นายทหารและข้าราชสำนักอีกหลายคน จนข่าวแพร่กระจายออกไปถึงพระกรรณของมหาราชแห่งซาบาก เมื่อรับทราบเรื่องท่านได้เรียกเสนาบดีเข้ามาพบแล้วตรัสว่า
"เนื่องด้วยคำกล่าว แห่งพระราชาเขมรผู้โง่เขลา กล่าวออกไปด้วยความหนุ่มคะนองต่อประชาชนเช่นนั้น ฉันต้องออกรับ การไม่เอาใจใส่ต่อคำพูดหมิ่นเช่นนี้ จะเป็นการอ่อนข้อต่อเขา"
พระองค์กำชับให้เสนาบดีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จัดเตรียมกองเรือและอาวุธ ป่าวประกาศไปยังเมืองต่างๆในหมู่เกาะทะเลใต้ว่า ท่านจะออกประพาสท้องทะเล เมืองต่างๆก็เตรียมตัวต้อนรับมหาราชกันอย่างยิ่งใหญ่
แต่เมื่อถึงวันเดินทาง มหาราชแห่งซาบาก รับสั่งให้เดินทางมุ่งตรงไปสู่นครกัมโพชาในทันที กษัตริย์หนุ่มแห่งกัมโพชา กว่าจะรู้ตัวก็โดนกองกำลังของมหาราชยึดเมืองไว้ได้ทั้งหมดเสียแล้ว
มหาราชแห่งซาบาก เสด็จขึ้นประทับบนบัลลังก์ของกษัตริย์เขมรพระองค์นั้น แล้วให้เบิกตัวกษัตริย์เชลยออกมาเข้าเฝ้า
"ทำไมท่านถึงคิดในสิ่งอันไม่อยู่ในวิสัยที่ท่านจะทำได้ แต่ถึงแม้จะเป็นไปได้ก็ไม่มีใครเห็นด้วย ถ้าท่านอยากจะยึดอาณาจักรของฉันทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน ฉันก็จะทำกับกัมโพชาเหมือนกับที่ท่านจะทำกับอาณาจักรของฉัน
แต่นี่ท่านปรารถนาแค่จะเห็นศีรษะฉันใส่ถาดมาตั้งตรงหน้าของท่าน ฉันก็จะทำกับท่าน เพียงเท่าที่ท่านจะทำแก่ฉัน"
แล้วรับสั่งให้ตัดศีรษะของกษัตริย์เขมร พร้อมทั้งรับสั่งกับเสนาบดีให้เลือกผู้ที่เหมาะสมขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อเถิด แล้วมหาราชแห่งซาบากก็เดินทางกลับเมือง พร้อมศีรษะของกษัตริย์เขมร โดยที่ไม่นำทรัพย์สมบัติใดๆของเมืองกัมโพชากลับมาด้วยเลย
เมื่อกลับถึงพระนครของพระองค์ รับสั่งเรียกประชุมเสนาบดีทั้งหมด พร้อมทั้งนำศีรษะของกษัตริย์เขมร ใส่ถาดออกมาวางตรงหน้า แล้วรับสั่งเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เสนาบดีทั้งหลายได้รับทราบถึงเหตุผลที่พระองค์ต้องทำเช่นนั้น
หลังจากนั้นทรงรับสั่งให้ทำความสะอาดศีรษะ บรรจุใส่กล่อง หรือหีบ แล้วส่งกลับไปให้กษัตริย์เขมรพระองค์ใหม่พร้อมกับแจ้งไปว่า
"เราจำต้องทำ อย่างที่ได้ทำมาแล้ว ก็เพราะความอาฆาตมาดร้าย ของพระราชาองค์ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้คิดอาฆาตต่อเราก่อน เราได้ลงโทษเขาแล้ว เพื่อเป็นบทเรียนต่อผู้อื่น ที่อยากจะลองเอาอย่างเขา"
เมื่อเรื่องราวแพร่หลายออกไปประชาชนรวมทั้งอาณาจักรใกล้เคียงต่างสรรเสริญพระองค์และให้ความยำเกรงอาณาจักรซาบากเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นราชาแห่งกัมโพชา เมื่อนอนจะหันศีรษะลงมาทางใต้ เป็นทิศหัวนอน เมื่อตื่นนอนจะโค้งศีรษะลงมาทางใต้ เพื่อทำความเคารพมหาราชแห่งซาบากเป็นประจำทุกวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น